รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ พันธุ์แมว ลักษณะของแมวแต่ละสายพันธุ์ รวมสายพันธุ์แมว ที่นิยมเลี้ยงกันทั่วไป เพื่อคุณผู้อ่านจะได้รู้ถึงมาตรฐานสายพันธุ์ของแมว แต่ละสายพันธุ์ว่าเป็นอย่างไร นิสัยส่วนตัวเฉพาะสายพันธุ์ว่าเป็นอย่างไร จะได้เลือกมาเลี้ยงได้อย่างถูกต้องและเหมาะสมในกรณีที่กำลังมองหาแมวดีๆ มาเลี้ยง หรือสำหรับคนที่เลี้ยงอยู่แล้วก็จะได้รู้ว่าเจ้าสัตว์เลี้ยงที่เราเลี้ยง อยู่นั้น ต้องการอะไร มีลักษณะตรงตามสายพันธุ์หรือเปล่า จะได้อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุขที่สุดทั้งคนเลี้ยงและสัตว์เลี้ยงค่ะ

Written by on

แมนพันธุ์..อะบีซิเนียน

เชื่อ กันว่าเป็นแมวที่มีบรรพบุรุษ มาจากแมวในอียิปต์โบราณ ในสมัยนั้นคนอียิปต์ต้องถือว่าแมวเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ใช้ในพิธีกรรม การสักการะเทพเจ้าบาเบท ที่เป็นหญิงมีหัวเป็นแมว แมวพันธ์นี้ ได้ถูกนำไปเกาะอังกฤษราวปี 1968 ว่ากันว่าทหารอังกฤษ ที่มารบในสงคราม อะบีสซีเนียน เป็นผู้นำไป แถบที่สงครามเกิดในปัจจุบัน ก็คือ ประเทศเอธิโอเปียนั่นเอง เป็น แมวที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศอียิปต์ ถูกนำเข้าสู่อังกฤษโดยนายทหารที่ไปรบ ที่เกาะซูลู ประมาณปี ค.ศ.1968 เป็นแมวขนาดเล็กและสวยงาม หัวยาวแหลมกว่าแมวไทย ใบหูใหญ่ปลายแหลม ตาสีเหลืองเขียวและน้ำตาลอ่อน ขนสั้นละเอียดเป็นลายกระรอก ปัจจุบันนี้ค่อนข้างหามาเลี้ยงดูได้ยาก

ลักษณะสายพันธุ์

สี : มีสีของแมวคือ น้ำตาลแดง น้ำตาลเข้ม หรือน้ำตาลมีแถบน้ำตาลเข้มปน

รูปร่างและขนาด : เป็นแมวขนาดกลาง ลำตัวสมส่วนเพรียวไม่ดูเทอะทะ หัวจะเป็นรูปลิ่มสามเหลี่ยม ใบหูใหญ่ชี้ขึ้น ตาโตรูปอัลมอนด์ตาสีเหลืองอำพัน หรือสีน้ำตาลแดง สีเขียวก็ยังยอมรับได้ ขาจะยาวเท้าเล็กรูปไข่

ลักษณะนิสัย : รักอิสระ เรียนรู้สิ่งต่างๆว่องไว ฉลาดมากมีความตื่นตัวสูง เหมาะสำหรับคนที่มีบ้านช่องใหญ่โตเพราะเป็นแมวที่ร่าเริงตลอดวัน

ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสาร สัตว์เลี้ยงแสนรัก ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Written by on

Written by on

แมวพันธุ์..อเมริกันขดลวด

มี ต้นกำเนิดมาจากแมวพันธุ์อเมริกันขนสั้น เกิดจากการผสมพันธุ์แล้วให้ลูกแมวที่มีลักษณะแปลกประหลาด คือ จากที่ขนสั้นแน่นเรียบกลับไปได้ลูกแมวที่มีขนหนาแน่นแต่ขนม้วนชี้เป็นลูก คลื่น ว่ากันว่าแมวพันธุ์นี้กำเนิดในเขตชานเมืองนิวยอร์ค ราวปี 1966 นี่เอง

ลักษณะสายพันธุ์

สี : มีสีคล้ายกับแมวพันธุ์อเมริกันขนสั้นมากลายมากสีถึง 34 เฉดลาย

รูปร่างและขนาด : เป็นแมวขนาดกลางถึงใหญ่ มีกล้ามเนื้อชัดเจน แข็งแรง หัวโตรูปไข่แต่มีคางที่เป็นเหลี่ยมเห็นคางชัดเจน หูขนาดกลางกลมมนที่ขอบ ตาโตกลมขอบตาบนด้านนอกใหญ่หนาโค้งลงที่หัวตา สีตาเป็นสีเหลืองทอง ขายาวปานกลางแข็งแรงเท้ากลมใหญ่

ลักษณะนิสัย : ใจดี ขี้เล่นทั้งวัน ฉลาดและสอนง่าย

ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสาร สัตว์เลี้ยงแสนรัก ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Written by on

Written by on

แมวพันธุ์..รัสเซี่ยนบลู

เรียก อีกชื่อหนึ่งว่า แมวรัสเซียสีฟ้า มีถิ่นกำเนิดตามชื่อคือประเทศรัสเซีย แรกเริ่ม เผยแพร่ไปทางประเทศตะวันตกเพราะเป็นของประทานของพระเจ้าชาร์องค์หนึ่งให้แก่ นักการ เมืองอังกฤษ จนแพร่หลายต่อมา บางตำนานก็ว่ากลาสีเรือคนหนึ่งได้เอาแมวชนิดนี้ตัวหนึ่งมา แลกกับขาแกะขาหนึ่งกับเจ้าของอู่เรือ เป็นแมวที่น่ารักและสุภาพเรียบร้อย ลำตัวยาวเรียว หู ใหญ่ปลายแหลม ตาสีเขียว ขนสีฟ้าบริสุทธิ์ปราศจากรอยด่าง พร้อยใดๆและขนสั้นราบเรียบ เป็นเงางามอ่อนนุ่ม

แมวรัสเซี่ยนบลู หรือ แมวรัสเซียสีฟ้า (Russian Blue) เป็นแมวน่ารัก สุภาพเรียบร้อย เงียบ รักสะอาด ขี้เล่น ทว่าขี้อายเล็กน้อย ฉลาดหลักแหลม เช่น สามารถเปิดประตูบ้านได้ด้วยตนเอง เข้ากันได้ดีกับเด็กๆ และสัตว์อื่นๆ อีกทั้งยังมีลักษณะเด่นที่ไม่เหมือนใคร ขนของมันสั้นและหนาแน่น ขนสีฟ้าซึ่งก็คือสีเทาอ่อนเป็นลักษณะเด่นที่แมวพันธุ์นี้มี และยังมีเพียงสีนี้สีเดียวเท่านั้น แต่ด้วยความที่ รัสเซียน บลู เป็นแมวที่มีขนสองชั้น ดูเผิน ๆ คล้ายขนของตัวบีเวอร์ ในระยะแรกจึงเป็นที่รู้จักกันในฐานะแมวทูต หรือ Foreign Blue

ว่ากันว่า ถิ่นกำเนิดเดิมของ แมวรัสเซียน บลู อยู่ทางตอนเหนือของประเทศรัสเซีย โดย แมวรัสเซี่ยน บลู ตัวแรกที่ถูกนำมาอังกฤษ เป็นของที่พระเจ้าซาร์องค์หนึ่งประทานให้แก่นักการเมืองชาวอังกฤษ ขณะที่บางตำนานกล่าวว่า ชาวกลาสีเรือรัสเซียเอาแมวชนิดนี้มาแลกกับขาแกะขาหนึ่งกับเจ้าของอู่เรือในปี ค.ศ. 1860 จนกระทั่งได้กลายเป็นแมวชั้นสูง และเป็นแมวที่นิยมชมชอบมากของราชินี Victoria อย่างไรก็ดี ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ถึงต้นกำเนิดของแมวพันธุ์ Russian Blue อย่างแน่ชัดนัก

รัสเซียน บลู

ตามหลักฐานอ้างอิงระบุว่า แมวพันธุ์นี้ปรากฎตัวสู่งานประกวดแมวเป็นครั้งแรกที่เมือง Crystal Palace ประเทศอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1875 ในฐานะแมวทูต ในตอนแรก Russian Blue ได้ถูกจัดอยู่ในประเภทแมวสี Blue จนยังไม่ทันถึงปี ค.ศ. 1912 Russian Blue ก็ได้รับการรับรองสายพันธุ์ด้วยตัวของมันเอง จนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่สอง นักผสมพันธุ์ชาวอังกฤษและสแกนดิเนเวียได้ทำการปรับปรุงสายพันธุ์ของ Russian Blue ให้ดียิ่งขึ้น

ต่อมา แมวพันธุ์นี้ถูกนำเข้าไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาในช่วงต้นปี ค.ศ. 1900 แต่ได้มีการพัฒนาสายพันธุ์น้อยมาก จนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่สอง นักผสมพันธุ์ชาวอเมริกาได้ทำการผสมแมวอังกฤษกับแมวสีเงินที่มีตาสีเขียว จนกลายเป็น Russian Blue อย่างที่เราเห็นกันในปัจจุบัน จนกระทั่งปี ค.ศ. 1960 แมวพันธุ์นี้ก็เริ่มได้รับความนิยมอย่างมากทั้งในฐานะแมวบ้านและแมวประกวด

สำหรับลักษณะประจำสายพันธุ์ แมวรัสเซียน บลู นั้น เป็นแมวตัวใหญ่ ดวงตากลมโตรูปกลม (Round) สีเขียวสุกใส ศีรษะแบนกว้างคล้ายงู รูปร่างป้อมกลม ล่ำสัน หูได้รูปกับศีรษะ ลำตัวยาวเรียว ขนสั้นอ่อนนุ่มสีเทาเงินล้วนเป็นเงางามอ่อนนุ่มทั่วตัว ปราศจากรอยด่างพร้อย ลักษณะศีรษะเป็นรูปทรงสามเหลี่ยมตั้งขึ้น ขนขึ้นปกคลุมบริเวณคอมีความอ่อนนุ่มลักษณะคล้ายเส้นไหม และลำตัวค่อนข้างยาว

ขอขอบคุณ ที่มา : กะปุก ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Written by on

Written by on

แมวพันธุ์..สฟิงซ์

แมวพันธุ์สฟิงซ์หลายคนรู้จักกันดีในฉายเจ้าแมวไร้ขน หรือหลายคนคงไปนึกถึงรูปปั้นที่หัวเป็นคนตัวเป็นสิงโตที่อียิปต์ไม่ใช่นะคะเราพูดถึงแมวกันอยู่ แมวพันธุ์นี้บางคนก็ว่าแมวประหลาดแต่บางคนกลับหลงรักเจ้าแมวพันธุ์นี้เป็นอย่างมาก เพราะอะไรนะเหรอมาดูกันดีกว่า

ถิ่นกำเนิด มีคนถกเถียงกันว่าแมวพันธุ์นี้เป็นแมวที่มาจากอียิปต์หรือฮาวายกันแน่ แต่ที่แน่ ๆ เลยก็คือมันถูกนำมาเป็นสัตว์เลี้ยงครั้งแรกในแคนดา
ลักษณะ หัวมีทรงคล้ายลิ่ม หูเป็นรูปสามเหลี่ยมปลายมนกลม ตาสีอำพัน ลำตัวยาว ขายาวปานกลาง ผิวหนัง สีน้ำตาลขาว หรือดำขาว ขนเส้นเล็กสั้น พื้นท้องแถบขาวยาวตั้งแต่ปากตลอดทั้งลำตัว หาง ยาวปลายเรียว ถ้าพูดถึงขนของมันไม่มีค่ะ

อุปนิสัย เป็นแมวที่มีความรักใคร่เป็นมิตรกับเจ้าของมากที่สุดเลยก็ว่าได้ เชื่อฟังเจ้าของ มีท่าทีที่เป็นมิตรกับคนแปลกหน้าด้วย เรียกว่าเชื่องมาก ๆ แถมยังขี้อ้อน ขี้ประจบเจ้าของอีกต่างหาก ถ้ามันต้องหารความสนใจมันจะร้องด้วยเสียงเบา ๆ ของมัน แถมเสียงยังขาดหายเป็นจังหวะประมาณว่าเหมือนคนเสียงแหบ
การดูแล แมวไร้ขนมีข้อดีเป็นอย่างยิ่งต่อการดูแล แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันไม่ต้องดูแลเลยนะคะ เพราะด้วยการไม่มีขนของมันผิวหนังมันจึงผลิตน้ำมันมาเคลือบผิวเพ่ือปกป้องผิว จึงต้องการการอาบน้ำและดูแลอย่างเหมาะสมเพ่ือให้ผิวหนังของมันมีสุขภาพดี และถ้าคุณพามันไปออกแดดละก็ควรทาครีมกันแดดสำหรับผิวทารกด้วยนะคะ เพื่อปกป้องผิวหนังของมันจากการโดนทำร้ายจากแสงแดด

แมวสฟิงซ์ถือเป็นแมวที่เหมาะกับคนเป็นโรคภูมิแพ้ด้วย เพราะมันเป็นสัตว์ที่ไม่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ (Hypoallergenic) ในบรรดาแมว ๆ ทั้งหลายเลย แถมนิสัยของมันก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากแมวทั่วไปด้วยแต่ยังเป็นมิตรกว่าแมวทั่ว ๆ ไปเลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นสำหรับคนรักแมวที่เป็นโรคภูมิแพ้หรือคนที่กลัวเป็นภูมิแพ้ก็สามารถหามาเลี้ยงกันได้นะคะ

บาง ครั้งใครๆก็เรียกแมวพันธุ์สฟิงซ์ว่าแมวไม่มีขน แม้ว่าอันที่จริงแล้วมันมีขน ปกคลุมอยู่บางๆ โดยจะเห็นได้ชัดเจนที่ปลายลำตัวทั้งสองข้าง แมวไม่มีขนตัวแรกปรากฎ ที่แคนาดาในพ.ศ. 2509 ต่อมาจึงได้กลายเป็นแมวพันธุ์หนึ่ง โดยใช้แมวขนสั้นของอเมริกา มาผสม สมาคมผู้เลี้ยงแมวส่วนใหญ่ไม่ยอมรับแมวพันธุ์นี้ และเป็นพันธุ์ที่มีปัญหาถกเถียง กันอยู่

ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสาร สัตว์เลี้ยงแสนรัก ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Written by on

Written by on

แมวพันธุ์..พม่า

เกิด จากนักผสมพันธุ์สัตว์ที่ชื่อ ดร.โจเซฟ ทอมสัน เขาได้ผสมพันธุ์แมวพม่าตัวเมียกับแมวไทยพันธุ์วิเชียรมาศตัวผู้ และได้ลูกออกมาเป็นหลายๆเฉดสี หนึ่งในนั้นคือ ลูกแมวสีน้ำตาลดำและมันได้ถูกนำมาคัดเป็นต้นกำเนิดลูกแมวพม่าตัวต่อๆมา

 

ลักษณะสายพันธุ์

รูปร่างและขนาด : เป็นแมวขนาดกลาง รูปร่างแข็งแรงลำตัวสั้น มีหางยาวปานกลาง หัวเป็นรูปลิ่ม มีกระดูกแก้มสูง จมูกสั้นมีดั่งจมูกชัดเจน ตาด้านบนจะโค้งน้อยกว่าด้านล่าง สีตาเป็นสีเหลืองทอง ใบหูขนาดกลางปลายกลม ขายาวและเรียวเท้าเล็กรูปไข่สี : น้ำตาลแดงเป็นสีดั้งเดิม ปัจจุบันมีคนผสมพันธุ์ออกมาเป็น 8 เฉดสี

ลักษณะนิสัย : ถ้าเทียบกับแมวไทยแล้วแมวพม่าจะไม่ค่อยหนีเที่ยวซุกซนเท่าแมวไทยเรา มันออกจะชอบอยู่กับบ้านและนอนสบายๆมากกว่า

ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสาร สัตว์เลี้ยงแสนรัก ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Written by on

Written by on

แมวพันธุ์..วิเชียรมาศ

เมื่อ ปี พ.ศ. 2427 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้มอบแมววิเชียรมาศคู่หนึ่งให้แก่ กงสุลอังกฤษชื่อนาย โอเวน กูลด์ (OWEN GOULD) แมวไทยคู่นี้ชนะการประกวดแมวที่ กรุงลอนดอน และทำให้ชาวอังกฤษพากันเลี้ยงแมวไทยมากขึ้น จนถึงขั้นตั้งเป็นสโมสรแมวไทยถึง 2 แห่งนอกจากประเทศอังกฤษแล้ว พระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 ยังทรงมอบแมวไทยให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านอีกหลายประเทศ เช่น อเมริกา จนทำให้แมวไทยมีชื่อเสียงไปทั่วโลกในสมัยนั้น

แมว วิเชียรมาศ เป็นแมวไทยชนิดแรกที่ฝรั่งรู้จัก และตั้งชื่อว่า SIAMESE CAT หรือ SEAL POINT (แมวแต้มสีครั่ง) อันเป็นแมวไทยต้นตระกูลที่ฝรั่งนำไปปรับปรุงสายพันธุ์ จนได้แมววิเชียรมาศลูกผสมต่าง ๆ อีก 8 ชนิดแมววิเชียรมาศ สายพันธุ์แท้ จะมีนัยน์ตาสีฟ้าประกายสดใส ขณะอายุน้อยมีขนสีครีมอ่อน เมื่อโตขึ้น สีขนจะเข้ม เป็นสีน้ำตาล มีแต้มสีน้ำตาลไหม้อยู่ 9 แห่ง คือ ปลายจมูก 1 ปลายหูสองข้าง ปลายเท้าทั้งสี่ ปลายหาง 1, และที่อวัยวะเพศ 1 (ทั้งเพศผู้และเพศเมีย) นับเป็นแต้มสีที่อยู่ในตำแหน่งเหมาะเจาะน่าพิศวง แตกต่างจากแมวพันธุ์อื่นที่มักมีแต้มสีเลอะเทอะไม่เป็นที่ และเป็นลักษณะเด่นที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ ไม่ว่าจะนำไปผสมกับแมวพันธุ์อื่นจะได้แต้มสีตามร่างกาย ตามตำแหน่งเดียวกันเสมอ แต่รูปร่างจะไม่สง่างามเท่าและอุปนิสัยจะไม่ถ่ายทอดไปยังลูกผสม

แมววิเชียรมาศเป็นแมวไทยโบราณ ในสมุดข่อยยกย่องว่าเป็นแมวให้ลาภ เลี้ยงกันเฉพาะในราชสำนัก ผู้ใดเลี้ยงไว้จะได้เป็นขุนนาง ปัจจุบัน เรียกแมวพันธุ์นี้ว่า  แมวเก้าแต้ม? แต่เป็นแมวคนละชนิดกับแมวเก้าแต้มสมัยโบราณ ซึ่งสูญพันธุ์ไปแล้ว

ลักษณะโดยทั่วไป

ลักษณะที่เป็นข้อเด่น

ลักษณะ สีขน : ขนสั้นแน่นสีขาว หรือสีน้ำตาลอ่อน มีแต้มสีครั่ง หรือสีน้ำตาลไหม้ที่บริเวณใบหน้า หูทั้งสองข้าง เท้าทั้งสี่ หางและที่อวัยวะเพศ (ทั้งแมวเพศผู้และแมวเพศเมีย) รวม 9 แห่ง ขณะที่อายุยังน้อย หรือเป็นลูกแมว สีขนจะออกสีครีมอ่อนๆ หรือขาวนวล พอโตขึ้นสีจะค่อยๆ เข้มขึ้นตามลำดับจนเป็นสีน้ำตาล (สีลูกกวาด)

ลักษณะของส่วนหัว : รูปหัวไม่กลม หรือแหลมเกินไป หน้าผากใหญ่และแบน จมูกสั้น หูใหญ่ ตั้งสูงเด่นบนส่วนหัว

ลักษณะของนัยน์ตา : ตาสีฟ้า

ลักษณะของหาง : หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว

ลักษณะที่เป็นข้อด้อย

ขน ยาวเกินไป มีแต้มสีไม่ครบทั้ง 9 แห่ง แต้มสีอื่นที่ไม่ใช่สีน้ำตาลไหม้ นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่นๆ ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นเกินไป (เมื่อยืนขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว ) หางขอด หางหงิกงอ หางดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี

ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสาร สัตว์เลี้ยงแสนรัก ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Written by on

Written by on

แมวพันธุ์..บาหลี

ถิ่น กำเนิดอยู่ในอเมริกาเหนือ เป็นแมวขนยาว ลูกนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มสีบริเวณ ศีรษะมีแผ่นรอยแต้มของสีเล็กๆเกิดขึ้น(ขนจะหดสั้น) มีสีทึบ เป็นแมวที่มีความเชื่อมั่น มี ไหวพริบฉลาดสูง บริเวณศีรษะ ลำตัว ช่วงขาและหางเป็นลักษณะของแมวไทย

แมวพันธุ์บาหลีจะว่าไปมันก็คล้าย ๆ แมวแร็กดอลล์กับแมววิเชียรมาศเหมือนกันนะ จะเหมือนอย่างไรนั้นก็ลองเข้าไปอ่านบล็อกอันเก่าที่ได้เขียนเอาไว้นะคะ ส่วนจุดที่แตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเลยก็คือเจ้าแมวบาหลีนี่มันมีจุดเด่นอยู่ที่ดวงตาคู่สวยและใบหน้าของมัน

ถิ่นกำเนิด ได้ยินชื่อว่าบาหลีหลายคนคงนึกว่ามาจากประเทศอินโดนีเซียหรือเปล่าแต่ไม่ใช่นะคะ มันเกิด

จากการพัฒนาสายพันธุ์ในอเมริกา
สายพันธุ์ มาจากแมววิเชียรมาศ โดยเกิดมาจากการที่มนุษย์นำมาผสมพันธุ์เพื่อต้องการความงามของแมววิเชียรมาศแต่ต้องการขนที่ยาวด้วย เพราะปกติแมววิเชียรมาศจะขนสั้น ส่วนทำไมถึงต้องชื่อว่าพันธุ์บาหลีนั้นนะเหรอ เกิดจากการที่คนผสมพันธุ์เจ้าแมวพันธุ์นี้มองเห็นความสง่าและสวยงามเหมือนกับนักเต้นบาหลี และถ้าหากจะให้ตั้งชื่อว่า long-haired Siamese(แมววิเชียรมาศพันธุ์ขนยาว) ก็เป็นชื่อที่ดูยาวไปและดูไม่น่าจดจำนัก

ลักษณะ เป็นแมวขนยาวนุ่ม รูปร่างผอมยาว หัวเป็นรูปลิ่ม ตาสีฟ้าสดใส หูตั้ง ศีรษะมีแผ่นรอยแต้มของสีเล็กๆเกิดขึ้น (ขนจะหดสั้น) มีสีทึบ และสีของมันที่เป็นที่ยอมรับมีเพียงสีที่เหมือนกับแมววิเชียรมาศเท่านั้นว่าเป็นแมวบาหลี เพราะแม้แมวจะมีสีอื่นด้วยแต่ไม่นับว่าเป็นแมวบาหลีนะคะ

อุปนิสัย เหมือนกับแมววิเชียรมาศ เป็นแมวที่ค่อนข้างฉลาด ชอบที่จะเป็นจุดสนใจ ขี้เล่น มีเสียงร้องที่เบากว่าแมววิเชียรมาศ แมวบาหลีไม่ค่อยขีดข่วนเวลามันหงุดหงิดสักเท่าไหร่ แต่มันอาจจะครางหรือคำรามซะมากกว่า

การดูแล แมวบาหลีมีอายุเฉลี่ยราว 13-15 ปี ขนของมันดูแลง่ายกว่าเจ้าเปอร์เซีย การแปรงขนหรือแปรงฟันนั้นแมวบาหลีมักจะยอมให้เจ้าของเป็นคสทำมากกว่าคนอื่น แมวบาหลีมักทำความสะอาดขนตัวเองอยู่เป็นประจำและเป็นแมวที่ค่อนข้างเนี๊ยบ แต่ถ้าหากมันไปเปลื้อนมาละก็คุณก็อาบน้ำให้มันด้วยน้ำยาสระขนอย่างอ่อนโยนได้

ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสาร สัตว์เลี้ยงแสนรัก ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Written by on