นำเสนอสาระน่ารู้ บทความดีๆ เกี่ยวกับพัฒนาการของลูกน้อยในวัยอนุบาล ลูกน้อยในวัย 3-6 ปี เพราะวัยนี้เป็นวัยที่ลูกๆ เริ่มเข้าสู่สังคมภายนอก ลูกๆ ของเราจะต้องเรียนรู้เกี่ยวกับการปรับตัว ให้เข้ากับสังคมภายนอกที่อาจจะแตกต่างจากที่เป็นอยู่อย่างมาก จะต้องออกไปอยู่ในสถานที่ใหม่ๆ อย่างโรงเรียน มีทั้งครูและเพื่อนๆ ที่เขาอาจจะไม่คุ้นเคย คุณพ่อคุณแม่จึงต้องให้ความสนใจ และใส่ใจลูกน้อยในวัยนี้เป็นพิเศษ เพื่อลูกน้อยจะได้อยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข และมีพัฒนาการในด้านต่างๆ อย่างสมวัย

Written by on

 

การฝึกวินัยให้แก่ลูกวัย 3-5 ขวบ

เด็กวัยนี้จะสามารถรับรู้ได้ว่า สิ่งใดควรทำ สิ่งใดไม่ควรทำด้วยเหตุผล การอบรมและลงโทษควรจะต้องอธิบายถึงสาเหตุก่อน มีรายละเอียดดังนี้

เด็กวัยนี้โตพอ ที่จะเข้าใจความเกี่ยวข้อง ระหว่างการกระทำ และ ผลของ การกระทำนั้น ๆ คุณพ่อคุณแม่ จะต้องตกลงกัน และ วางกฎที่จะปฏิบัติ เหมือนกันเป็นกฎของครอบครัว แล้วบอกลูกว่า พ่อแม่ ต้องการให้ลูก ทำได้แค่ ไหนก่อนที่ จะลงโทษลูก โดยไม่เคยบอกมาก่อนว่า ทำอย่างนั้น อย่างนี้ไม่ได้ เช่นเห็น ลูกใช้ ดินสอสี ระบายที่ฝาผนัง ครั้งแรกก็ต้องจับมือลูก ให้หยุดระบาย พร้อมกับ อธิบายว่า ถ้าระบายสีลงไปแล้ว จะดูเลอะเทอะ ล้างไม่ออก และ พ่อแม่ ไม่ชอบ ไม่อยากให้ลูก ระบายสีที่ฝาผนังอีก ให้ลูกช่วยล้างฝาผนัง และ เก็บดินสอสี เสียชั่วคราว บอกลูกว่า ดินสอ มีไว้เขียนลงบนกระดาษ เท่านั้น ถ้าเขายังเขียน บนผนังห้อง เขาจะไม่ได้ ระบายสีเล่นตามลำพังอีก

การฝึกนิสัยสำหรับลูก ผู้ใหญ่จะต้องรักษาวินัยเหมือน ๆ กัน ไม่ใช่คนหนึ่งห้าม ไม่ให้ลูกทำ อีกคนหนึ่ง อยากเอาใจเด็กยอมให้เด็กทำทำให้เด็กสับสน

การฝึกวินัย มิใช่จะลงโทษ หรือตำหนิพฤติกรรมที่ไม่พึงปรารถนา อย่าลืม ให้รางวัล เมื่อลูกทำดี การให้ รางวัล ไม่ต้องให้ของเล่น แต่เป็นการชมเชยเช่น แม่ภูมิใจที่หนู เป็นเด็กดี แบ่งของเล่นให้เพื่อน เด็กดีต้องแบ่ง ของเล่นเพื่อน เล่นด้วยกันถ้าเด็กยังมีพฤติกรรม ที่คุณพ่อคุณแม่ ยอมรับไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะได้ ทำ อะไรๆเต็มที่แล้วก็ตาม มีวิธีหนึ่งคือ ทำตารางบันทึก ทุกวันว่า ทำดีกี่ครั้ง ไม่ถูกต้องกี่ครั้ง เพื่อลูกจะได้ดูรู้ว่าเขาทำอะไรไปบ้าง ถ้าทำดีมากขึ้น ทำพลาด น้อยลงก็ชมเชย การทำตาราง อย่างเป็นหลักเป็นฐาน อาจช่วยให้ลูกควบคุม พฤติกรรมของตนเอง ได้บ้าง

การลงโทษ โดยการกำจัดพื้นที่แบบ ?เวลานอก ? time out? จะได้ผล สำหรับเด็กวัยนี้ การจำกัดพื้นที่ให้เด็กได้นั่งเฉยๆ ในที่ที่สงบ เป็นการบังคับ ให้เด็กได้คิด ทบทวน พฤติกรรม หรือสิ่งได้ทำลงไป กำหนดเวลา กักตัว ประมาณ 1นาทีต่ออายุ 1 ขวบ ก็พอแล้ว หรือจะใช้เวลานอก ให้เด็กได้อยู่เฉย ๆ จนกว่า จะสงบลง พื้นที่หรือ ห้องที่ให้เด็กใช้เวลานอก ต้องเป็นห้องที่ไม่มีโทรทัศน์ วีดีโอเกมส์ และคอมพิวเตอร์อยู่นะคะ

ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสารรักลูก ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Written by on

Written by on

 

อายุ 4 ขวบแล้ว ยังปัสสาวะรดที่นอนอยู่เลย

ปัสสาวะรดที่นอนเป็นประจำ ไม่ทราบจะแก้ไขอย่างไร ทั้งทั้งที่พยายามฝึกเรื่องขับถ่ายให้เป็นเวลาอยู่เสมอ และก่อนนอนดิฉันจะต้องกระตุ้นแกให้ปัสสาวะ โดยดิฉันจะเป็นเพื่อนแกไปเข้าห้องน้ำทุกครั้ง"

เด็กส่วนมากที่มีอายุพ้นวัย 4 ขวบ ไปแล้วสามารถควบคุมการขับถ่ายได้ และมักไม่มีปัญหาเรื่องปัสสาวะรดที่นอน ถ้าเกินวัยนี้มักจะมีปัญหาทางจิตใจเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากความกลัว วิตกกังวลและความคับข้องใจต่างๆ ถ้าเด็กมีอารมณ์ดังกล่าวแล้ว อาจเนื่องจากการมีน้องใหม่ การถูกพลัดพรากจากคุณแม่ไปเข้าโรงเรียน การสูญเสียบุคคลที่เด็กรัก และคุ้นเคยชั่วคราวและถาวร ปัญหาเรื่องนี้หากไม่ได้รับการแก้ไขให้ถูกทาง อาจเป็นนิสัยติดตัวไปจนโตได้ และอาจเป็นสาเหตุให้มีปัญหาอื่นตามมา เช่นขาดความเชื่อมั่นในตนเอง เพราะเกรงว่าหลับแล้วจะปัสสาวะรดที่นอน เกิดความละอาย ความรู้สึกนี้จะทำให้เด็กแยกตัวเอง ไม่เข้าหมู่พวกกับเด็กอื่นๆ วิธีการแก้ปัญหาก็คือ ค้นหาสาเหตุที่ทำให้เด็กไม่สบายใจ และรีบดำเนินการแก้ไข

ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสาร Modern Mom ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Written by on

Written by on

พัฒนาการเด็กอายุ 4-5 ปี 

และพัฒนาการที่สงสัยว่าผิดปกติ

เด็กวัยนี้ เริ่มซุกซน มีพละกำลังในการสำรวจโลกมากขึ้น เขากำลังเรียนรู้ว่าอะไรเป็นโลกจินตนาการ (Fantasy) หรืออะไรเป็นโลกแห่งความจริง

พัฒนาการที่ปกติ

  •  ยืนขาเดียวได้นานเกิน 10 วินาที
  •  กระโดดได้สูง
  •  เล่นชิงช้า ปีนป่ายได้คล่อง
  •  กระโดดข้ามเส้น หรือเครื่องกีดขวางได้พอประมาณ

 

พัฒนาการที่ผิดปกติ มีอาการดังต่อไปนี้

  •  แสดงอาการหวาดกลัว และขี้ขลาดมาก
  •  ก้าวร้าวมาก
  •  เกาะแม่หรือพ่อแจ
  •  ไม่สนใจเล่นกับเพื่อน
  •  ไม่ตอบสนองต่อคนรอบข้าง
  •  ไม่เล่นสมมติ หรือเล่นตามอย่างเพื่อน
  •  ดูเหมือนเป็นเด็กไม่มีความสุข ซึมเศร้าตลอดเวลา
  •  ไม่เข้าร่วมทำกิจกรรมอะไรเลย
  •  หลีกเลี่ยงที่จะคบกับเด็กคนอื่น
  •  ไม่แสดงอารมณ์ใด ๆให้เห็น
  •  ไม่ยอมกิน นอน ใช้ส้วม
  •  แยกโลกแห่งจินตนาการจาก โลกแห่งความจริงไม่ได้
  •  ไม่เข้าใจคำสั่ง ?วางถ้วยบนโต๊ะ?
  •  บอกชื่อและนามสกุลตัวเองไม่ได้
  •  ไม่พูดถึงกิจกรรม และประสบการณ์ใน แต่ละวันให้พ่อแม่ฟัง
  •  จบดินสอไม่ค่อยเป็น
  •  ถอดเสื้อไม่ค่อยได้
  •  แปรงฟันไม่ได้ดี
  •  ล้างมือและเช็ดมือไม่เป็น

 

พัฒนาการด้านอื่นๆ ที่ปกติมีดังนี้

การใช้มือและนิ้ว

  • 3 ขวบ เขียนวงกลมได้ - 4 ขวบ เขียนสี่เหลี่ยมได้ - 5 ขวบ เขียนรูปสามเหลี่ยมได้
  •  เขียนสามเหลี่ยมและตัวเลขตามแบบได้
  •  เขียนรูปภาพที่มีลำตัวได้
  •  เขียนตัวหนังสือได้บางตัว
  •  ใส่เสื้อและถอดเสื้อได้โดยไม่ต้องช่วยเหลือ
  •  ใช้ ช้อน ส้อม ได้
  •  เข้าส้วมเองได้

 

พัฒนาด้านภาษา

  •  จำเรื่องราวบางตอนของนิทานได้
  •  พูดประโยคยาวมากกว่า 5 พยางค์
  •  เล่าเรื่องยาว ๆ ได้
  •  บอกชื่อตัวเองและที่อยู่ได้


พัฒนาด้านความคิดและความจริง

  •  นับเลขได้เกิน 10
  •  บอกสีต่าง ๆ ได้ถูกต้องอย่างน้อย 4 สี
  •  เข้าใจความสำคัญของเวลา
  •  รู้จักของใช้ในบ้าน


พัฒนาการด้านสังคมและอารมณ์

  •  ต้องการเอาใจเพื่อน
  •  ต้องการทำหรือมีของอย่างเพื่อน
  •  ทำตามกฎเกณฑ์
  •  ชอบร้องเพลง เต้นรำ และแสดง
  •  ชอบอิสระ และไปบ้านเพื่อนที่อยู่ใกล้ด้วยตัวเอง
  •  รู้จักเพศ
  •  แยกแยะได้ว่าอะไรเป็นโลกแห่งความจริง
  •  บางครั้งแสดงความต้องการ ให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ บางครั้งก็ให้ความร่วมมืออย่างดี


ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสาร Modern Mom ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Written by on

Written by on

 

สิ่งแวดล้อมมีอิทธิพลต่อเด็กอย่างไร

การเลี้ยงดูบุตรหลานให้เติบโตเป็นเยาวชน ที่มีคุณภาพนอกจากความรัก ความห่วงใย การดูแลเอาใจใส่ ที่คุณพ่อคุณแม่จะต้องทุ่มเทให้ลูกอย่างถูกวิธีแล้วนั้น สิ่งแวดล้อมต่างๆ ยังมีผลต่อการเจริญเติบโตของลูกด้วยเช่นกัน Kid ?s Guide จึงน้ำข้อมูลความรู้ในเรื่องอิทธิพลของสิ่งแวดล้อม ที่มีผลต่อลูกในอนาคตมาฝากคุณพ่อคุณแม่ค่ะ

  • เด็กที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลาง การดุด่า จะกลายเป็น คนที่หยาบคาย
  • เด็กที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลาง การติเตียน จะกลายเป็น คนที่ไม่อยากทำความดี
  • เด็กที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลาง ความมุ่งร้าย จะกลายเป็น คนที่โหดเหี้ยม
  • เด็กที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลาง การบีบคั้น จะกลายเป็น คนที่มองโลกในแง่ร้าย
  • เด็กที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลาง การสาบแช่ง จะกลายเป็น คนเลว
  • เด็กที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลาง การดิ้นรน จะกลายเป็น คนชอบต่อสู้
  • เด็กที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลาง การกลั่นแกล้ง จะกลายเป็น คนขี้ระแวง
  • เด็กที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลาง การล้อเลียน จะกลายเป็น คนขี้อาย
  • เด็กที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลาง ความกลัว จะกลายเป็น คนขาดเหตุผล
  • เด็กที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลาง การขาดเหตุผล จะกลายเป็น คนเจ้าอารมณ์
  • เด็กที่เติบโตขึ้นมาท่ามกลาง การประคบประหงม จะกลายเป็น คนหนักไม่เอาเบาไม่สู้

จากข้อมูลข้างต้น คุณพ่อคุณแม่เห็นด้วยมั้ยคะว่า สิ่งแวดล้อมรอบตัวเด็กมีอิทธิพล ต่อนิสัยใจคอของเด็ก เรามาเริ่มปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม เพื่อพัฒนาการด้านจิตใจ และอารมณ์ของลูกรักให้ลูก สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุขกันเถอะค่ะ

ข้อมูลจาก วารสาร Kid's guide

Written by on