Written by on

บทเรียนที่ใช้ฝึกสุนัข

การฝึกเป็นงานหนักทั้งสุนัขและผู้ฝึก สุนัขเล็ก ๆ ใช้เวลาฝึกในช่วงหนึ่งได้ไม่เกิน 10 นาที ก็จะไม่อยากฝึกต่อดังนั้นควรจำกัดอย่าให้บทเรียนบทแรกยาวเกินไปนัก แล้วจึงค่อย ๆ เพิ่มเวลาไปเป็นระยะจนกระทั่งถึง 30 นาที คุณเองก็อาจพบได้ว่าคุณก็เริ่มหมดความอดทนเหมือนกันเมื่อใกล้ ๆ จะหมดเวลาฝึก เมื่อคุณรู้สึกว่าคุณอารมณ์ไม่ดีให้หยุดฝึก ใช้เวลาที่เหลืออยู่ทบทวนบทเรียนเก่า ๆ ไปก่อน และก่อนหรือหลังบทเรียนควรมีช่วงเวลาพักเล่นด้วยไม่ใช่เล่นระหว่างเรียน แม้แต่สุนัขที่เด็กที่สุดก็จะเรียนรู้ได้เองว่าเวลาที่ต้องเรียนนั้นเป็นช่วงที่ต้องเคร่งครัดจริงจัง ส่วนความสนุกจะตามมาหลังจากนี้

อย่าใช้เวลาในการฝึกช่วงแรก ๆ มากนัก มิฉะนั้นสุนัขก็จะเบื่อ พยายามจบบทเรียนในช่วงที่ดี ๆ ถ้าหากสุนัขไม่ได้ทำในสิ่งที่คุณต้องการนั้นเป็นเพราะคุณไม่สามารถทำให้มันจดจำได้ดีพอ

ขอขอบคุณ ที่มา : ฝึกสุนัข.com ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Written by on

Written by on

เครื่องมือในการฝึก

1. เชือกที่ใช้จูงสุนัข ใช้เรียกกันอย่างแพร่หลายว่า "ตัวนำ" ดังนั้นเราจะใช้คำนี้แทน ตัวนำ ที่ดีที่สุดสำหรับฝึกนั้นเป็นผ้าทอหรือสาน ยาว 6 ฟุต ส่วนใหญ่ใช้สีทึม ๆ มอ ๆ หรือจะใช้เป็นหนังขนาดเท่ากัน หรือจะใช้แบบเป็นสีสันก็มีใช้กันอยู่บ้าง แล้วแต่คุณจะเลือก

2. ต้องใช้ปลอกคอฝึกสุนัขควบคู่ไปด้วย ปลอกคอฝึกส่วนใหญ่ทำด้วยไนล่อนหรือ โซ่เหล็ก ซึ่งมีห่วงติดอยู่ที่ปลายทั้งสองข้าง แล้วใช้ตัวนำคล้องกับปลายห่วงทั้งสอง ใช้ผ่อนหรือดึงบังคับสุนัข แม้ว่าจะฟังดูน่าตกใจ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้สุนัขของคุณต้องเจ็บแต่อย่างใด และมันก็จะต้องใช้ในการฝึกด้วย ควรฝึกวิธีการใช้ปลอกคอให้ถูก ปลอกคอฝึกควรจะใส่รอบคอสุนัข เพื่อคุณจะสามารถล่ามตัวนำกับห่วงตรงปลายปลอกคอ อย่าใส่ห่วงใต้คอ มันเป็นสิ่งสำคัญในการใส่ปลอกคอฝึกให้ถูก มันจะได้แน่นเวลาคุณดังตัวนำ และง่ายเวลาคุณผ่อนหรือไม่ได้รั้งตัวนำ

3. วิธีในการจับตัวนำก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะปลอกคอควรจะหย่อนอยู่ตลอดเวลา นอกจากเวลาดึง จับวงเชือกไว้ด้วยมือขวา ไขว้มือไปด้านข้าง ส่วนมือซ้ายจับตัวนำไว้ให้ใกล้ปลอกคอฝึกมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนที่เหลือของตัวนำก็จะขมวดเป็นวงได้ (ที่คุณถือด้วยมือขวา) แนบแขนข้างนี้กับลำตัว การผ่อน ดึง หรือคลาย ทุกอย่างทำด้วยมือซ้าย ด้วยการกระตุก

ขอขอบคุณ ที่มา : ฝึกสุนัข.com ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Written by on

Written by on

การแสดงความเป็นใหญ่มีพละกำลังมากกว่าเหนือคู่ต่อสู้

สุนัขจะยืนตัวตรงคอตั้ง ขาเหยียดตรง หางและหูตั้งขึ้น ทำอกตั้ง ขนรอบคอชูชัน และเป็นแนวยาวตลอดสันหลัง โบกหางไปมาอย่างช้าๆ พร้อมขู่คำราม ในทางกลับกันสุนัขตัวที่กำลังยอมแพ้ (หรือยอมจำนนต่อตัวที่เก่งกว่า) จะแสดงท่าว่า ข้านี้ตัวกระจ้อยร่อย หมดน้ำยาเหมือนลูกสุนัขตัวเล็กๆ และอาจจะนอนหงายท้อง หูรี่ ไม่สู้แต่อย่างไร พอถึงตรงนี้ต้องขออธิบายกันก่อนว่า สุนัขตัวโตมักจะสั่งสอนหรือดุลูกสุนัขตัวเล็กๆ แต่เขาจะไม่ทำร้ายเจ้าตัวน้อยอย่างแน่นอน

ขอขอบคุณ ที่มา : ฝึกสุนัข.com ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Written by on

Written by on

คุณมีส่วนในการฝึกสุนัข

คุณต้องมีความอดทนในการชี้แจงให้สุนัขเข้าใจว่าแต่ละคำที่คุณออกคำสั่งนั้นหมายถึงอะไร ทำมันด้วยมือหรือเชือกจูงสำหรับฝึกก่อน ทำให้มันแน่ใจในคำสั่งด้วยเสียงของคุณ สอนมันเป็นประจำทุกวันถึงสิ่งที่คุณต้องการจะให้มันรู้ ทบทวนคำสั่งพร้อมกับแสดงอาการประกอบ สาธิตให้มันดูซ้ำแล้วซ้ำอีก ให้สุนัขได้มีโอกาสรับรู้จดจำไว้


เมื่อมันเริ่มเรียนรู้ให้ใช้เพียงคำพูดเป็นคำสั่งโดยไม่ต้องออกท่าทาง จ้ำจี้จ้ำไชกับมันบ่อย ๆ เมื่อมันทำผิดก็แก้ไขมันมันถูก แรก ๆ ก็ใจดีกับมันก่อน แล้วค่อย ๆ เข้มงวดขึ้นเรื่อย ๆ ตามความก้าวหน้าของการฝึก อย่าหมดความอดทนหรือฉุนเฉียวเสียก่อน อย่าตีมันด้วยมือหรือเชือกจูงขณะที่ฝึก เพียงแค่คุณดุมันหรือว่ามันก็รู้สึกผิดมากพอแล้ว


เมื่อสุนัขทำในสิ่งที่คุณต้องการ ชมเชยมันพร้อมกับลูบหลังมันไปด้วย อย่าตบรางวัลสุนัขด้วยขนมหรือปฏิบัติกับมันดีเกินไปขณะฝึก สุนัขที่ชินกับนิสัยการรับรางวัลเช่นนี้จะไว้ใจไม่ค่อยได้ เพราะว่ามันจะไม่ค่อยยอมทำอะไรถ้าไม่ได้กลิ่นขนมหรือของรางวัล ถ้าหากฝ่าฝืนคำสั่งหรือทำอย่างไม่ค่อยเต็มใจ (เหลวไหล) คุณควรจะพูดกับมันดี ๆ ต่อไปมันจะดีขึ้นเรื่อย ๆ

ขอขอบคุณ ที่มา : pitbullzone.com ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Written by on

Written by on

การฝึกให้อยู่นิ่ง ๆ

ขั้นต่อไปคือการฝึกสุนัขให้อยู่นิ่ง ๆ ในท่านั่งหรือหมอบ เหมือนกับครั้งก่อนโดยใช้ตัวนำสอนคำสั่งนี้ จนกระทั่งสุนัขของคุณตอบรับคำสั่งด้วยการทำตามคำสั่ง แล้วจึงเอาตัวนำออก การฝึกเริ่มด้วยการนั่งนิ่ง ๆ จัดให้สุนัขอยู่ในท่านั่งข้างคุณในท่านั่งแนบขาโดยอัตโนมัติ ถือเชือกในมือข้างหนึ่ง (ส่วนใหญ่ผู้ฝึกชอบถือมือซ้าย) ก้าวไปข้างหน้าแล้วหันหน้ามาหามัน ยื่นมือออกไป นิ้วชี้ไปที่ช่วงจมูกของมันแล้วสั่งว่า "อยู่นิ่ง" ถ้ามันทำท่าจะเดินตามคุณเนื่องจากเป็นธรรมชาติของมันที่จะทำ เพราะมันอยู่ในท่าที่จะตาม ให้กระตุกตัวนำ เพื่อให้มันกลับมานั่งก่อน ยกมือมาไว้ข้างหน้ามันแล้วทวนคำสั่งอย่างหนักแน่นอีกรั้ง ให้มันอยู่ในท่านั่งนั้นสัก 2-3 วินาที ก่อนจะให้ลงมือปฏิบัติการอย่างอื่น แต่ละครั้งที่มันทำสำเร็จคุณต้องกล่าวชมมันเรื่อย ๆ แสดงให้มันเห็นว่าคุณพอใจกับมันด้วย

ทวนวิธีนี้อีกครั้งจนกระทั่งสุนัขของคุณทำเหมือนกับว่ามันเข้าใจว่าคุณจะให้มันทำอะไร เมื่อมันได้เรียนรู้ตลอดกระบวนการแล้ว เดินออกมาทางขวาของสุนัขอ้อมไปข้างหลัง ก้าวอีก 2 ก้าวไปข้างหน้า อีกสัก 2-3 ก้าวไปด้านข้าง ทำไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งคุณไปจนสุดสายเชือก ครั้งใดที่สุนัขจะออกตามคุณ สะบัดเชือกยื่นแขนออกโบกมือลงแล้วออกคำสั่งอย่างเฉียบขาด เมื่อมันแสดงให้เห็นถึงความเต็มใจที่อยู่ในท่าที่ถูกต้อง ขณะที่คุณเดินออกไปสุดเชือกนั่นหมายถึงคุณพร้อมที่จะฝึกมันต่อไปอีก ให้อยู่ในท่าเดิมโดยใช้เชือกยาวกว่าเดิม (ราว ๆ 25-30 ฟุต) แล้วท้ายสุดให้ฝึกโดยการเอาเชือกออก

ครั้งแรก ๆ ที่เรียนรู้การนั่งนิ่ง ๆ คุณสามารถจะสอน "หมอบนิ่ง ๆ" โดยเริ่มคำสั่งด้วยคำว่า "หมอบ" ก่อน แล้วฝึกโดยใช้วิธีเดียวกับฝึกนั่งนิ่ง ๆ

Written by on

Written by on

การเห่าของสุนัข

1. เห่าเพื่อเป็นการเตือน การเห่าแบบนี้อาจจะเป็นที่ต้องการกับเจ้าของบางคนเพราะเป็นการเห่าเมื่อเจอคนแปลกหน้าหรือผู้บุกรุกเข้ามาในอาณาเขตของเค้า

2. เห่าเพื่อเรียกร้องความสนใจ ส่วนใหญ่จะพบในลูกสุนัขเพื่อจะทำให้เราสนใจ แต่เราควรจะทำตรงข้ามกันคืออย่าสนใจ

3. เห่าเพราะตื่นเต้นหรือเล่น เสียงเห่าลักษณะนี้จะสั้นและแหลม

4. เห่าเพื่อแสดงตัว เหมือนกับเป็นการเห่าตอบสุนัขตัวอื่นๆ คล้ายๆจะบอกว่า "ฉันอยู่ที่นี่ไง"

5. เห่าเพราะเบื่อ หรือเพื่อเป็นการปลดปล่อยพลังงาน สุนัขหลายพันธุ์ต้องการการออกกำลังกาย ไม่งั้นจะอึดอัดและหาทางออกโดยการเห่าหรือทำนิสัยเสียอย่างอื่นแทน เช่น ขุดดิน กัดแทะ เป็นต้น

6. เห่าเพราะเหงาหรือรู้สึกกังวลใจ น้องหมาบางตัวติดเจ้าของมากหรืออาจมีการเปลี่ยนที่อยู่หรือสิ่งแวดล้อมใหม่จะเกิดความรู้สึกกังวลใจขึ้น

7. เห่าเพราะตกใจ อาจเกิดจากการได้ยินเสียงแปลกๆ หรือเจออะไรที่ไม่คุ้นเคยอย่างหมาเห่าใบตองแห้ง นิสัยนี้เราควรจะต้องรีบแก้โดยเร็ว

ขอขอบคุณ ที่มา : pitbullzone.com ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Written by on

Written by on

การฝึกให้หมอบลงหรือหมอบ

จุดประสงค์ขั้นตอนนี้คือ ทำให้สุนัขหมอบลงกับคำสั่ง "หมอบ" หรือเมื่อออกคำสั่งด้วยมือ ให้คุณยกมือมาข้างหน้าพลิกโบกฝ่ามือลง อย่างไรก็ตาม คุณต้องทำไปจนกว่าสุนัขจะเข้าใจความหมายของคำสั่งและจะทำเองได้โดยไม่มีปฏิกิริยากึ่งบังคับจากคุณ สัญญาณมือควรจะทำควบคู่ไปกับการออกคำสั่ง คำสั่งนี้อาจจะยากไปหน่อยในช่วงแรก เพราะมันรู้สึกเหมือนคุณยกมือเพื่อจะทำร้ายมันและมันป้องกันตัวเองไม่ได้ อาจจะวิ่งเตลิดไปก็ได้ ให้เอาใจมันด้วยคำชมหรือทำกับมันดี ๆ เมื่อมันทำตามคำสั่งแล้วมันจะเรียนรู้ไปเองว่าไม่มีอะไรที่เลวร้ายเกิดขึ้น ในทางกลับกันมันจะรู้จักคำสั่งว่า "หมอบ" แล้วถ้ามันทำตามนายจะพอใจ

อย่าเริ่มฝึกสุนัขหมอบลงจนกระทั่งมันเข้าใจคำสั่งนั่งได้เป็นอย่างดีเสียก่อน ให้สุนัขอยู่ในท่านั่งและคุณคุกเข่าอยู่ตรงหน้า ยกขาหน้าของมันด้วยมือแต่ละข้างของคุณ จับตรงเหนือข้อศอก ยกขามันขึ้นแล้วดึงลงมาที่พื้นข้างหน้า ในขณะเดียวกันก็ออกคำสั่งว่า "หมอบ" แล้วดึงขาหน้ามันลงมาติดพื้น

ดึงมันลงมาที่พื้นและทำให้มันรู้ว่าท่านี้เป็นท่าที่ต้องการให้มันทำ วิธีนี้ดีกว่าจะไปบังคับให้มันทำ มิฉะนั้นจะทำให้มันรู้สึกตกใจและเริ่มจะไม่ชอบการฝึกใด ๆ เลย หมั่นพูดคุยกันมัน บอกมันให้รู้ว่าคุณดีใจ พอใจ เวลาที่มันทำตามคำสั่ง แล้วคุณจะพบว่าคุณมีความสุขกับการฝึกสุนัข

หลังจากที่มันเริ่มเรียนรู้ เลื่อนตัวนำไปอยู่ใต้เท้าซ้ายและออกคำสั่ง "หมอบ" ในขณะเดียวกันดึงตัวนำด้วยจะช่วยให้สุนัขหมอบลง ช่วงนี้ยกมือคุณแล้วโบกลงให้สัญญาณมืออีกครั้ง อย่าหวังว่ามันจะสามารถทำได้ด้วยคำสั่งเพียงครั้งเดียว จงอดทนฝึกกับมันไปเรื่อย ๆ มันก็จะร่วมมือด้วย ถ้าคุณแสดงให้มันเห็นว่าอะไรบ้างที่คุณอยากให้มันทำ

ขอขอบคุณ ที่มา : ฝึกสุนัข.com ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

Written by on