10 อุโมงค์ต้นไม้ ที่ต้องไปสักครั้งในชีวิต

หลายๆ คนคงเคยเห็นธรรมชาติที่สวยงามอย่าง ทะเล ภูเขา น้ำตกมาแล้ว แต่น้อยคนนักที่จะได้สัมผัส ความงามของ "อุโมงค์ต้นไม้" ที่เกิดจากการที่ต้นไม้เป็นทิวแถม โน้มกายลงมาชนกัน ทำให้เกิดภาพ "อุโมงค์ต้นไม้" ที่งดงามมาก ซึ่งไม่ว่าจะเกิดจากธรรมชาติล้วนๆ หรือความพยายามเล็กๆ น้อยๆ ของมนุษย์ แต่ถ้าครั้งหนึ่งเราได้เดินลอดอุโมงค์เหล่านี้สักครั้งในชีวิตคงดีไม่น้อย

ทั้งนี้ อุโมงค์ต้นไม้บางที่ ก็เป็นความบังเอิญของธรรมชาติล้วนๆ อย่างเช่น "อุโมงค์แห่งความรัก" ที่ยูเครน ซึ่งโด่งดังมากๆ สำหรับคู่รักที่นิยมไปถ่ายภาพแต่งงาน และอุโมงค์แห่งนี้ ยังเป็นส่วนหนึ่งของอุโมงค์รถไฟอีกด้วย เอาเป็นว่า หากคุณมีโอกาส อุโมงค์ต้นไม้ เหล่านี้ ล้วนรอคุณให้ไปสัมผัสด้วยตาตัวเองสักครั้งในชีวิต

1. The Dark Hedges, Northern Ireland

2. ถนนในเมือง Bonn, Germany

3. Wisteria Flower Tunnel, Japan

4. Oak Alley ริมแม่น้ำ Mississippi ที่เมือง New Orleans, Louisiana

5. Jacarandas Walk, South Africa

6. Tunnel of Love, Ukraine

7. ถนนใน Jerez, Spain

8. Ginkgo Tree Tunnel, Japan

9. Blossom Path (Location Unknown)

10. Bamboo Path ใน Kyoto, Japan

มาร์กเตรียมสร้าง Facebook City รองรับพนักงาน 10,000 คน

สร้างความฮือฮาให้คนทั้งโลกอีกครั้ง เมื่อ มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ผู้บริหารเฟสบุ๊ก ออกมาประกาศไอเดียสร้างเมือง "Facebook City" บนเนื้อที่กว่า 200 เอเคอร์ หรือคิดเป็นพื้นที่กว่า 809,370 ตารางเมตร ที่จะมีทั้งออฟฟิศ ศูนย์การค้า โรงแรมหรู และบ้านสำหรับรองรับพนักงานของเฟสบุ๊กกว่า 10,000 คน

ซึ่งแผนการสุดอลังการงานสร้างนี้ มีชื่อเรียกย่อๆ ว่า Zee-town ตามเจ้าของนั่นเอง จะมีถนนภายในเมือง มีวิลล่าหรูหราสำหรับคนทำงานระดับผู้บริหาร และที่พักอย่างดีสำหรับพนักงานทั่วไป และหอพักสำหรับเด็กฝึกงานอีกด้วย

ซึ่งตอนนี้ เฟสบุ๊กทุ่มงบไปแล้วกว่า 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 13,200 ล้านบาท ในการสร้าง industrial park ซึ่งคล้ายๆ กับนิคมอุตสาหกรรมบ้านเรา คือเป็นแหล่งของเฟสบุ๊กเลย มีเนื้อที่ 55 เอเคอร์ ใกล้ๆ กับ สำนักงานใหญ่ของ Facebook ที่ 1 Hacker Way ใกล้ๆ Menlo Park ซานฟรานซิสโก

ซึ่งตอนนี้ มาร์ก ได้ว่าจ้างสถาปนิก Frank Gehry วัย 85 ปี ที่เป็นคนออกแบบ Guggenheim Museum ใน Bilbao ประเทศสเปน มาเป็นคนออกแบบเมืองแห่งนี้

โดย John Tenanes หนึ่งในผู้ดูแลโครงการนี้บอกว่า เมืองนี้จะมีถนนหนทาง มีส่วนที่เป็นที่สาธารณะเหมือนเมืองทั่วไป ที่คนภายนอกสามารถเข้ามาได้

ซึ่ง Mr.Gehry ถูกขอให้สร้างเมืองนี้อยู่ภายในงบราว 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และออกแบบให้เข้ากับธรรมชาติอีกด้วย

ออฟฟิศเกือบทั้งหมดจะมีต้นโอ๊คสูง 40 ฟุตปกคลุมที่ดาดฟ้า เพื่อให้ดูมีสีเขียว เข้ากับธรรมชาติ ร่มเย็นอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์มองว่า สุดท้ายแล้ว การเดินทางไปทำงานที่นี่ของพนักงาน ที่ไม่ย้ายเข้ามาอยู่ ก็ต้องใช้รถเป็นส่วนมาก จึงเป็นการขัดแย้งอุดมการณ์ที่ต้องการรักษ์โลกของเฟสบุ๊กแต่แรกเริ่มโครงการ

นอกจากนี้ สำหรับตัวของมาร์ก เขาได้มีบ้านอยู่ใกล้ๆ เมืองแห่งนี้ราคา 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือราว 330 ล้านบาท ซึ่งห่างออกจากที่แห่งนี้เพียง 20 นาที จึงคาดการณ์ว่าเขาเองก็น่าที่จะไม่ย้ายเข้ามา เมื่อเมืองนี้สร้างเสร็จ เช่นกัน

ทั้งนี้ จากที่ผ่านมาพบว่า มาร์ก ซึ่งตอนนี้เป็นคนที่รวยที่สุดอันดับที่ 15 ของโลกนั้น ไม่ใช่คนแรกที่พยายามสร้างเมืองลักษณะนี้มาก่อน

ครอบครัว Cadbury สร้าง Bournville ในศตวรรษที่ 19 และตั้งชื่อช็อกโกแลตตามพวกเขา หลังจากที่ต้องย้ายแหล่งผลิตในเมืองเบอร์มิงแฮม

Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon ก็มีแผนการที่จะย้ายบริษัทของเขาเช่นกัน แต่ที่แปลกว่าคือแผนการของเขาจะสร้างเป็น "จรวด" เพื่อออกไปสร้างอาณานิคมนอกโลกนั่นเอง

ช่างแกะสลักงานศิลปะลงบน ฟัน

ใครว่าการแกะสลักจะต้องอยู่บนไม้ ปูน หินอ่อน น้ำแข็ง หรือผลไม้เท่านั้น ศิลปินท่านนี้ ทำให้วงการแกะสลักก้าวหน้าไปอีกขั้น เมื่อเขาแกะสลักงานศิลปะลงบน "ฟัน" ของมนุษย์ โดยผลงานล่าสุดที่สร้างความฮือฮาก็คือ เขาแกะสลักโคลอสเซียมของโรมันโบราณ และซากปรักหักผัง ซึ่งได้ถูกนำไปบรรจุลงในโฆษณายาสีฟันของ JWT Shanghai เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งถึงแม้ว่าเราจะไม่แน่ใจว่า โฆษณาต้องการจะสื่อว่าอะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆ งานแกะสลักมันเจ๋งสุดๆ ไปเลย!

ทำเตาไฟด้วยกระป๋องน้ำอัดลม

ทุกๆ วันนี้ เริ่มมีคนนำของใช้ในบ้าน หรือของที่เราเจอกันอยู่ทุกวัน มาประดิษฐ์นู่น สร้างนี่ ให้เราทึ่งในความฉลาดของพวกเขา และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งวิดีโอที่เราขอนำมาฝาก เพราะชายคนนี้ จะสร้างสิ่งจำเป็นและมีประโยชน์มากๆ ให้เราดูหนึ่งอย่าง จาก "กระป๋อง" น้ำอัดลมที่พอเราทานเสร็จ ก็ปาทิ้งลงถังกันอยู่ทุกวัน มาดูกันว่า เขาจะนำมันมาสร้างอะไร? เจ๋งมากๆ! มาดูกัน

เกาะบอร์เนียว ยิปซีแห่งท้องทะเล กับสวรรค์เล็กๆ

ชนเผ่าพื้นเมือง Bajau บนเกาะบอร์เนียวอาศัยเรือเล็กๆเป็นบ้าน และหาเลี้ยงชีพด้วยการจับปลา เพราะฉะนั้น ฉายา "ยิปซีแห่งท้องทะเล" จึงได้มาเพราะเหตุนี้ อย่างไรก็ดี ปัจจุบันชนเผ่า Bajau นี้กระจัดกระจายทั่วไปตามท้องทะเล บ้างก็ยังอาศัยวีถีทำกินแบบเดิมๆ บ้างก็ขึ้นฝั่งมาอาศัยตามเกาะเล็กๆโดยอาศัยความเชี่ยวชาญในเรื่องท้องทะเลของตัวเองมาปรับใช้ในการดำรงชีวิต และแน่นอน พวกเขาก็ยังจับปลาอยู่เหมือนเดิม

Réhahn ช่างภาพชาวฝรั่งเศสใช้เวลาสองสามวันในการใช้ชีวิตอยู่กับชนเผ่า Bajau และเขาก็ได้พบกับความรู้สึกแปลกประหลาด ความสงบแบบที่ไม่เคยพบมาก่อน ทุกอย่างนี้เขาได้มาจากคนกลุ่มนึงที่ใช้ชีวิตในแบบที่ไม่มีอะไรแทบจะเหมือนเขาเลย เขาได้บันทึกภาพวิถีชีวิตของ Bajau มาให้เราดูกัน

ชนเผ่าเร่ร่อนนี้ ไม่ได้แม้แต่การรับรู้ถึงการมีอยู่ จากประเทศอื่นๆใกล้เคียง

พวกเขาเลือกเอง ที่จะอยู่บนสวรรค์เล็กๆของเขา คือกลางท้องทะเล

พวกเขาอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้

และพวกเขาก็ไม่รู้อายุของตัวเอง

ที่จริงเขาก็รู้จักการนับอายุหรอกนะ แต่แล้วจะทำไมล่ะ? ในเมื่อพวกเขาใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบันนี่หน่า

พอลืมเรื่องอายุไป ทุกคนก็จะมีหน้าที่เหมือนๆกัน คือการหาปลาไงล่ะ

ผู้หญิงคลอดลูกบนกระท่อมกลางน้ำ และพวกเขาใช้ชีวิตส่วนมากตั้งแต่เกิดจนตายที่นี่แหละ

เด็กเล็กๆจะมีบทเรียนชีวิตอยู่บนเรือ นั่นก็คือการเรียนว่ายน้ำ ดำน้ำ แต่พอโตจนอายุ 8 ขวบ พวกเขาก็จะเริ่มออกหาปลาด้วยตัวเองแล้ว

ความสมดุลขั้นเทพ การตั้งของ

กลายเป็นที่ฮือฮา และได้รับเชิญให้ไปแสดงทั่วโลกไปแล้วกับ Nam Seok "Rocky" Byun หรือ Mr.Byun คนนี้ ที่มีทักษะแสนพิเศษไม่เหมือนใครในการตั้งของ "ทุกอย่าง" ขอย้ำว่าทุกอย่าง ให้สมดุลได้!!

การแสดงของเขาเปิดไปแล้วตั้งแต่ที่กรุงโซล ไปจนถึงกรุงอะบูดาบี มีคนตอบรับมากมาย เพราะความสามารถที่น่าทึ่งสุดๆ ของเขา เราไปดูกันเลยว่า ชายคนนี้เขาทำได้ยังไง ไปดูกันเลย