วิญญาณอาฆาต

วิญญาณอาฆาต

สมัยเด็กๆ ฉันมีเหตุการณ์ระทึกขวัญอยู่เหตุการณ์หนึ่งที่จำได้และไม่มีวันลืมเลย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ซึ่งย้อนไปสัก 10 ปี เห็นจะได้ ที่ทางแถวนั้นยังเป็นป่ารกทึบต้นไม้ขึ้นเบียดเสียดเต็ม 2 ข้างทาง

ความเจริญยังไม่เข้ามาสักเท่าไร ไฟฟ้าส่องสว่างตามถนนหนทางก็มีบ้างเป็นบางจุดทำให้บรรยากาศภายนอกดูน่ากลัว พอตกกลางคืน เวลาประมาณ 3-4 ทุ่ม ชาวบ้านก็ปิดไฟนอนกันหมดแล้ว เวลาประมาณ 5 ทุ่ม ฉันก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นจากการหลับใหล เพราะเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น ทำให้ฉันต้องตื่นขึ้นมารับโทรศัพท์ เสียงที่ปลายสายบ่งบอกว่าเป็นเสียงของพ่อฉันนั่นเอง ที่บอกให้ไปรับท่านที่ท่าน้ำวัดคลองเตยนอกที

ฉันรีบลุกขึ้นล้างหน้าล้างตา แล้วบึ่งมอเตอร์ไซค์คู่ใจไปรับพ่อทันที ระยะทางก็ห่างจากบ้านไปเป็นกิโลๆ แถมบรรยากาศข้างนอกก็ดูวังเวงไปจากทุกคืนด้วยไม่มีรถแล่นสวนมาเลยสักคันเดียว แต่ฉันก็ไม่ได้คิดอะไร คิดแต่อยากจะไปรับพ่อ แล้วรีบๆ กลับมานอน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นนอนแต่เช้าเพื่อไปโรงเรียน พอขับรถไปถึงท่าน้ำ พ่อก็มานั่งรออยู่ก่อนแล้ว แต่ฉันสังเกตว่าพ่อไม่ได้นั่งอยู่คนเดียว

แต่มีผู้หญิงผมยาวยืนหันหลังให้ฉันกับพ่ออยู่ เธอใส่ชุดนักศึกษา รองเท้าผ้าใบสีขาว ฉันจึงถามพ่อว่า เธอเป็นใคร พ่อบอกว่า ไม่รู้เหมือนกันแต่ลงเรือมาด้วยกัน เธอไม่พูดไม่จา คนขับเรือถามว่า ไปไหนก็ไม่ตอบ ได้แต่ชี้นิ้วบอกอย่างเดียว ฉันจึงร้องถามเธอไป...ว่ากลับด้วยกันมั้ยคะ มีคนมารับหรือเปล่า และก็ได้ผล เธอตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอันแหบแห้ง...ว่า ไม่มีใครมารับ เดี๋ยวลงและจะบอกเอง ขอติดรถไปด้วยคนนะ

ขณะที่เธอคุยกับฉัน เธอก็ค่อยๆ หันหน้ามา แต่มีเส้นผมปิดบังหน้าตาอยู่ บวกกับความมืดยามค่ำคืน จึงทำให้เห็นหน้าเธอไม่ค่อยชัดเท่าไร หน้าของเธอดูซีดๆ เหมือนไม่มีเลือดไปหล่อเลี้ยงร่างกายยังไงไม่รู้ เราเดินไปที่รถพร้อมกันฉันให้พ่อเป็นคนขับ ฉันนั่งกลางและเธอคนนั้นนั่งหลังสุด ตลอดเวลาที่เราขับรถไปเธอไม่พูดจาเลยสักคำ ไอ้หมาเวรก็ยังหอนรับกันไปตลอดทาง แถมยังมีลมพัดมาให้หนาวกายเป็นระลอกๆ จนพ่อบอกว่า วันนี้มันแปลกๆ นะ...อ่านต่อตอนจบ

ตอนจบ

พอขับรถมาถึงทางโค้งที่มีต้นหูกวางขนาดใหญ่อยู่ เธอก็พูดด้วยเสียงอันแหบแห้ง บอกให้หยุดรถตรงนี้ พ่อจึงหยุดรถแต่ยังไม่ทันที่จะหันไปมองว่าเธอลงจากรถหรือยัง สายตาของฉันก็เหลือบไปเห็นเงาบางอย่างที่กระจกมองข้างของรถ

ภาพที่เห็นคือ เธอคนนั้นไปยืนอยู่ใต้ต้นหูกวางแล้ว เป็นไปได้อย่างไร เธอลงไปตอนไหนไม่มีใครรู้ พ่อจึงบอกให้ฉันตั้งสติให้ดีเราไม่ได้มาร้าย เขาคงไม่ทำอะไรเราหรอก พ่อพยายามสตาร์ทรถแต่พยายามเท่าไรมันก็ไม่ยอมติด เธอคนนั้นยังคงยืนอยู่เหมือนเดิม โดยมองพวกเรา 2 คนด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความอาฆาตแค้น

พ่อของฉันทนไม่ไหวเลยจอดรถและตะโกนด่าเธอไปว่า ถ้ายังไม่เลิกแกล้งกัน จะแช่งไม่ให้ไปผุดไปเกิดเลย สักพัก รถก็สตาร์ทติดขึ้นมาเฉยๆ แต่ยังไม่ทันที่จะขับรถออกไป ก็มีบางอย่างหล่นลงมาจากไหนไม่รู้ เฉียดหน้ารถไปแค่นิดเดียวเอง วัตถุตรงหน้าคล้ายๆ ลูกมะพร้าว แต่ตรงนั้นไม่มีต้นมะพร้าวอยู่เลยสักต้น แล้วอะไรที่ตกลงมา พ่อจึงส่องไฟจากหน้ารถเพื่อดูว่า มันคืออะไร

สิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็คือหัวของคน มีเส้นผมยาวๆ ดวงตาบวมแดง ลิ้นแลบยาวชวนน่าขนลุกที่สุด เท่านั้นแหละ ฉันตะโกนบอกพ่อว่าให้ขับรถกลับบ้านให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ โดยที่ไม่หันกลับไปมองข้างหลังอีกเลย

พอไปถึงบ้าน แม่เลยถามว่าเป็นอะไรมา ท่าทางเหมือนหนีผีมางั้นแหละ ใช่เลยแม่ หนีผีมา น่ากลัวซะด้วย พ่อร้องบอกแม่ คืนนั้นทั้งคืน ฉันนอนไม่หลับเลยนึกถึงแต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้

พอรุ่งเช้า ฉันเลยรวบรวมความกล้าเข้าไปถามน้าชายที่เป็นเพื่อนพ่อ ว่าเมื่อคืนฉันเจออะไรมา เผื่อว่า...น้าชายจะรู้อะไรบ้าง แล้วก็เป็นจริง น้าชายเล่าให้ฉันฟังว่า

เธอเป็นนักศึกษา ถูกข่มขืนและฆ่าตายในป่าหลังต้นหูกวาง คนเขาเจอกันเยอะแยะ เธอไม่ไปไหนหรอก เพราะยังจับคนร้ายไม่ได้ เคยไปนิมนต์พระมาแล้วแต่เธอก็ไม่ยอมไปสักทีเที่ยวหลอกผู้คนยามค่ำคืน

ผ่านไปได้ 3-4 วันก็มีข่าวว่า คนขับวินมอเตอร์ไซค์หน้าท่าน้ำก็โดนดีมาเหมือนกัน

ขอขอบคุณ นิตยสารเรื่องผีและวิญญาณ เรื่องโดย : เด็กปราการ

airban-300x250
0
Shares