ถ้าอยากมีหุ่นสวยไว้ใส่บิกินี่ตัวโปรดก็อย่ารอช้า มาฟิตหุ่นให้สวยเพรียวเตรียมพร้อมกันเลยกับ 4 วิธีช่วยลดน้ำหนัก ที่จะทำให้คุณโชว์หุ่นสวยได้ทันร้อนนี้ค่ะ

1. ดื่มน้ำเยอะๆ หน้าร้อนแบบนี้ แน่นอนว่าคุณต้องกระหายน้ำบ่อยอยู่แล้ว ก็แนะนำให้ดื่มน้ำเข้าไปเยอะๆ เลยค่ะ เพราะนอกจากจะไม่มีแคลอรีแล้วยังช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้นด้วย ที่สำคัญต้องเป็นน้ำเปล่านะคะ น้ำหวาน น้ำอัดลม หรือแม้แต่เครื่องดื่มเกลือแร่ก็เลี่ยงไปเลยค่ะ

2. ว่ายน้ำในสระ หากคุณต้องการลดน้ำหนักให้ได้ผลคงต้องอดทนรอลงว่ายน้ำในทะเลไปก่อนนะคะ แต่ให้ไปว่ายในสระแทน เพราะจะว่ายได้หลายท่วงท่าและวัดปริมาณการออกกำลังกายได้

3. ออกกำลังกายนอกบ้าน หน้าร้อนแบบนี้ทำให้การออกกำลังกายกลางแจ้งได้ผลดีกว่าการไปเข้าฟิตเนส ดังนั้นออกไปวิ่งหรือเต้นแอโรบิกในสวนก็จะช่วยได้เยอะเลยค่ะ

4. งดเว้นจากการดื่มแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์จะไปขัดขวางการทำงานของระบบเผาผลาญ ทำให้ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ แต่ถ้าหากหลีกเลี่ยงไม่ได้จริงๆ ก็ให้ดื่มน้ำเปล่าไปพร้อมๆ กันด้วย

รู้แบบนี้แล้วก็อย่ารอช้ารีบลุกขึ้นมาเริ่มต้นฟิตหุ่นกันเลยดีกว่าค่ะ

ขอขอบคุณ นิตยสารเรื่องผู้หญิง ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

คนหุ่นดีๆ เขาไม่ได้ผอมอย่างนี้มาตั้งแต่เกิดหรอกค่ะ กว่ารูปร่างจะสวยได้ นอกจากออกกำลังกายเป็นประจำแล้ว ยังต้องพกเคล็ดลับไว้เป็นผู้ช่วยด้วย

• เผื่อท้องสำหรับขนม ถ้ารู้ตัวว่าอยากกินขนมนมนยของโปรด แทนที่จะกินข้าวทั้งจาน ก็กินเพียง 2 ใน 3 แล้วเผื่อท้องไว้กินขนม อย่าลืมคำนวณแคลอรีของทั้งอาหารและขนมในมื้อนั้นด้วยว่ากินเข้าไปเท่าไรแล้ว
• น้ำมาก ผอมเร็ว แตงโม มะเขือเทศ แตงกวา เห็ด ส้มโอ แคนตาลูป ผักผลไม้พวกนี้เป็นเพื่อนซี้คู่ใจคนหุ่นดี น้ำที่มากมายของมันจะช่วยให้คุณอิ่มจนกินอย่างอื่นได้น้อยลง และน้ำยังเป็นตัวประสานให้กระบววนการเผาผลาญทำงานได้สะดวก จะได้ไม่เหลือไขมันสะสมไว้ตามต้นแขนต้นขาไง
• กินโปรตีนที่ย่อยง่าย ได้แก่ อกไก่ ไข่ขาว ปู กุ้ง ปลา เต้าหู้ นมไขมันต่ำ และถั่ว โปรตีนพวกนี้ทั้งย่อยง่ายและไขมันต่ำ กินแล้วอ้วนยากค่ะพี่น้อง
• กระตุ้นระบบเผาผลาญ อาหารที่กระตุ้นความขยันของระบบเผาผลาญมีให้เห็นอยู่ทั่วไป มันก็คือถั่วนั่นเอง! จะถั่วลันเตา ถั่วลิสง ถั่วปากอ้า รับรองว่าเวิร์คทั้งนั้น ยกเว้นถั่วที่เรียกว่ามะม่วงหิมพานต์อย่างเดียวที่เราต้องขอร้อง
• ชาเขียวหลังอาหาร ชาร้อนๆ จะกระตุ้นระบบเผาผลาญอาหารให้ทำงานดีขึ้น ยิ่งชาเขียวมีคุณสมบัติช่วยลดโคเลสเตอรอลอยู่แล้ว ได้สักแก้วหลังอาหารมื้อหนักๆ ก็จะกลายเป็นมื้อเบาๆ ย่อยง่ายไปทันที

ขอขอบคุณ ที่มา : spicy ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

ปัญหาต้นขาใหญ่ นับว่าสร้างความกังวลใจให้สาวๆ ทั้งหลาย ซะจนไม่กล้านุ่งสั้นกันไปเลย และต่อไปนี้เป็นวิธีการกระชับเรียวขาให้สวยเล็กลงอย่างใจปรารถนาแบบไม่อันตราย มีวิธีไหนบ้างไปดูกัน

ว่ายน้ำ เพราะการว่ายน้ำช่วยให้บริหารได้ทุกสัดส่วนของร่างกายรูปร่างดูเพรียวลงแล้วยังแข็งแรงขึ้นอีกด้วย โดยท่าที่ช่วยลดต้นขาได้มากที่สุดก็คือท่าฟรีสไตล์ ซึ่งคุณต้องตีขาควบคู่ไปกับการว่ายน้ำ ใครที่ต้องการเห็นผลเร็วๆ แนะนำให้เหยียดมือตรงๆ เกาะขอบสระ แล้วตีขาสลับกันไปมา ทำจนรู้สึกเหนื่อยจึงพัก แล้วทำซ้ำอีกสัก 10 เที่ยว จะรู้สึกว่าร่างกายเผาผลาญช่วงต้นขาให้เพรียวลงได้

การบริหารร่างกาย มีให้เลือกทำกัน 3 ท่า ได้แก่

• ท่านอน โดยหาผ้าปูหรือเบาะรองนั่งมารองก้น เพื่อรับน้ำหนักและป้องกันการเจ็บก้น นอนหงายไปกับพื้น จากนั้นยกขาขึ้นทั้งสองข้างขึ้นเหยียดตรง ค้างเอาไว้ แยกขาออกจากกันไปทางด้านข้างแล้วหุบขา ทำซ้ำไปมา 20 ครั้ง และปิดท้ายด้วยการปั่นจักรยานกลางอากาศ อย่างน้อย 80 ครั้ง
• ท่านั่ง ให้นั่งเหยียดขาให้ตรง แล้วยกขาขึ้นจากพื้นเล็กน้อย โดยสลับขาซ้ายขวา อย่างน้อย 100 ครั้ง
• ท่ายืน ยืนหันข้างให้กับกำแพง วางมือบนกำแพง เหยียดขาข้างที่ไม่ได้ชิดกำแพงยกขึ้นมา 90 องศา ด้านหน้า
• พยายามให้ขนานกับพื้น ทำอย่างน้อย 10 ครั้ง ต่อด้วยการยกขาขึ้นทางด้านข้างและด้านหลัง อย่างละ 10 ครั้งเหมือนกัน จากนั้นเปลี่ยนเป็นขาอีกข้างหนึ่ง ทำซ้ำๆ เหมือนกัน

ทีนี้ก็ไม่ต้องกังวลกับปัญหาต้นขาใหญ่อีกต่อไป หากคุณทำตามคำแนะนำเป็นประจำสม่ำเสมอละก็ รับรองได้เลยว่าต้นขาของคุณจะลดลงได้อย่างทันตาเห็น

ขอขอบคุณ นิตยสารเรื่องผู้หญิง ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

3 ท่าออกกำลังกายสลายรอบเอว มีได้จริงๆ ค่ะ ถ้าสาวๆ ขยันออกกำลังกายด้วยท่าลดไขมันหน้าท้องโดยตรง ไม่ใช่ท่าออกกำลังเดิมๆ ที่ร่างกายเคยชินกับมันแล้ว

1.ท่า AB CURL WITH TOWEL

• นอนหงายกับพื้น สอดผ้าขนหนูม้วนรองสะโพกไว้ ยกเข่าตั้งขึ้นสองมือจับผ้าขนหนูแล้วเกร็งหน้าท้อง
• ค่อยๆ งอตัวขึ้นให้อยู่ในระดับหน้าอก เกร็งหน้าท้องค้างไว้ นับ 1-15 แล้วค่อยๆ นอนราบลงตามเดิม

2.ท่า AB CURL WITH SINGLE LEG DROP ท่านี้จะทำให้หน้าท้องส่วนล่างกระชับและแบนราบ แต่ค่อนข้างจะทำยาก แรกๆ สาวๆ จึงอาจจะทำประมาณ 3-5 ครั้งก่อน แล้วค่อยทำเพิ่มจนครบ 12 ครั้ง 

• นอนหงายราบกับพื้น งอเข่าขึ้น ค่อยๆ ยกสองขาขึ้นพร้อมๆ กันจนเข่าอยู่เหนือสะโพกตั้งฉากกับพื้น
• ใช้สองมือรองศีรษะไว้ เกร็งหน้าท้องแล้วค่อยๆ ยกศีรษะขึ้นจากพื้นให้สูงที่สุดที่จะทำได้ โดยเท้ายังงออยู่ในท่าเดิม
• ค่อยๆ ลดขาขวาต่ำลงจนราบกับพื้น แล้วปล่อยขาซ้ายตามลงมา เมื่อทำได้ชำนาญแล้วควรกดไหล่ให้แนบกับพื้นตลอดเวลา เพื่อให้ได้ใช้กำลังที่หน้าท้องมากขึ้น

3.ท่า BRIDGE WITH POINT ท่านี้จะทำให้เส้นเอ็นบริเวณหน้าท้องผ่อนคลายและกระชับ ทำเป็นประจำหน้าท้องจะแบนราบและเฟิร์มสมใจ

• นอนหงายเหมือนเดิม งอเข่าขึ้น ยกปลายเท้าลอยจากพื้นแล้วเกร็งหน้าท้องไว้
• ค่อยๆ ยกแผ่นหลังขึ้นช้าๆ ให้ลอยจากพื้น งอเข่าให้สูงที่สุดที่จะทำได้ โดยยังเกร็งหน้าท้องไว้ตลอดเวลา
• จากนั้นเหยียดขาข้างหนึ่งออกไปข้างหน้าจนสุด เข่าชิดกันและเกร็งหน้าท้องไว้
• ยกขาข้างเดิมขึ้นไปหาเพดาน ให้ปลายเท้าชี้ตั้งตรง แล้วค่อยๆ ลดขาและร่างกายท่อนบนลงสู่พื้นโดยใช้หน้าท้องควบคุมการเคลื่อนไหว จากนั้นทำเหมือนเดิมแต่สลับขาอีกข้างหนึ่ง

ขอขอบคุณ ที่มา : spicy

เป็นวิธีลดความอ้วนโดยการกินอาหารอย่างสมดุล ลดอาหารที่มีไขมันลง เพราะไขมัน 1 กรัม ให้พลังงาน 9 แคลอรี ในขณะที่ถ้าเรากินอาหารจากแป้งในปริมาณเท่ากัน จะได้พลังงานเพียง 4 แคลอรีเท่านั้น

การกินอาหารแบบ Reversal Diet มีหลักว่า

1. ต้องกินอาหารไขมันต่ำและมีโคเลสเตอรอลต่ำกว่า 5% ต่อวัน
2. พลังงานที่ด้จากไขมันต้องน้อยกว่า 10% ต่อวัน และควรเป็นไขมันไม่อิ่มตัว
3. ต้องได้รับพลังงานจากคาร์โบไฮเดรต หรือกลุ่มแป้ง 70-75% ต่อวัน และได้พลังงานจากโปรตีน 15-20% ต่อวัน

ทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน

อาหารพวกแป้งหรือหมู่คาร์โบไฮเดรต แบ่งได้เป็น 2 พวกคือ พวกคาร์โบไฮเดรตแบบชั้นเดียวและคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน คาร์โบไฮเดรตแบบชั้นเดียวได้แก่ แอลกอฮอล์ น้ำผึ้ง น้ำตาล ซึ่งร่างกายจะดูดซึมพลังงานไปใช้ทันทีที่ตกถึงท้อง แต่ไม่ค่อยจะอยู่ท้องนัก ทำให้หิวง่ายและร่างกายยังแปรรูปคาร์โบไฮเดรตชนิดนี้ไปเป็นไขมันได้ง่ายด้วย ส่วนคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ก่อนที่ร่างกายจะดูดซึมพลังงานไปใช้ได้จะต้องผ่านกระบวนการสันดาปก่อน เมื่อกินแล้วจะอิ่มท้องนานและยังแปรเป็นไขมันได้ยากกว่าแบบแรกด้วย เช่น ข้าว มัน เผือก แครอท ลูกเดือย เป็นต้น

วิธีเลือกอาหารหมู่โปรตีน

พยายามให้ร่างกายได้รับโปรตีนจากพืช โดยเฉพาะถั่วมากกว่าเนื้อสัตว์ เพราะเนื้อสัตว์จะมีไขมันแทรกอยู่ในกล้ามเนื้อ ทำอย่างไรก็หนีไม่พ้นต้องทานไขมันเข้าไปด้วยอยู่ดี นอกจากนี้ Reversal Diet กำหนดให้กินไข่ขาววันละ 2-3 ฟอง ด้วยวิธีต้ม เช่น ไข่ต้ม ไข่ตุ๋น ไม่ทอด ส่วนอาหารไข่ที่ต้องใส่น้ำตาล เช่น ไข่ลูกเขย ไข่พะโล้ ควรทานให้น้อยที่สุด
หลีกเลี่ยงอาหารที่ปรุงด้วยการทอด เจียว ผัด เน้นอาหารมังสวิรัติที่ให้สารอาหารที่เป็นประโยชน์กับร่างกายมากกว่า แต่มีโคเลสเตอรอลน้อยกว่ากันมาก
ระหว่างไดเอทด้วยวิธีนี้ ต้องดื่มนมพร่องมันเนยอย่างน้อยวันละกล่องเพื่อป้องกันการขาดโปรตีน

ขอขอบคุณ ที่มา : spicy ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

ถ้าถามสาวๆ ว่าฝันอยากมีหุ่นแบบไหน คำตอบที่ได้น่าจะเป็นผอมเพรียว แขนเรียว หน้าท้องแบนราบกันแทบจะทุกคน คุณก็มีหุ่นแบบนี้ได้เหมือนกันถ้าทำตามวิธีที่เราเอามาฝากกันค่ะ
1. น้ำ น้ำ น้ำดื่มน้ำให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ก่อนมื้ออาหาร และทุกครั้งที่รู้สึกหิว น้ำจะช่วยทำให้ทานน้อยลง อิ่มเร็วขึ้นและรักษาระดับการเผาผลาญพลังงานของร่างกายให้ทำงานดี
2. ออกกำลังกายยามเช้าการออกกำลังกายตอนเช้าจะช่วยกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญของร่างกายให้ทำงานมากกว่าเดิม
3. ไม่ดูไปกินไปจัดพื้นที่ทานอาหารไว้เป็นสัดส่วน และทานอาหารเฉพาะพื้นที่นั้นเท่านั้น อย่าเอาอาหารออกมานอกส่วนที่แบ่งไว้ คุณจะได้บังคับตัวเองไปในตัวว่าไม่มีการกินไปดูทีวีไป หรือกินไปอ่านหนังสือไปเป็นอันขาด
4. ลดขนาดจานยิ่งใช้จานใหญ่ก็ยิ่งกินมาก ลดขนาดของจานลงมาดีกว่าจะได้ทานน้อยลง
5. ทาน 5 มื้อต่อวันแบ่งอาหารของคุณออกเป็นมื้อเล็กๆ 5 มื้อ การทานน้อยๆ แต่ทานบ่อยจะอ้วนน้อยกว่าทานแค่ 3 มื้อหลัก แต่ทานทีละมากๆ และการทานบ่อยๆ ยังจะเป็นการกระตุ้นให้ระบบเผาผลาญทำงานได้ตลอดทั้งวันอีกด้วย
6. ปิ้ง ย่าง นึ่งถ้าออกไปทานข้าวนอกบ้าน สั่งแต่อาหารประเภทปิ้ง ย่าง นึ่งเท่านั้น อย่าสั่งอาหารที่ต้องผัดหรือทอดด้วยน้ำมัน
7. งดของหวานๆถ้าไม่หยุดของหวาน คงยากที่ฝันคุณจะเป็นจริง ฉะนั้นบอกลากันไปเลยกับขนมหวานๆ ทุกชนิดและอย่าเอาขนมหวานมาเก็บไว้ในบริเวณที่คุณจะมองเห็นได้เพราะการต่อสู้กับความอยากนั้น ส่วนใหญ่สาวๆ ไม่ค่อยจะชนะหรอก เผลอแป๊บเดียวขนมเต็มปากทู้ก...ที
8. บุฟเฟ่ต์ไม่มีรอบสองเวลาไปงานเลี้ยงแบบบุฟเฟ่ต์อนุญาตให้ตักครบหมดทุกอย่างได้ แต่ให้ตักเพียงแค่รอบเดียวเท่านั้นไม่มีการติดใจว่าจานนี้อร่อยแล้วจะขอตักรอบสอง รอบสาม ถ้ากลัวห้ามใจไม่ไหวคุณอาจฆ่าเวลาด้วยการเดินคุยกับคนอื่นๆ แทนจะดีกว่า
9. ชั่งน้ำหนักชั่งน้ำหนักอาทิตย์ละครั้งเพื่อติดตามความก้าวหน้า น้ำหนักที่เหมาะสมคือ ควรจะลดลงเพียงแค่อาทิตย์ละ 0.5 กิโลเท่านั้น ถ้าน้ำหนักลงฮวบฮาบมากกว่านี้ร่างกายคุณจะอ่อนเพลียมากไป และการที่น้ำหนักลดเร็วเกินไปยังอาจจะทำให้เกิดอาการโยโย่ในภายหลังได้ด้วย
10. พักผ่อนให้เพียงพอถ้าคุณอดนอนร่างกายจะอ่อนเพลียและจะหิวมากกว่าเดิม สาวๆ ที่กำลังไดเอทจึงควรนอนหลับให้เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย นอกจากนี้คนที่หลับสนิทระบบการเผาผลาญพลังงานจะทำงานได้ดีกว่าคนอดนอนถึง 40% อีกด้วย
11. กิจกรรมฆ่าเวลาระหว่างมื้อคุณอาจจะหิวหรืออยากกินของหวานๆ ควรดึงความสนใจของตัวเองไปที่กิจกรรมอื่นๆ ดีกว่า ไม่ว่าจะเป็นโทรคุยกับเพื่อน ออกไปเดินเล่น ไปดูหนัง ฟังเพลง เป็นต้น
12. ส้มช่วยลดความอ้วนเวลากลางคืนถ้าคุณหิวจนทนไม่ไหว ให้ทานส้มแก้หิวสักผลหนึ่ง ดีกว่าที่จะไปทานขนมที่อุดมไปด้วยไขมันอื่นๆ
13. เลือกโปรแกรมลดน้ำหนักถ้าจะเลือกโปรแกรมลดน้ำหนักตามนิตยสารหรือตามคลินิกต่างๆ ควรเลือกโปรแกรมที่เหมาะกับตัวคุณเอง เลือกแบบที่รู้ว่าตัวคุณจะทำได้จริงๆ และไม่ทรมานหรือเสียสุขภาพมากเกินไป และต้องคำนวณค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผลด้วย
14. No แอลกอฮอล์เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดจะมีน้ำตาลอยู่เป็นปริมาณมาก และแอลกอฮอล์ยังจะไปทำลายระบบเผาผลาญพลังงานของคุณให้เสียไปด้วย สังเกตสิว่าคอทองแดงทั้งหลายน่ะ อ้วนๆ กันทั้งนั้น
15. ออกกำลังกายตามชอบการออกกำลังกายไม่จำเป็นต้องเป็นการวิ่งเสมอไป เลือกวิธีออกกำลังแบบที่คุณชอบทำจะดีกว่า เพราะจะได้สนุกกับมันและทำได้นาน ไม่ว่าจะเป็นการเต้นรำ เล่นโยคะ แอโรบิค ว่ายน้ำ ขี่ม้า ฯลฯ แต่เมื่อทำแล้ว ต้องทำต่อไปอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ ถ้าได้ออกกำลังกายอย่างต่อเนื่องประมาณ 10 สัปดาห์ สาวๆจะเห็นได้ว่ารูปร่างของคุณเปลี่ยนไปจริงๆ
16. จิบชาเขียวก่อนออกแรงก่อนจะออกกำลังกายควรจะดื่มชาเขียวก่อน เพราะในชาเขียวมีสารที่ช่วยกระตุ้นกระบวนการเผาผลาญของร่างกายให้ทำงานดีขึ้นและยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นประโยชน์กับผิวด้วย
17. ติดสติ๊กเกอร์ห้ามปากไม่ใช่ให้เอามาติดที่ปากตัวเองนะ แต่ให้ติดไว้ที่หน้าตู้เย็น อาจจะเป็นคำสั้นๆ ว่า หยุด! ไม่อ้วนเอาเท่าไร! กำลังลดความอ้วน! หรือถ้าจะให้ล้ำเลิศกิ๊บเก๋ขึ้นอีกหน่อย ก็อาจจะเอารูปตัวคุณเองไปรีทัชให้ผอม แล้วเอามาแปะไว้เตือนใจว่าคุณจะมีหุ่นอย่างนี้ได้ ถ้าไม่กิน
18. คิดในทางบวกอย่าคิดอะไรในทางที่ทำให้หมดกำลังใจ อย่าถามตัวเองว่านี่เราจะทำได้ไหมเนี่ย แต่ให้คิดแต่เรื่องความสำเร็จ เช่น คิดว่าเราต้องผอมแน่ๆ หรือซื้อเสื้อผ้าสำหรับคนหุ่นดีมาเตรียมไว้ แล้วจินตนาการเวลาที่คุณผอมแล้วได้ใส่ชุดนี้ เป็นการเพิ่มแรงบันดาลใจให้ตัวเอง
19. ลดก็เพื่อตัวเองอย่าคิดจะลดน้ำหนักเพื่อใคร ให้คิดว่าคุณกำลังทำเพื่อตัวเองเท่านั้น เพราะถ้าคุณคิดจะลดน้ำหนักเพื่อให้คนอื่นซึ่งส่วนมากก็จะเป็น "แฟน" แล้วในระหว่างที่กำลังลด คุณเกิดทะเลาะกับเขา หรือแฟนตัวดีบังเอิญทิ้งไปคุณก็จะหมดกำลังใจที่จะสู้ต่อ แล้วความอ้วนก็จะชนะอีกตามเคย
20. กินอาหารเผาไขมันพริกไทย กระเทียม แอปเปิ้ล ผักใบเขียว มะเขือเทศ บลูเบอร์รี่ กานพลู สตรอเบอร์รี่ วาซาบิ บร็อคโคลี่ นี่คืออาหารที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบเมตาบอลิซึ่ม (ระบบเผาผลาญของร่างกาย) จะทำให้คุณผอมเร็วขึ้น เป็นตัวช่วยที่สาวอ้วนทุกคนไม่ควรมองข้าม
21. คิดก่อนหยิบเข้าปากก่อนจะกินอะไรก็ตาม คิดก่อนว่ากินแล้วจะอ้วนหรือเปล่า ให้เวลาตัวเองตัดสินใจ 10 นาที ถ้าชัวร์ว่าไม่เป็นศัตรูกับความผอมแล้วค่อยกิน
เฮ่อ!! ยากไม่ใช่เล่นเลยนะคะ แต่ผู้หญิงอย่างเราต้องอดทนเข้าไว้คะ อีกไม่นานหุ่นแบบที่ฝันไว้จะเป็นของพวกเราคะ สู้ สู้!

ขอขอบคุณ นิตยสารเรื่องผู้หญิง