นำเสนอสาระน่ารู้ บทความดีๆ เกี่ยวกับพัฒนาการของทารกตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 1 ปี เพื่อคุณพ่อคุณแม่จะได้เตรียมพร้อมรับมือกับพัฒนาการของลูกน้อยได้อย่างชาญฉลาด และมีสติ พร้อมที่จะแก้ไขและส่งเสริมให้ลูกน้อยมีพัฒนาการที่ดีสมวัย และสามารถเจริญเติบโตต่อไปได้อย่างมีความสุข สุขภาพแข็งแรง ร่าเริงสดใส ทาง Pstip หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสาระความรู้ต่างๆ ในหมวดนี้จะสามารถเป็นแนวทางที่ดี สำหรับคุณพ่อคุณแม่คนใหม่นำไปปฏิบัติเพื่อลูกน้อยที่คุณรักได้อีกทางหนึ่งค่ะ
Written by on
ภาวะปกติในทารกแรกเกิด (2)
ตัวเหลือง
ทารกที่ได้รับนมแม่ มีโอกาสเกิดตัวเหลืองได้ 2 ลักษณะ
ผิวหนังลอก (Desquamation หรือ Peeling of the skin )
ปานแดงชนิดเรียบ (Macular hemangiomas)
ผิวหนังลายเหมือนร่างแห (Cutis marmorata)
ภาวะเขียวที่มือและเท้า (Acrocyanosis หรือ Peripheral cyanosis)
Subconjunctival hemorrhage
ตุ่มขาวในปาก
ลิ้นขาว(White tongue)
ริมฝีปากแห้งและลอกเป็นแผ่น
นมเป็นเต้า (Breast engorgement)
ถุงอัณฑะยาน
ถุงอัณฑะโตผิดปรกติ
* เรียบเรียงจากเอกสารเรื่อง "ภาวะปรกติในทารกแรกเกิด"โดยศาสตราจารย์ น.พ. เกรียงศักดิ์ จีะแพทย์ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ของบริษัท ไวเอท-เอเยิร์สท์ (ประเทศไทย) จำกัด
Written by on
Written by on
ภาวะปกติในทารกแรกเกิด
ทารกแรกเกิด หมายถึง ทารกอายุ 4 สัปดาห์หลังคลอด เป็นวัยที่มีภาวะ หรือสิ่งปรกติที่ ไม่พบในวัยอื่น ภาวะหรือสิ่งปรกตินี้ อาจทำให้พ่อแม่ วิตกกังวลได้บ่อยครั้ง ที่พ่อแม่ พาทารก ไปพบบุคลากร ทางการแพทย์ ซึ่งก็ไม่ทราบว่า เป็นภาวะปรกติ และได้รับคำแนะนำ หรือการ รักษาที่ไม่จำเป็น หรือรับตัวไว้ รักษาในโรงพยาบาล หรือหาหยูกยามารักษาเอง ซึ่งอาจก่อ อันตราย แก่ทารกได้ ภาวะปรกติเหล่านี้ ไม่ต้อง ให้การรักษาใด ๆ ภาวะปรกติ ที่พบได้ใน ทารกแรกเกิดได้แก่สิ่งต่อไปนี้
ทารกบางคน ได้รับการป้อนนม โดยปล่อยให้นอนราบ แล้วใช้ผ้า หนุนขวดนม โดยเกิดจาก ความเชื่อว่า หากอุ้มทารก และถือขวดนมให้ จะทำให้ทารก ติดมือ หรืออาจเพราะ ผู้ดูแล ไม่มีเวลา การปฏิบัติเช่นนั้น ทำให้น้ำนม ไม่ท่วมจุกนม เวลาทารก ดูดนม จะกลืนน้ำนม และลม เมื่ออิ่มแล้ว ทารกจะเรอ และแหวะ น้ำนมออกมาด้วย หากการแหวะนม เกิดขณะที่ ทารกนอนราบ ทารกอาจสูดสำลักนม เข้าปอดได้ การป้อนนม ที่ถูกต้องจะต้องอุ้มทารก ให้อยู่ในท่าครึ่งนั่ง ครึ่งนอนเสมอ และถือขวดนม ให้น้ำนมท่วมจุก นมตลอดเวลา ภายหลัง ดูดนมหมดแล้ว ต้องจับทารกนั่ง หรืออุ้มพาดบ่า เพื่อไล่ลม
* เรียบเรียงจากเอกสารเรื่อง "ภาวะปรกติในทารกแรกเกิด"โดยศาสตราจารย์ น.พ. เกรียงศักดิ์ จีะแพทย์ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลของบริษัท ไวเอท-เอเยิร์สท์ (ประเทศไทย) จำกัด
Written by on
Written by on
การเช็ดตัวลูกน้อย
เมื่อดิฉันพาลูกกลับมาจากโรงพยาบาล สะดือยังไม่แห้ง ผู้ใหญ่แนะนำว่าให้เช็ดตัวลูกไปก่อน คุณพยาบาลแนะนำว่า ควรอาบน้ำให้ลูกเหมือนตอนอยู่โรงพยาบาล ดิฉันไม่แน่ใจ จึงเลือกทำตามที่คุณแม่บอกคือเช็ดตัว มีวิธีเช็ดตัวให้ลูกอย่างไรจึงจะสะอาดพอ ดิฉันเกรงว่าผิวหนังลูกจะติดเชื้อ เพราะขณะนี่มีตุ่ม แดง ๆ ขึ้นตามตัวและแขนขาอยู่เหมือนกัน"
การเช็ดตัวลูกน้อยตามบันได 5 ขั้น
เด็กแดง ๆ หรือทารกแรกเกิดที่สะดือยังไม่แห้งดี ก็อาบน้ำในอ่างได้แต่ต้องเช็ดรอบสะดือให้แห้ง หลังอาบน้ำด้วยสำลีที่ผ่านการฆ่าเชื้อมาแล้ว บางโรงพยาบาลอาจให้น้ำยาเช็ดสะดือ มาให้เช็ดต่อที่บ้านด้วย
วิธีเช็ดตัว หรืออาบแห้ง (sponge bath) คุณแม่นั่งบนเก้าอี้ อุ้มลูกให้นอนบนตักคุณแม่หันหัวลูกไปทางเข่าของคุณแม่ ใช้สำลีชุบน้ำอุ่นเช็ดหน้าลูก โดยมีขั้นตอนดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 มีสำลี 2 ก้อนชุบน้ำอุ่น บีบน้ำออกแห้งมาด ๆ ใช้สำลีเช็ดรอบตาลูก ก้อนแรกเช็ดข้างขวา ก้อนที่ 2 เช็ดข้างซ้าย ป้ายจากหัวตาไปทางหางตา
ขั้นตอนที่ 2 ใช้สำลีที่เช็ดตา แล้วเลยมาเช็ดตรงจมูกออกไปทางแก้ม และรอบปาก หลายครั้งเพื่อเช็ดคราบนม คราบน้ำลายออกให้หมด
ขั้นตอนที่ 3 เช็ดใบหู และหลังหูทั้งสองข้าง ด้วยลำสีชุมน้ำอุ่น
ขั้นตอนที่ 4 นำผ้าขนหนูผื่นเล็กที่เนื้ออ่อนนุ่ม ชุบน้ำอุ่นบิดพอหมาด ๆ เช็ดตามตัว รักแร้ แขน ขา มือ แล้วตะแคงตัวลูกเช็ดด้านหลังให้ทั่วตัว
ขั้นตอนที่ 5 ล้างก้นฟอกสะบู่ ล้างด้วยน้ำให้สะอาด เช็ดให้แห้งคราวนี้หนูน้อยจะสะอาดทั้งตัว ก็จัดการใส่ผ้าอ้อมได้ ถ้าแม่อยากทาแป้งก็โรยแถวบริเวณขาหนีบ ก้น รักแร้ และซอกคอนิดหน่อย อย่าโรยแป้งมากนัก แป้งฟุ้งกระจายเข้าจมูกลูก เกิดอาการระคายได้
ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสาร Modern Mom ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
Written by on
Written by on
เลี้ยงลูกอย่างไร ไม่ อ้วน-เตี้ย-ล่ำ
คุณพ่อคุณแม่มักจะกังวลเสมอเวลามีใครมาถามว่าทำไมถึงเลี้ยงลูกให้ผอม ทั้งที่ความจริงแล้วความอ้วนมีผลเสียหลายอย่าง นอกจากนี้ยังมีคำถามอีกว่าถ้าไม่อยากให้ลูกเตี้ยจะต้องเลี้ยงดูอย่างไร พ.ญ.อนุตรา โพธิกำจร ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบต่อมไร้ท่อในเด็ก โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล มีคำแนะนำในงานสัมมนาเรื่อง "ไม่อยากให้ลูกอ้วน ไม่อยากให้ลูกเตี้ย จะเลี้ยงดูอย่างไร" ที่ชั้น 12 โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ถ.สุขุมวิท 3
พ.ญ.อนุตรากล่าวว่า เด็กที่อ้วนมักเกิดจากสาเหตุหลายอย่าง ทั้งการรับประทานอาหารผิดประเภท หรือออกกำลังกายน้อย สังเกตเด็กอ้วนได้จากขาที่โก่ง เนื้อจ้ำม้ำ เนื้อมีรอยพับ เหนื่อยง่าย พอเข้าโรงเรียนก็มีปัญหาเพราะวิ่งก็เหนื่อย เล่นกับเพื่อนก็เหนื่อย นอกจากนี้ยังมีอาการนอนกรน หยุดหายใจเป็นพักๆ ซึ่งจะทำให้สมองขาดออกซิเจน นานๆ ไปจะทำหัวใจล้มเหลวผลเสียของความอ้วนก็คือการเป็นโรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง (คอเรสเตอรอล) และโรคความดันโลหิต บางคนคิดว่าพอเด็กโตขึ้นก็หาย แต่ความจริงไม่เป็นเช่นนั้น เพราะจะติดนิสัยพอโตเป็นผู้ใหญ่ก็จะอ้วน พออายุมากก็จะเป็นโรคเบาหวานและโรคความดัน ดังนั้นเราต้องส่งเสริมนิสัยการกินอาหารกันตั้งแต่เด็ก
เริ่มจากเด็กแรกเกิด-6 เดือน ควรให้ดื่มนมแม่ดีที่สุด หลังจาก 6 เดือนแล้วสามารถเริ่มอาหารเสริมพวกข้าว หรือข้าวบด อายุ 9 เดือนเพิ่มอาหารเสริมเป็น 2 มื้อ อายุ 1 ขวบเพิ่มอาหารเสริมเป็น 3 มื้อ โดยอาหารเสริมต้องมีคุณค่าสารอาหารครบ 5 หมู่ หลังจากนั้นก็ลดการดื่มนมให้น้อยลง พออายุครบ 1 ขวบอาหารจะเป็นมื้อเช้า กลางวัน เย็น และนมคือของว่างในมื้อสาย บ่าย ก่อนนอน วิธีนี้จะทำให้ลูกไม่มีเวลาไปกินขนมคุณพ่อคุณแม่ต้องพยายามบอกลูกว่าการกินข้าวให้คาร์โบไฮเดรต เนื้อสัตว์ให้โปรตีน ผักให้วิตามินและแคลเซียม พูดไปเรื่อยๆ เดี๋ยวลูกจะเข้าใจเอง หากเขาขอกินขนมก็ให้ได้ในโอกาสพิเศษ แต่ถ้าลูกขอมากไปก็ต้องอธิบายให้เขาทราบถึงผลดีผลเสียของการกินขนม
นอกจากนี้พ่อแม่ต้องหัดใจแข็ง สอนให้ลูกรู้ว่าอะไรได้ อะไรไม่ได้ ไม่ใช่ลูกร้องไห้แล้วก็จะได้ทุกสิ่ง บางครั้งการมีญาติผู้ใหญ่ให้ท้ายก็เป็นผลเสีย พ่อแม่ควรอธิบายให้ท่านทราบ แต่หากยังไม่ประสบผลก็หันไปให้ข้อมูลกับลูกแทน เมื่อเขาโตขึ้นจะทราบเหตุผลเองว่าสิ่งไหนดี สิ่งไหนไม่ดีสำหรับเด็กที่มีอาการอ้วนแล้ว คุณพ่อคุณแม่จะเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไข คือต้องสอนหรือบอกให้ลูกทราบ เช่น นมควรให้ดื่มเฉพาะนมจืด เวลาไปซื้อของต้องไปกับลูกเพื่อแนะนำให้เขาทราบถึงผลดีผลเสีย
มาถึงเรื่องความสูง คุณหมอแนะว่า "ปัจจัยที่มีส่วนเกี่ยวกับความสูงของลูกคือกรรมพันธุ์ และวิธีการเลี้ยงดู คือต้องกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ การปล่อยให้ลูกอ้วนในตอนแรกดูเหมือนจะทำให้ลูกสูงได้ แต่ความจริงแล้วจะทำให้การเจริญเติบโตของลูกชะงัก นอกจากนี้การออกกำลังกายก็สำคัญ คุณพ่อคุณแม่ควรทำเป็นตัวอย่างให้ลูกเห็น การนอนหลับอย่างเพียงพอก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะเด็กๆ ควรนอนหลับแต่หัวค่ำ สำหรับอาหารเสริมนั้น หากลูกดื่มนมจืดวันละ 3 มื้อก็ไม่จำเป็นต้องกินแคลเซียม หัดกินผลไม้ให้มากก็ไม่จำเป็นต้องกินวิตามินใดเสริมเลย
สนใจข้อมูลข่าวสารเพื่อการเลี้ยงลูกและดูแลสุขภาพ ติดตามรายละเอียดได้ที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนล ถนนสุขุมวิท 3 โทรศัพท์ 0-2667-1000 หรือที่ www.bumrungrad.com
Written by on
Written by on
การเลือกผ้าอ้อม
วิธีทำความสะอาดเวลาเปลี่ยนผ้าอ้อม
เตรียมสำลีชุบน้ำสะอาด ครีม หรือขี้ผึ้งสังกะสี (Zine Paste) สำหรับทาป้องกันผิวหนังมิให้แฉะ เปื่อย-แดง เข็มกลัดผ้าอ้อม และถังใส่ผ้าอ้อมที่ใช้แล้ว ให้พร้อมไว้ถอดผ้าอ้อมที่เปียกออก
ใช้สำสีชุบน้ำเช็ดบริเวณก้น ให้ทั่วรวมทั้งซอกขาหนีบ ทวารหนัก และอวัยวะขับถ่ายด้วย ถ้าเป็นเด็กผู้หญิง ควรเช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อจากทวารหนัก มาเปื้อนเปอระด้านหน้า ซึ่งมีท่อเปิดของท่อปัสสาวะ และช่องคลอดอยู่ จะทำให้เกิดการติดเชื้อทางระบบปัสสาวะ และหรือช่องคลอดถ้าผิวหนังแดงให้ทาด้วยวาสลินครีม หรือครีมสังกะสี หรือโลชั่นที่ใช้เพื่อป้องกันผิวอักเสบแต่ไม่ดีขึ้น หรือลุกลามอาจต้องปรึกษากุมารแพทย์
ใส่ผ้าอ้อมผื่นใหม่ติดเข็มกลัด หรือติดเทปให้กระชับจะได้เข้าที่ไม่หลุด เวลาเด็กเคลื่อนไหวตัว
*เข็มกลัดซ่อนปลายต้องใช้ชนิดที่ทำไว้กลัดผ้าอ้อมนะคะ
ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสาร Modern Mom ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
Written by on
Written by on
วิธีอาบน้ำลูก บทความอธิบายถึง ขั้นตอนในการอาบน้ำทารกแรกเกิด ก่อนจะอาบน้ำ ควรเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ไว้ข้างๆตัวให้พร้อม น้ำควรจะอุ่นพอสมควร (ทดสอบโดยใช้หลังมือ)
ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสาร Modern Mom ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
Written by on
Written by on
อาบน้ำ ช่วงเวลาสนุกของลูกน้อย
ลูกไม่ชอบอาบน้ำเลยค่ะ อาบน้ำทีไรร้องจ้าทุกครั้ง ตอนนี้อายุเกือบ 3 สัปดาห์แล้วค่ะ จะมีวิธีอะไร ที่ทำให้ลูกไม่ร้องเวลาอาบน้ำไหมคะ
เวลาอาบน้ำสำหรับเด็ก มักเป็นเวลาแห่งความสุข Happy Time เพราะเป็นเวลา ที่เขาสามารถจะเคลื่อนไหวแขนขา ออกกำลังกายได้อย่างสนุกนาน จนบางรายมีความลำบากที่จะขึ้นจากน้ำ
ทารกแรกเกิดบางคน ยังไม่คุ้นเคยกับการอาบน้ำ ในช่วงที่สะดือยังไม่แห้ง ก็มักใช้วิธีเช็ดตัวเอา คุณแม่คนใหม่ ที่ยังไม่ค่อยชำนาญในการจับตัวลูก ก็เกร็ง กลัวลูกจะลื่นตกสำลักน้ำบ้าง น้ำจะเข้าหูบ้าง
การอาบน้ำให้ลูก ให้เตรียมอ่างอาบน้ำที่มีรูปร่างยาวรี ดีกว่ากลมกว้าง ผสมน้ำให้อุ่นพอเหมาะโดยการจุ่มข้อศอกลงไปทดสอบก่อน
ถ้าจะสระผม ให้ห่อตัวลูกด้วยผ้าเช็ดตัว สระผมด้วยแชมพู ล้างออกให้หมด โดยวักน้ำมาล้างผม แต่ต้องจับหูลูกพับปิดรูหูไว้ก่อน ซับผมให้แห้ง
เมื่อสระผมแล้ว จึงเอาน้ำลูบตัวลูก ให้ลูกรู้สึกตัวไว้ขั้นหนึ่งก่อน แล้วจึงค่อยจุ่มขาลูกลงในอ่างน้ำ ประคองไหล่ คอ และหัวลูกไว้ ให้ลูกใช้แขนขาตีน้ำเล่นสัก 2-3 นที แล้วจึงฟอกสบู่ ล้างสบู่ออกให้หมด แล้วนำตัวลูกขึ้นจากน้ำ ห่อตัวและหัวลูกด้วยผ้าเช็ดตัวทันที เพื่อให้ตัวลูกอบอุ่น เมื่อตัวลูกแห้งแล้วให้โรยแป้งที่ แขน คอ และขาหนีบ แต่ถ้าเด็กเป็นโรคภูมิแพ้ไม่ควรใช้แป้ง ใช้สำลีพันปลายไม้เช็ดใบหูให้สะอาด แต่อย่าแหย่รูหู นุ่งผ้าอ้อมแล้วจึงใส่เสื้อผ้า
ถ้าคุณอาบน้ำให้ลูกอย่างนุ่มนวล มั่นคง ลูกก็จะไม่กลัว และชอบเล่นน้ำในช่วงอาบน้ำในที่สุด
ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสาร Modern Mom ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
Written by on