รวมรวมบทความ เรื่องราวความรู้ต่างๆ เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอันดับแรกในโลก ทั้งอุปกรณ์ สิ่งประดิษฐ์ วิวัฒนาการ และสิ่งปลูกสร้างต่างๆ เพื่ออยากให้ผู้อ่านได้รับรู้ ได้รู้จัก และได้เห็นว่าสิ่งของต่างๆ ที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันนั้น สิ่งของที่เป็นชิ้นแรกของโลก สิ่งของที่เกิดขึ้นก่อนในโลกใบนี้นั้น เกิดขึ้นมาตั้งแต่เมี่อไหร่ มีลักษณะ รูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร เหมือนที่เราคิดไว้รึเปล่า และคนที่เป็นผู้คิดริเริ่มสร้างขึ้นมานั้นเป็นใครและเขาได้สร้างขึ้นมาได้อย่างไร
Written by on
หลอดไฟฟ้าหลอดแรกของโลก
หลอดไฟฟ้า หลอดแรกของ โธมัส อัลวา เอดิสัน (Thomas Alva Edison) ส่องสว่างขึ้นเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านั้นเซอร์ฮัมฟรี เดวี่ (Sir Humphry Davy) เคยประดิษฐ์หลอดไฟฟ้าชื่อว่า "Arc Light" แต่เส้นลวดไม่สามารถทนความร้อนได้สูง หลอดของเขาจึงมีอายุการใช้งานสั้น เอดิสันจึงได้ทดลองใช้วัสดุกว่า 10,000 ชนิดเป็นไส้ จนพบว่าเส้นใยฝ้ายนำไปเผาไฟ จากนั้นจึงนำไปบรรจุไว้ในหลอดสูญญากาศ หลอดไฟของเอดิสันสามารถจุดให้แสงสว่างได้นานถึง 45 ชั่วโมง
หลอดไฟฟ้าชนิดนี้มีชื่อว่า "Incandesent Electric Lamp" และในที่สุดเขาก็พบว่าเส้นใยของไม้ไผ่ในประเทศญี่ปุ่นมีคุณภาพดีกว่า แต่ถึงกระนั้นหลอดไฟฟ้าของเอดิสันก็ยังไม่เป็นที่นิยมเท่าไรนัก เพราะราคาค่าไฟฟ้าในขณะนั้นแพงมาก
ขอบคุณ ที่มา : sanook ภาพจาก : rmutphysics
Written by on
Written by on
แอร์โฮสแตส คนแรกของโลก
ย้อนกลับไปในช่วงทศวรรษ 1920-1930 ซึ่งในยุคนั้นการเดินทางโดยเครื่องบินยังไม่ได้รับความนิยมมากนัก ส่วนหนึ่งเพราะคนยังคิดว่าการเดินทางโดยเครื่องบินนั้นอันตรายเกินไป และเพื่อที่จะทำให้ผู้คนหายกลัวและหันมาใช้บริการเครื่องบินมากขึ้น ทางสายการบินจึงต้องพยายามจูงใจให้คนเชื่อว่า การเดินทางโดยเครื่องบินนั้นไม่อันตรายอย่างที่คิดและผู้ที่ได้มาลบภาพความน่ากลัวของการโดยสารเครื่องบินออกไปก็คือ "เอลเลน เชิร์ช"
เอลเลน เชิร์ช มีอาชีพเดิมเป็นนางพยาบาลอยู่ในรัฐไอโอวา เธอชื่นชอบการบินมากถึงขั้นฝึกขับเครื่องบิน และไปสมัครงานกับ สตีฟ สติมป์สัน ในตำแหน่งนักบินของสายการบินโบอิ้งแอร์ทรานสปอร์ต (บีเอที) แถมยังแนะสายการบินด้วยว่าน่าจะหาพยาบาลมาประจำบนเครื่อง เพื่อช่วยให้ผู้โดยสารอุ่นใจหายกลัวเครื่องบิน
สุดท้าย สติมป์สันรับเชิร์ชเป็นพนักงาน แต่ไม่ได้ให้ทำหน้าที่ตำแหน่งนักบิน เขาจ้างให้เธอรับงานในตำแหน่งที่เธอเสนอขึ้นมาเอง
ปี 1930 สายการบินโบอิ้งแอร์ทรานสปอร์ต (ก่อนจะพัฒนามาเป็นสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์สอย่างในปัจจุบัน) ว่าจ้างพยาบาลแปดคนมาเป็นพนักงานประจำเครื่องบิน และในวันที่ 15 พฤษภาคม 1930 เอลเลน เชิร์ช ได้กลายเป็นพนักงานประจำบนเครื่องบินซึ่งเป็นผู้หญิงคนแรกของโลก โดยเธอรับผิดชอบในเส้นทางการบินระหว่างโอ๊คแลนด์และชิคาโก
การนำพยาบาลมาประจำบนเครื่องบินนั้นก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี จนในอีกสามปีต่อมา บรรดาสายการบินส่วนใหญ่ของโลก ก็พร้อมใจกันว่าจ้างพยาบาลให้มาคอยประจำอยู่บนเครื่องบิน
คุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นพนักงานหญิงประจำเครื่องบินในยุค 1930 นั้น เป็นเรื่องที่เข้มงวดมาก ผู้ที่จะทำอาชีพนี้ได้ต้องเป็นพยาบาลที่ได้รับการจดทะเบียนแล้ว ต้องเป็นโสด ต้องมีอายุน้อยกว่า 25 ปี น้ำหนักไม่เกิน 52 กิโลกรัม และสูงไม่เกิน 160 เซนติเมตร
ส่วนหน้าที่รับผิดชอบนั้นก็หนักหนาไม่เบา พวกเธอต้องคอยดูแลความต้องการของผู้โดยสาร และยังต้องขนสัมภาระขึ้นเครื่อง มีความสามารถในการซ่อมเก้าอี้ เติมเชื้อเพลิงให้เครื่องบิน หรือแม้แต่ช่วยนักบินนำเครื่องบินเข้าไปเก็บในโรงจอดเครื่องบิน
อย่างไรก็ตาม แม้เชิร์ชจะเป็นผู้ที่บุกเบิกอาชีพนางฟ้าปีกอ่อนให้กับผู้หญิงทั่วโลก ตัวเธอเองกลับทำงานเป็นพนักงานประจำเครื่องบินได้เพียง 18 เดือนเท่านั้นเนื่องจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เชิร์ชหันไปศึกษาต่อจนจบระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยมินนิโซตา และกลับไปทำงานด้านพยาบาลอีกครั้ง
ปี 1942 เชิร์ชเข้าร่วมในสงครามโลกครั้งที่สอง ในตำแหน่งหัวหน้าหน่วยพยาบาลของกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งหลังจากเสร็จสงครามแล้ว เธอก็ได้รับเหรียญกล้าหาญมาเป็นเครื่องเชิดชูเกียรติให้กับเธอ จากนั้นเธอจึงกลับไปเป็นพยาบาลต่อในมลรัฐอินดีแอนา
สุดท้ายในปี 1965ชีวิตอันเต็มไปด้วยสีสันของเชิร์ชปิดฉากลง หลังเธอประสบอุบัติเหตุตกจากหลังม้า ชาวเมืองเครสโก มลรัฐไอโอวา บ้านเกิดของเชิร์ชพร้อมใจกันตั้งชื่อสนามบินของเมืองว่า "เอลเลน เชิร์ช ฟิลด์" เพื่อเป็นเกียรติให้กับนางฟ้าประจำเครื่องบินคนแรกของโลก
ขอขอบคุณ ที่มา : manager.co.th ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
Written by on
Written by on
มนุษย์ คนแรกที่ติด ไวรัสคอมพิวเตอร์
Virus computer มันไม่ใช่เชื้อโรค แต่เป็นโปรแกรมที่ถูกสร้างขึ้นโดยมนุษย์ มีลักษณะมุ่งบุกรุกเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต จากเจ้าของ เนื่องจากไวรัสคอมพิวเตอร์ไม่ใช่ เชื้อโรคมันก็ไม่ควรที่จะติดต่อถึงมนุษย์ อย่างเราๆท่านได้ แต่มันก็เกิดขึ้นจริงในโลกเบี้ยวๆ ดวงนี้แล้ว มนุษย์ที่ติดไวรัสคอมพิวเตอร์
รายละเอียดเกี่ยวกับ มนุษย์ คนแรกที่ติด ไวรัสคอมพิวเตอร์
นี้คือหน้าตา ของ ด็อกเตอร์มาร์ค แก๊สสัน(Dr. Mark Gasson) มนุษย์คนแรกที่ติดไวรัสคอมพิวเตอร์
ภาพ X-ray มือของ ด็อกเตอร์มาร์ค แก๊สสัน(Dr. Mark Gasson) แสดงให้เห็นว่าระหว่างนิ้วโป้ง และนิ้วชี้ มี ไมโครชิป ขนาดเล็กฝังอยู่
ขอขอบคุณ ที่มา : wowboom.blogspot.com ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
Written by on
Written by on
สถิติไอศกรีมขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
สถิติโลกครั้งใหม่เกิดขึ้นอีกแล้วครับ แม้ๆๆ คนเรานี่ช่างขยันในการแข่งสร้างสถิติกันจริงๆเลย ความเป็นที่สุดในโลกนี่ ไม่มีใครยอมใครจริงๆเลยน่ะครับ ซึ่งล่าสุดทางด้านประเทศอิหร่านได้ออกมาทำลายสถิติไอศกรีมขนาดใหญ่ที่สุดใน โลก ว้าวๆๆๆ เข้ากับอากาศบ้านเราในตอนนี้เลยว่ามั้ยครับ ร้อยขนาดนี้ถ้าได้ไอศกรีมขนาดใหญ่ที่สุดในโลก มาดับร้อนละคงจะดี
รายละเอียดของการทำลายสถิติครั้งนี้เกิดขึ้นที่บริษัท "ชูปัน แดรี่" กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 56 ที่ผ่านมา โดยการทำไอศกรีมในครั้งนี้ใช้ถ้วยขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 2 เมตร สูง 1.6 เมตร และมีน้ำหนัก 5 ตัน โดยการบรรจุเอาไอศกรีมรสช็อกโกแลตบรรจุลงในถ้วย ซึ่งเป็นการสร้างสถิติใหม่ของไอศกรีมขนาดใหญ่ที่สุดในโลก โดยทั้งนี้บริษัทผู้ที่ทำไอศกรีมถ้วยนี้ทุ่มงบไปกว่า 30,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณราว 9 ล้าน 3 แสนบาท ว้าวๆๆ ให้ตายสิอะไรจะมากมายขนาดนั้น
นอกจากทางบริษัทผู้ทำไอศกรีมเปิดเผยว่านอกจากที่จะมุ่ฝหวังในการทำลาย สถิติโลกแล้ว บริษัทยังหวังว่าไอศกรีมขนาดใหญ่ที่สุดในโลกนี้จะช่วยกระตุ้น อุตสาหกรรมการผลิตไอศกรีมของประเทศในอนาคตอีกด้วย ทั้งนี้บริษัทได้เชิญให้เจ้าหน้าที่จากหนังสือบันทึกสถิติ "กินเนสส์" เพือมาทำการวัดและชั่งน้ำหนักไอศกรีมอย่างเป็นทางการ และไม่ลืมที่จะแจกจ่ายไอศกรีมถ้วยดังกล่าวให้กับประชาชนที่มาร่วมงานทุกคน ได้กินกันอย่างทั่วถึง
ทั้งนี้สถิติเดิมของไอศกรีมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ที่ได้รับการบันทึกในกินเนสส์ บุ๊ค ออฟ เวิลด์ เรคคอร์ด คือไอศกรีมของบริษัทบาสกิ้น รอบบินส์ จากสหรัฐ ซึ่งเป็นไอศกรีมรสวานิลลาน้ำหนักกว่า 4.2 ตัน ในภาชนะบรรจุเพียงใบเดียว ซึ่งได้รับการบันทึกเมื่อปี 2548 ที่ผ่านมา
การสร้างสถิติใหม่ในครั้งนี้ถือว่าเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่ไปร่วมงานมากๆ นอกจากจะได้ดูการบรรจุไอศกรีมขนาดยักษ์แล้วยังได้กินของฟรีดับร้อนอีกต่าง หากแนะ ดูแล้วน่าอิจฉาไม่น้อยเลย บ้านเราก็น่าจะทำไอศกริมขนาดใหญ่ยักษ์แบบนี้บ้างจะได้ช่วยดับร้อนของอากาศใน ช่วงเมษาสงกรานต์นี้ลงได้บ้าง รู้สึกว่ามันจะร้อนขึ้นทุกวันเลย ว่าแล้วก็ไปหาไอศกรีมกินซักถ้วยก่อนก็แล้วกันน่ะครับ
ขอขอบคุณ ที่มา : อุเทนห์/ที่สุดในโลก ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
Written by on
Written by on
ภาพถ่าย ภาพแรกในโลก
First Photograph ภาพถ่าย ภาพแรกในโลก เกิดขึ้นในปี 1826 โดยฝีมือนักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศส ชื่อว่า Joseph Nicéphore Niépce ทำการถ่ายภาพ ทิวทัศน์ จากช่องหน้าต่าง ที่ Le Gras (บ้านพักที่ชนบทของ โจเซฟ ) ภาพที่เห็นเป็นอาคารในฟาร์ม พื้นหลังเป็นท้องฟ้า
ข้อมูลเฉพาะ ภาพถ่าย ภาพแรกในโลก
ขอขอบคุณ ที่มา oknation & sanook : ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
Written by on
Written by on
เมาส์คอมพิวเตอร์ อัน แรกในโลก
Mouse เมาส์คอมพิวเตอร์ ปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้ว่า มีคอมพิวเตอร์ก็ต้องมีเมาส์ แค่ทำคอมโดยที่เมาส์ไม่ดี ก็เซ็งแทบจะอยากจะขว้างคอมทิ้งเสียให้ได้ ถ้าอย่างนั้นเรามารู้จักกับเมาส์กันดีกว่า
นาย Douglas Engelbart เป็นผู้บุกเบิกเทคโนโลยีจำนวนมากในวงการคอมพิวเตอร์ยุคแรกๆ อย่างหน้าจอแบบกราฟิก และเมาส์ เสียชีวิตที่บ้านของเขาด้วยวัย 88 ปี ในเมืองอาเธอร์ตัน รัฐแคลิฟอร์เนีย ตามรายงานของ Time
ส่วนสาเหตุของการเสียชีวิตภรรยาของเขาอธิบายว่าเกิดจาก คือภาวะไตวาย ซึ่งก่อนหน้านี้เขาป่วยเป็นโรคอัลไซเมอร์เมื่อปี 2007
ผลงานชิ้นโบว์แดงของเขาคือการสร้าง 'เมาส์' ที่เราใช้กันอยู่ในทุกวัน โดยมันถูกพัฒนาครั้งแรกในช่วงปี 1960 และได้รับการจดสิทธิบัตรในปี 1970
เมาส์ต้นแบบประกอบไปด้วยเปลือกไม้ที่มีลูกบอลโลหะสองลูกอยู่ด้านใน โดยลูกหนึ่งสำหรับแกน X และลูกหนึ่งสำหรับแกน Y
แต่เมาส์ก็ยังไม่ได้นำมาใช้ในเชิงพาณิชย์ จนถึงปี 1983 เขาตัดสินใจขายสิทธิบัตรให้กับ Apple ในราคา 40,000 เหรียญ หรือ ราว 1,200,000 บาท
ซึ่งอีก 3 ปีต่อมา สิทธิบัตรเมาส์ดังกล่าวก็ได้หมดอายุลงและได้กลายมาเป็นสิ่งประดิษฐ์สาธารณะ และ นับตั้งแต่กลางยุค 1980 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน มีเม้าส์ขายไปแล้วมากกว่า 1 พันล้านอัน
ขอขอบคุณ ที่มา : iteamstudio.com ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
Written by on
Written by on
ผู้คิดค้น ถุงกระดาษ คนแรกของโลก
ถุงกระดาษ รูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า เชื่อกันหรือไม่ว่าถุงที่เราเห็น เราใช้กันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน มันพึ่งมีการคิดค้นประดิษฐ์ขึ้นมาแค่ ร้อย กว่าปีมานี้เอง
รายละเอียด
ขอขอบคุณ ที่มา : wowboom.blogspot.com ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
Written by on