Written by on

บ้านนี้ผีอยู่

?เฟิร์น? เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากบ้านพักชายทะเล ฉันรู้สึกว่าบ้านพักนี้มีอะไรผิดปกติตั้งแต่ก้าวแรกที่มาถึงแล้วละ!

 

วัน นั้นฉันกับเพื่อนๆ อีก 7 คนตั้งใจจะไปเที่ยวทะเลที่หัวหินกัน เพราะอยู่ในช่วงปิดภาคเรียน แต่ทั้งโรงแรมและรีสอร์ตต่างๆเต็มหมด แหม! ตอนนั้นกำลังไฮซีซั่นนี่คะ เขาจองล่วงหน้ากันเป็นเดือนๆ นี่เราตัดสินใจปุ๊บก็ไปปั๊บตามประสาวัยรุ่นใจ ร้อนก็เลยคว้าง

 

ทำ ไงดี? เราว่างตรงกันอาทิตย์นี้เท่านั้น เลยจากนี้ไปก็อดเที่ยวด้วยกันน่ะซิ ไม่เป็นไร เจ้าอ๊อดเพื่อนหนุ่มของเราบอกว่ามีคนรู้จัก แนะนำว่าที่ปราณบุรีมีบ้านพักตากอากาศที่เจ้าของเปิดให้เช่า เจ้าอ๊อดจะติดต่อให้

 

เป็น อันว่าเราตกลงไปพัก 3 คืน 4 วัน บ้านนี้อยู่ติดทะเลเลยค่ะ เป็นส่วนตัวดีจัง เรื่องอาหารการกินหายห่วง อ๊อดบอกว่าตลาดกับร้านอาหารทะเลน่ะอยู่ไม่ไกลหรอก แถมอ๊อดยังมีรถตู้พ่อที่ยืมมาเที่ยว...โอกาสดีๆ อย่างนี้จะหาได้ที่ไหน

 

วัน ที่เราออกเดินทางน่ะ ฝนฟ้าขมุกขมัวเพราะพายุเข้า แต่เราไม่ท้อ คิดไปในทางบวกก็คือแดดไม่ร้อน อ๊อดขับรถสบาย ไปช้าๆ ไม่ต้องรีบร้อนเพราะถือคติปลอดภัยไว้ก่อน! ยิ่งใกล้เราก็ยิ่งตื่นเต้น รถแล่นผ่านไร่สับปะรดตรงไปชายหาดใกล้กับเขากะโหลก บริเวณนี้มีรีสอร์ตผุดขึ้นทั้งใหม่ทั้งเก่า น่าไปพักทั้งนั้นค่ะ.. อ่านต่อตอน2

ตอน 2

 

ใน ที่สุดเราก็มาถึงหน้าบ้านที่ล้อมด้วยรั้วไม้สูงค่อนข้างทึบ อ๊อดให้เหมี่ยวลงไปเปิดประตู กุญแจน่ะอยู่ที่อ๊อดแล้ว เจ้าของงบอกเราว่าตามสบาย ตอนบ่ายๆ จะมีคนเฝ้ามาดูแลความเรียบร้อยให้ แต่คนเฝ้าเขาก็จะกลับบ้านไป ไม่ได้อยู่ที่นี่

 

รถ ตรงเข้าประตูใหญ่ แล่นไปตามถนนโค้ง มีต้นมะม่วงและต้นไม้ใหญ่ร่มครึ้ม สนามตัดหญ้าเรียบร้อยดี แต่มันรู้สึกวังเวงพิกลจนขนลุก หนาวๆ ร้อนๆ บอกไม่ถูก

 

ฉัน มองไปรอบๆ แล้วก็ต้องสะดุ้งวาบ เพราะมองย้อนกลับไปที่รั้ว ฉันเห็นยายแก่คนหนึ่ง ตัวเล็ก ผอมเกร็ง ใส่เสื้อคอกลมแขนสั้นสีดำ ผ้าถุงสีดำ รวบผมมวย ผมแกหงอกเป็นสีเทา ใบหน้าอมทุกข์ แต่ตาแกโตมาก...หรือนี่คือคนเฝ้าบ้าน? ไม่น่าจะใช่นะ

 

เอ...เจ้า ของบอกว่าไม่มีใครอยู่ไงล่ะ แล้วคุณยายคนนี้เป็นใคร? แกยืนหลังโค้งๆ มือไพล่หลังจ้องเราเขม็งเชียว ฉันเห็นแว่บนึงว่าตาแกเป็นสีแดงจ้า...แต่ฉันคงตาฝาดละมั้ง?

 

สะกิด ให้แต้วดู แต้วหันไปมองแล้วถามว่าจะให้ดูอะไร แมวเรอะ? ฉันถามว่าไม่เห็นคุณยายคนนั้นรึไง แกน่ากลัวเหมือนหนังผี! แต่แต้วยังยืนยันว่าไม่เห็นใคร เห็นแต่แมวดำตัวใหญ่ นั่งโบกหางจ้องเราอยู่...ฉันขนลุกซู่เพราะรู้ว่าแต้วเห็นไปอีกอย่าง ฉันเห็นไปอีกอย่างจริงๆ แต่ตอนนั้นพูดไม่ออก มันงงไปหมดน่ะค่ะ

 

รถ จอดเทียบหน้าบ้าน พวกเราขนสัมภาระลงรถกันวุ่นวายสำหรับตัวฉันแล้ว ไอ้ความสนุกมันหมดไปเมื่อไรไม่รู้ เหลือแต่ความระแวงระไว แบบคนที่รู้ว่าเรื่องน่าขนลุกขนพองกำลังจะเกิดขึ้น!

 

ฉัน นอนห้องเดียวกับเพื่อนผู้หญิง 4 คน ส่วนผู้ชาย 3 คน นอนห้องข้างล่าง แต่ฉันว่าพวกเราไม่ค่อยได้นอนหรอก เล่นกันทั้งคืนมากกว่า คืนนั้น เรานั่งเล่นในห้องรับแขกข้างล่าง มีทีวีให้ดูด้วย พอดึกเข้าฉันง่วงแต่ไม่กล้าขึ้นนอนคนเดียว บรรยากาศน่ากลัว ลมพัดแรง ฟ้าแปลบปลาบ ฝนตกไกลๆ สักพักหนึ่งแต้วก็ขอขึ้นไปนอน ฉันเลยตามไปด้วย สรุปว่าตอนนี้มีฉันคนเดียวที่กลัวผี และขอให้แต้วเปิดไฟทิ้งไว้ด้วย...อ่านต่อตอนจบ

ตอนจบ

 

ฉัน นอนหลับๆ ตื่นๆ ทั้งที่รู้สึกเพลียมาก เวลาผ่านไปนานจริงๆ สักชั่วไมงกว่าฉันก็ยังไม่หลับสนิทซะที และแล้วก็ได้ยินเสียงแต้วร้องฮึดฮัดเหมือนฝันร้าย ฉันลุกขึ้นนั่งดูเพื่อน...ตาเธอหลับแต่คิ้วขมวด ไม่ขยับตัวเลย อึดใจต่อมาเธอกัดฟันพูดอะไรบางอย่างคล้ายคำว่า ?ช่วยด้วย? ฉันรีบเขย่าขาเธอ แล้วแต้วก็ตื่นหน้าซีดเผือด เหงื่ออเต็มตัว

 

แต้ว ดูอ่อนแรงและขวัญเสีย เธอบอกว่าถูกผีอำ เป็นผู้หญิงแก่! ฉันฟังแล้วก็คือคนเดียวกับที่ฉันเห็นนั่นแหละ! ทันใดนั้น เสียงผู้ชายที่อยู่ห้องข้างล่างก็โวยวายลั่นไปหมดตามด้วยคำด่าหยาบคาย ผลก็คือไฟทั้งบ้านดับพรึ่บ! ฉันกับแต้วโผเข้ากอดกันกลม ก่อนจะลงไปข้างล่างด้วยอาการตัวสั่นงันงก...เพื่อนๆ ทุกคนกำลังวุ่นวาย ผู้หญิงร้องไห้ ผู้ชายก็ยังด่าลมด่าแล้งไม่จบ และเราทุกคนก็ได้ยินเสียงตบฝาผนังจนบ้านสะเทือนติดต่อกันหลายปัง

 

ตอน หลังฉันถึงรู้ว่าที่ผู้ชายออกอาการอย่างนั้นเพราะอ๊อดกับเพื่อนหันไปเห็นยาย แก่มาที่ประตู และแกเลื่อนปราดไปที่หน้าต่าง...ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผี!

 

เรา เก็บของออกจากที่นั่นเดี่ยวนั้น รู้แล้วล่ะว่าทำไมเจ้าของถึงไม่มาอยู่...ผีดุขนาดนี้ใครจะอยู่ได้ แม้แต่เราที่เข้าพักแค่แป๊บเดียวยังโดนหลอกแทบตาย! บรื๋ออ...

ขอขอบคุณ หนังสือพิมพ์ ข่าวสด

Written by on

Written by on

ซ่อนหาอาถรรพณ์

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 1 เดือนที่แล้ว วันนั้นพ่อได้พาผมไปต่างจังหวัด ไปเยี่ยมญาติที่จังหวัดสงขลา ผมออกเดินทางประมาณ 07.35 น. และถึงสงขลาเวลา 15.30 น. เพราะผมอยู่ภูเก็ตเลยไปถึงเร็ว

 

เมื่อไปถึงสงขลาก็ไปบ้านญาติเลยไม่รีรอใคร บ้านญาติของผมอยู่ตรงกับวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา บ้านแถวนั้นจะอยู่ติดกันเป็นแถวครับ

 

วัน รุ่งขึ้นเวลาประมาณ 19.22 น. ผมอยู่ที่หน้าบ้าน และวันนั้นเป็นวันเสาร์ (คนโบราณถือว่าวันเสาร์เป็นวันปล่อยผี) ?พี่ริว? ซึ่งเป็นพี่ใหญ่สุดในกลุ่มนี้ และเป็นพี่ไม่แท้ของผมด้วย ได้เสนอขึ้นว่า

 

?เรามาเล่นซ่อนหากันดีกว่า?

 

และ เราก็เล่นซ่อนหากันที่เราเล่นเพราะเราไม่มีอะไรจะเล่นแล้ว แล้วก็ยังรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ว่าซ่อนหาเขาห้ามเล่นหลัง 18.00 น.ขึ้นไป แถมวันนั้นยังเป็นวันเสาร์อีกด้วย

 

เวลาเราเล่น เราจะนับ 1-50 ตอนนั้นทุกคนวิ่งไปหาที่ซ่อนกันได้หมดแล้ว เหลือแต่พี่ริว

 

?35, 36? พอนับจวนจะถึง 50 อยู่แล้ว พี่ริวก็ได้วิ่งไปซ่อนที่หลังโลงศพ

 

?40, 41? พี่ริวกังวลว่าคนที่กำลังปิดตาอยู่เนี่ยจะหาเจอ เลยเข้าไปแอบในโลงศพ

 

?48, 49, 50?

 

ตอนนี้ถึง 50 แล้ว คนที่เป็นก็ตามหาคนที่ซ่อนอยู่ ผ่านไปประมาณ 2 นาที คนที่ปิดตาหาทุกคนเจอหมดแล้วยกเว้นแต่พี่ริว

 

?พี่ริว...พี่ริว? ผมตะโกน... อ่านต่อตอนจบ..

ตอนจบ

 

พี่ ริวก็ไม่ออกมา และพวกเราก็ออกเดินตามหา พอดีผมนึกขึ้นได้ว่า พี่ริววิ่งไปแอบที่หลังโลงศพ ผมจึงได้ไปบอกเพื่อนๆ และพวกเราก็พากันเดินไปหาพี่ริว พอพวกเราเดินไปใกล้จะถึงโลงศพ ก็กล้าๆ กลัวๆ อยู่เหมือนกัน

 

ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก

 

เราได้ยินเสียงเหมือนใครเคาะโลง พวกเราทุกคนสะดุ้งกันหมด ตอนแรกพวกเราก็นึกว่าพี่ริวคงแกล้งมั้ง

 

?ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!?

 

คราวนี้คงไม่ใช่การกลั่นแกล้งอย่างแน่นอน เราทุกคนจึงใช้มือจับที่ฝาโลงทุกคน

 

?ช่วยด้วย! พี่อยู่ในนี้?

 

ตอนแรกพวกเราก็นึกว่าพี่ริวแกล้ง...แต่ไม่ใช่...พวกเราก็เลยเอามือไปจับฝาโลงและนับ 1, 2, 3 แล้วพวกเราก็เปิดฝาโลง

 

ภาพ แรกที่พวกเราเห็นก็คือ เหมือนกับว่าพี่ริวนอนทับร่างหญิงชราคนหนึ่ง ซึ่งนิ้วมือและนิ้วเท้าหงิกงอ มีน้ำเหลืองไหลออกมาเยอะมากและมีหนอนไต่ตามตัวยั้วเยื้ยไปหมด

 

แล้ว พวกเราทั้งหมดก็วิ่งร้องไห้กันออกมา ส่วนพี่ริวก็ลุกขึ้นมา และมองไปที่โลงศพพี่ริวก็เห็นสภาพเดียวกับที่เราเห็น พี่ริวก็วิ่งและร้องไห้ออกมาเช่นเดียวกัน เมื่อถึงบ้านยายของพี่ริวจึงถามขึ้นว่า

 

?ริว...ริว...เป็นอะไรลูก? พี่ริวพูด แต่พูดแบบไม่เป็นภาษาและเส้นผมบนหัวของพี่ริวก็ร่วงด้วย

 

วันรุ่งขึ้นเส้นผมของพี่ริวก็ยังร่วงไม่หาย ยายของพี่ริวจึงได้พาไปหาหมอ และหมอก็ได้ให้ยามากิน แต่ก็ไม่หาย

 

ยายก็พาไปหาหมออีกทีแต่หมอบอกว่า ถ้ากินยาแล้วรักษาไม่หาย คือโรคนี้ไม่สามารถรักษาหายได้ และในที่สุดพี่ริวก็เสียชีวิต

 
 

นัดนครนายก : เรื่อง ขอขอบคุณ นิตยสาร ผี ๔๘

Written by on