ลักษณะทั่วไปของทารกแรกเกิด

ลักษณะทั่วไปของทารกแรกเกิด

บทความกล่าวถึง อวัยวะต่างๆของทารก เช่น ตา หู จมูก ปาก สะดือ อวัยวะเพศ และวิธีการดูแลทำความสะอาด รวมถึงภาวะที่พบได้เป็นปกติในทารกแรกเกิด เช่น เลือดออกทางช่องคลอดที่เป็นผลมาจากฮอร์โมน

  • น้ำหนัก โดยปกติ จะมีน้ำหนักเฉลี่ยประมาณ 3,200 กรัม (สำหรับประเทศไทย) ตัวยาวประมาณ 50 เซนติเมตร ลักษณะศีรษะค่อนข้างโตเมื่อเทียบกับลำตัว สามารถที่จะเคลื่อนไหวกล้ามเนื้อได้ทุกส่วน ถ้าจับให้นอนคว่ำ ก็สามารถที่จะหันศีรษะไปด้านใดด้านหนึ่งได้ โดยไม่ทำให้หายใจลำบาก ถ้ามีเสียงดังหรือได้รับความกระเทือน ทารกจะรู้สึกสะดุ้งตกใจ พร้อมๆกันก็จะกางแขนออก ต่อจากนั้นจึงงอข้อศอกให้ข้อมือเข้าหากัน แล้วจึงร้องมีเสียงดัง ปฏิกิริยาเช่นนี้ถือว่าเป็นปกติธรรมชาติ ในทางตรงกันข้าม ถ้าทารกนอนเฉยหรือซึม แสดงว่าอาจมีความผิดปกติของสมอง
  • ศีรษะ โดยปกติมักดูใหญ่ตามได้กล่าวแล้ว มีผมปกคลุมเต็ม ในวันแรกๆ อาจมีลักษณะค่อนข้างยาว ทั้งนี้เป็นผลเนื่องจากการคลอด ตรงกลางศีรษะด้านหน้า เหนือหน้าผากขึ้นไปจะมีลักษณะเป็นช่องนุ่มๆ สี่เหลี่ยมเรียกว่า ?ขม่อม? จึงต้องคอยระวังอันตรายที่จะเกิดขึ้นบริเวณนี้ เนื่องจากมีมันสมองอยู่ภายในและไม่มีกระดูกแข็งหุ้ม ขม่อมนี้จะปิดเมื่อทารกอายุประมาณ 1 ปี
  • ผิวหนัง โดยทั่วไปมักบาง จนบางครั้งมองเห็นเส้นเลือดฝอยได้ สีมักจะแดงหรือชมพูเข้ม อาจจะมีขนอ่อนอยู่ตามบริเวณไหล่และหลังก็ได้ ในทารกบางคนที่ไม่ครบกำหนดดี อาจพบขนอ่อนชนิดนี้ทั่วตัวก็ได้ ประมาณวันที่ 3 หลังคลอด ทารกบางคนอาจมีผิวหนังเป็นสีเหลืองได้ เชื่อว่าเพราะตับยังเจริญไม่เต็มที่ ทารกที่มีตัวเหลืองทุกรายจึงควรปรึกษาแพทย์ เพราะบางคราวอาจเป็นโรคร้ายแรงที่รักษาได้ไม่แน่ว่าจะเป็นสิ่งปกติเสมอไป ผิวหนังเป็นส่วนที่ควรระวังรักษาเช่นเดียวกัน ถ้าแตกหรือแห้ง อาจใช้น้ำมันสำหรับเด็กทาภายหลังจากอาบน้ำ ก็จะช่วยไม่ให้แตกมากขึ้น
  • อุจจาระ ทารกปกติจะถ่ายอุจจาระภายใน 24 ชั่วโมงหลังคลอด อุจจาระนี้มีสีเทาปนดำเรียกว่า ?ขี้เทา? (meconium) ไม่มีกลิ่น ต่อมาเมื่อทารกได้รับประทานนมแล้ว ขี้เทาจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเทาเข้ม เขียว เขียวเหลือง และเหลืองในที่สุด ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 4-5 วัน โดยปกติทารกจะถ่ายอุจจาระเกือบทุกครั้งที่รับประทานนม จึงอาจจะถ่ายวันละ 3-6 ครั้งก็ได้
  • สะดือ ในวันแรกๆสายสะดือจะมีสีเขียว ต่อมาก็ค่อยๆแห้งลง เปลี่ยนเป็นสีเหลืองและดำในที่สุด และจะหลุดไปในราววันที่ 7-10 หลังคลอด แต่อาจจะหลุดก่อนหรือหลังกว่านี้ก็ได้ ไม่มีอันตรายแต่อย่างใด ความสะอาดเป็นความสำคัญ เพราะสะดือเด็กจะเป็นสถานที่ที่เชื้อโรคจะเข้าไปได้ง่าย คนส่วนมากมักจะกลัวว่าทารกจะเจ็บ ไม่กล้าทำความสะอาดอย่างจริงจัง โดยความจริงแล้วทารกไม่รู้สึกเจ็บ เพราะเส้นประสาทบริเวณนั้นถูกตัด สายสะดือจึงค่อยๆแห้งๆ และตายหลุดไป จึงต้องรักษาความสะอาดและให้แห้งอยู่เสมอ โดยใช้แอลกอฮอล์ 70% เช็ดให้ทั่วทุกครั้งที่อาบน้ำหรือสกปรกจากอย่างอื่น วันละ 2-3 ครั้งจนกว่าจะหลุด
  • การหายใจ เด็กทารกปกติมักหายใจโดยใช้ท้องเป็นหลัก คือมีการเคลื่อนไหวของท้องมากกว่าทรวงอก หายใจประมาณนาทีละ 30-40 ครั้ง ซึ่งมากกว่าเด็กโตๆประมาณเท่าตัว ถ้าไม่มีอาการไอหอบหรือตัวเขียวถือว่าปกติ
  • เต้านม ทารกปกติไม่ว่าชายหรือหญิง ถ้าครบกำหนดมักจะมีเต้านมที่สามารถจะคลำได้ ในบางคนอาจมีน้ำนม 2-3 หยดไหลออกมาก็ได้ เป็นการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ ไม่ควรไปบีบเล่น เพราะอาจมีอันตรายและเกิดการอักเสบขึ้นได้ ถ้าทิ้งไว้เฉยๆก็จะเล็กลงเป็นปกติได้เอง

การมีโลหิตไหลออกทางช่องคลอด

อาจพบได้ในทารกหญิงที่ครบกำหนด เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงหลังคลอดของฮอร์โมนเมื่ออายุ 3-4 วัน อาจมีโลหิตออกได้เล็กน้อย จะเป็นอยู่ครั้งเดียวและเป็นปกติไม่มีอันตรายหรือต้องรักษาอย่างใด

  • ตา โดยปกติไม่ต้องการยาหรือการรักษาพิเศษ อาจปล่อยไว้เฉยๆหรือเพียงใช้สำลีชุบน้ำสุกเช็ดจากภายนอก ไม่ควรล้างตาถ้าไม่จำเป็น ธรรมชาติสร้างน้ำตาไว้ล้างเรียบร้อยแล้ว มนุษย์ทุกคนไม่ว่าอายุเท่าใดจึงไม่จำเป็นต้องล้างตา ยกเว้นในการรักษาโรคตาบางชนิด
  • หู ไม่ต้องการการรักษาพิเศษอย่างใด อาจใช้สำลีพันปลายไม้เช็ดผง หรือขี้หูออกได้เฉพาะส่วนที่มองเห็น ที่อยู่ภายในไม่จำเป็นต้องล้างแต่อย่างใด
  • จมูก อาจใช้สำลีเช็ดได้เช่นเดียวกัน
  • ปาก ปากทารกในระยะแรกนี้ ไม่ต้องการการทำความสะอาดใดๆทั้งสิ้น ไม่ควรเช็ดหรือล้าง เพราะอาจทำให้เกิดแผลแล้วเป็นฝ้าขาวๆภายหลังได้ การใช้ยาสีม่วง (gentian violet) ทาจึงไม่มีความจำเป็นในทารกปกติ
  • อวัยวะเพศ ไม่ว่าชายหรือหญิง หลังจากอาบน้ำแล้วเพียงแต่เช็ดให้แห้ง ระวังไม่ให้สกปรก โดยเฉพาะภายหลังจากถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะ ใช้สำลีชุบน้ำสุกเช็ดออกก็เป็นการเพียงพอ การขลิบอวัยวะเพศในเด็กชาย ตามปกติไม่มีความจำเป็น นอกจากเป็นธรรมเนียมในบางเชื้อชาติและบางศาสนา ความจำเป็นทางการแพทย์มีน้อยมาก ทารกปกติทั่วไปมักจะร้องเวลาปวดปัสสาวะ เมื่อถ่ายออกมาแล้วจะเงียบ ไม่ได้หมายความว่ามีความผิดปกติ จึงเห็นได้ว่าเมื่อขลิบแล้วก็ยังร้องเช่นเดิม ความเชื่อที่ว่าเมื่อขลิบ แล้วจะทำให้พบโรคมะเร็งน้อยลง ก็ยังไม่มีผู้พิสูจน์ชัดเจน คำอ้างที่ว่าทำความสะอาดง่ายขึ้นก็ดูจะไม่ตรงนัก เพราะทารกและเด็กก็ไม่ได้มีความสกปรก ที่จะต้องทำความสะอาดเป็นพิเศษแต่อย่างใด แพทย์ผู้เชี่ยวชาญส่วนมาก แม้ในประเทศที่ชนบางเผ่านิยมขลิบปลายอวัยวะเพศ ก็ยังแนะนำว่าไม่มีความจำเป็นต้องทำ
  • เล็บ ควรตัดให้สั้นทุก 3-4 วัน เพื่อป้องกันไม่ให้ขีดข่วนลำตัวหรือหน้า อาจป้องกันด้วยการใส่ถุงคลุมมือทั้ง 2 ข้างก็ได้

ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสารรักลูก ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

airban-300x250
0
Shares