Travel-nakon-sonpa-1
วัดสวนป่าน นครศรีธรรมราช
อยู่ใกล้สามแยกหอนาฬิกา ภายในโบสถ์มีจิตรกรรมแบบตะวันตกงดงามมาก เป็นผลงานของ แนบ ทิชินพงศ์ ผู้มีผลงานดีเด่นด้านศิลปของนครศรีธรรมราชวัดสวนป่าน ตั้งอยู่ที่ตำบลในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เป็นวัดธรรมยุต สร้างเมื่อปี พ.ศ.2442 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อเดือนกันยายน พ.ศ.2525เดิมวัดสวนป่านเป็นวัดที่สำคัญวัดหนึ่ง ตั้งอยู่ในตำบลพระเสื้อเมือง

Travel-nakon-sonpa-2

ต่อมาทางการได้ยุบเข้ารวมกับตำบลในเมือง อยู่ในเขตเทศบาลนคร จ.นครศรีธรรมราช ที่ตั้งเดิมของวัดสวนป่าน เป็นส่วนหนึ่งของบริเวณวังกษัตริย์ หรือเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช มีสภาพเป็นเนินสูงมาก่อน อันเป็นส่วนหนึ่งของภูมิประเทศ ซึ่งเดิมเรียกว่า "กระหม่อมโคก" มีลักษณะเป็นเนินสูงคล้ายภูเขาเล็กๆ ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เมื่อประมาณ 900 กว่าปีมาแล้ว กษัตริย์ผู้ตั้งเมืองใหม่ได้ปรับที่เนินนี้ให้ราบเรียบเพื่อตั้งเป็นวัง ส่วนที่ตั้งของวัดไม่ได้ปรับที่เนินให้ราบเรียบ ยังคงรักษาให้เป็นเนินอยู่ตามเดิม เพื่อใช้เป็นที่เลี้ยงช้างหลวง มีเนื้อที่ประมาณ 50 ไร่ มีโรงเลี้ยงช้างอยู่ 3 โรง จึงไม่มีผู้ใดแม้แต่ลูกหลานหรือเชื้อสายของกษัตริย์ ประสงค์จะใช้เป็นที่อยู่อาศัย เพราะความเชื่อที่ว่า ที่นี่ช้างอยู่ ช้างเกิด ช้างตาย มาก่อน คนจะไปอยู่อาศัยไม่ได้ มักจะมีอันต้องเสียชีวิตหรือไม่ก็ทำให้เดือดร้อนต่างๆ

บริเวณเนินสวนป่านจึงถูกทอดทิ้งให้รกร้างว่างเปล่าอยู่เป็นเวลานาน ต่อมาท่านเจ้าคุณพระรัตนธัชมุนี (ม่วง เปรียญ) ในสมัยรัชกาลที่ 5 เห็นว่าที่ดินบริเวณโรงเลี้ยงช้างหลวงเป็นที่รกร้างอยู่ และอยู่ใกล้กับศาลากลางจังหวัดและศาลจังหวัด ดูไม่เป็นที่เจริญตา ประกอบกับทางราชการฝ่ายอาณาจักรก็มิได้คิดที่จะใช้ที่ดินบริเวณนั้นให้เป็นประโยชน์ ท่านเจ้าคุณพระรัตนธัชมุนีจึงจัดตั้งวัดขึ้นเป็นวัดของธรรมยุตนิกาย แล้วตั้งชื่อวัดที่ตั้งใหม่ว่า "วัดสวนป่าน"

หลังจากที่เจ้าคุณพระรัตนธัชมุนี (ม่วง เปรียญ) ผู้ก่อตั้งวัดสวนป่านได้ถึงแก่มรณภาพไปเมื่อปี พ.ศ.2477 แล้ว ศิษยานุศิษย์ของท่านเจ้าคุณฯ ได้สร้างเจดีย์แบบลังกาย่อส่วนขึ้นไว้เป็นที่ระลึกถึงท่านเจ้าคุณด้วยความกตัญญูกตเวที ให้เป็นอนุสรณ์ของท่าน ซึ่งเจดีย์นี้ก็ยังคงปรากฏให้เห็นอยู่ในวัดสวนป่านตลอดมาจนถึงทุกวันนี้

Travel-nakon-sonpa-3

วัดสวนป่านเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้เพื่อสืบสานพระศาสนา และยังมีสถานที่สำคัญๆ ปรากฏเด่นเป็นสง่าอยู่ 2 อย่างคือ ศาลาการเปรียญ และอุโบสถ ศาลาการเปรียญ ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ นอกจากภายนอกจะมีรูปทรงที่งดงามตามแบบศาสนสถานของไทยแล้ว ภายในยังมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่วัด ที่มีชื่อเรียกว่า "พระหมิด" เป็นพระพุทธรูปสำริดปางประทับยืน โดยรอบองค์พระพุทธรูปมีทองคำเปลวปิดทับซ้อนกันชั้นแล้วชั้นเล่า แสดงให้เห็นพลังศรัทธาของเหล่าชาวพุทธศาสนิกชน ที่มีต่อ "พระหมิด" พระพุทธรูปประจำวัดนี้ ส่วนอุโบสถ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ เป็นศาสนสถานที่วิจิตรงดงามมาก ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง ฝีมือชั้นบรมครูของเมืองนครศรีธรรมราช เพราะนอกจากจะมีภาพพุทธประวัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ยังมีภาพประวัติเรื่องราวแสดงถึงความเป็นอยู่ของชาวเมืองนครศรีธรรมราชในสมัยนั้นรวมอยู่ด้วย โดยเฉพาะในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 พระองค์เคยเสด็จประทับที่วัดนี้ด้วย เนื่องในวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษา ครบ 80 พรรษา พระครูพิศิษฎ์คณาทร (ท่านมนต์) เจ้าอาวาสวัดสวนป่าน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช จัดสร้างวัตถุมงคล "จตุคามรามเทพ รุ่นหัวใจเศรษฐี" (เทิดไท้องค์ราชันย์) พร้อมทั้งได้ประกอบพิธีบวงสรวงและเททองเป็นปฐมฤกษ์แล้ว ณ มณฑลพิธีหน้าวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร เมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2549 โดยมี พระมงคลพุทธิญาณ วัดรามประดิษฐ์ เป็นประธานในพิธีเททอง นายสมศักดิ์ ขำทวีพรหม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พระสงฆ์ 10 รูป เจริญพระพุทธมนต์ พระเกจิคณาจารย์ดังสายใต้ จำนวน 9 รูป นั่งอธิษฐานจิตภาวนา ได้แก่ หลวงพ่อชม วัดโพธิ์เสด็จ, หลวงพ่อเชื่อง วัดรัตนาราม, หลวงพ่อบุญให้ วัดท่าม่วง, หลวงพ่อชม วัดปากน้ำละแม, หลวงปู่เอื้อม วัดบางเนียน, หลวงพ่อคล้อย วัดภูเขาทอง, หลวงพ่อท้วม วัดศรีสุวรรณ, พระอาจารย์แดง วัดไร่ และหลวงปู่ไข่ วัดลำนาว พร้อมทั้งได้กำหนดพิธีพุทธาภิเษก ณ ศาลหลักเมือง ในวันที่ 16 มี.ค.2550 และพิธีมหาเทวาภิเษก ณ วิหารหลวงวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ในวันที่ 17 มี.ค. 2550 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อนำเงินรายได้สร้างอาคารสอนศีลธรรมและจริยธรรมวัดสวนป่าน และเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา ครบ 80 พรรษา

ขอขอบคุณ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

 

airban-300x250
0
Shares