Narcissus หล่อขั้นเทพ หลงตัวจนตาย

Narcissus หล่อขั้นเทพ หลงตัวจนตาย

มีบ้างไหมคะ ที่วันหนึ่งคุณหยิบกระจกขึ้นมาส่องแล้วเกิดคำถามในใจว่า "ทำไมฉันถึงได้สวย/หล่อขนาดนี้นะ?" ดูจะเป็นคำพูดที่หลงตัวเองเสียหน่อย แต่เจ้เชื่อว่าต้องมีคนตอบในใจว่า "ใช่ ฉันเคยพูดกับตัวเองแบบนั้น" อาการแบบนี้เขาเรียกว่า "Narcissistic" หรือโรคหลงตัวเองค่ะมันมีที่มาจากเรื่องวุ่นๆ ของเทพกรีกหนุ่มหล่อที่เอามาฝากกันวันนี้

เทพองค์นี้มีชื่อว่า 'นาร์ซิสซัส' เป็นบุตรชายของวีนัสเทพแห่งความงามและอพอลโลเทพแห่งการทำนายและการรักษา เทพวีนัสเป็นเทพที่มีรูปโฉมงดงามเป็นที่ต้องใจของบรรดาทวยเทพทั้งหลาย เมื่อนางได้ให้กำเนิดนาร์ซิสซัส ก็ส่งผลให้เขามีรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาเอาการหาใครเทียบไม่ได้ ประกอบกับได้นิสัยมั่นใจในตัวเองสูงและลุ่มหลงมาจากเทพอพอลโล จึงทำให้นาร์ซิสซัสไม่ชายตามองใครทั้งนั้นนอกจากตัวเขาเอง

นาร์ซิสซัสได้ชื่อว่าเป็นเทพที่หลงตัวเองเป็นที่สุด เล่ากันว่าทุกเช้าที่ตื่นเขาจะลุกจากเตียงเดินไปดูตัวเองจากกระจกเงาบานใหญ่ ใช้มือเสยผมสีทองงามสลวยให้เข้ารูป หลิ่วตาซึ่งมีสีฟ้างดงามให้กับตัวเอง บิดตัวเพื่อออกกำลังกล้ามเนื้อ พร้อมกับยิ้มด้วยความชื่นชมตนเองด้วยปากและฟันที่ขาวสะอาด จากนั้นจึงเปลี่ยนไปใส่ชุดเสื้อแขนสั้นรัดเอวยาวถึงเข่า และลงไปรับประทานอาหาร

เอคโค่ เทพธิดาที่ถูกสาปให้พูดอะไรไม่ได้ดังใจ มิหนำซ้ำยังต้องคอยพูดตามคำสุดท้ายของคนที่มาพูดกับเธอด้วย ก็ตกหลุมรักนาร์ซิสซัสเช่นกัน เมื่อเอคโค่พยายามจะบอกให้นาร์ซิสซัสรู้ว่าเธอรู้สึกอย่างไรต่อเขา เธอก็ทำได้แค่พูดตามคำพูดสุดท้ายของเขาเท่านั้น

วันหนึ่งขณะที่นาร์ซิสซัสกำลังเดินเล่นตามร่มไม้แทนการออกไปล่าสัตว์ ด้วยกลัวว่าจะทำให้เสื้อผ้าหน้าผมเลอะเทอะ เขาได้พบกับเอคโค่ยืนตะลึงมองเขาอย่างตื่นๆ นาร์ซิสซัสกล่าวทักด้วยความเหนื่อยหน่ายกับสายตาของหญิงสาวที่มองด้วยความปลาบปลื้ม ด้วยเหตุที่เอคโค่สามารถพูดได้เพียงคำพูดสุดท้ายของคนที่มาคุยกับเธอด้วย นาร์ซิสซัสจึงรำคาญเพราะคุยกันไม่รู้เรื่องสักที เลยออกปากไล่นางให้ไปไกลๆ อย่างไม่ไยดี

นางไม้เอคโค่รีบหนีออกจากป่าพร้อมน้ำตานองหน้า ไปซ่อนตัวพักรักษาแผลใจอยู่ในถ้ำเปลี่ยวกลางหุบเขาคนเดียว เนื้อหนังที่เคยเปล่งปลั่งก็ค่อยๆ สลายไป กระดูกก็กลายเป็นก้อนหิน ยังคงเหลือเป็นอนุสรณ์ก็คือเสียงสะท้อนที่เราได้ยิน จึงเรียกกันว่าเสียงเอคโค่จนถึงทุกวันนี้

ฝ่ายนาร์ซิสซัสยังหลงระเริงกับความหล่อของตนต่อไป วันๆ ไม่สนใจอะไรนอกจากเรื่องเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายและทรงผม เดินทางมาถึงบทสรุปเมื่อเทพีอาร์ทิมิสอดรนทนไม่ไหว สาปให้นาร์ซิสซัสต้องพบกับจุดจบอันน่าเศร้า ซึ่งจุดนี้บางตำนานก็บอกว่าเป็นคำสวดอ้อนวอนของหนึ่งในบรรดาแฟนคลับที่โดนหักอก ที่ขอให้นาร์ซิสซัสพบกับรักที่ไม่มีวันสมหวังดูบ้าง โดยสาปให้เค้าตกหลุมรักตัวเอง!

วันหนึ่งเมื่อนาร์ซิสซัสเดินทางมาถึงสระน้ำกลางป่าลึกซึ่งไม่เคยมีใครเดินทางมาถึง ชายหนุ่มรูปงามผู้เหนื่อยอ่อนทรุดตัวลงหวังจะวักน้ำขึ้นดื่ม แต่แล้วเขาก็เห็นเงาของใครคนหนึ่งสะท้อนกลับมาโดยหารู้ไม่ว่าเป็นเงาของตนเอง นาร์ซิสซัสหลงรักเงาสะท้อนของตนเองจนหมดใจ เขาไม่เคยเห็นใครงดงามหมดจดและคู่ควรกับเขาไปมากกว่านี้อีกแล้ว

ทุกครั้งที่นาร์ซิสซัสเอื้อมมือคว้าจับเงาสะท้อนของตัวเองในน้ำ มันก็เลือนหายไป แต่เมื่อน้ำสงบนิ่ง ใบหน้างดงามนั้นก็กลับมา ราวแกล้งเขาให้พบกับความทุรนทุราย นาร์ซิสซัสไม่ยอมกินไม่ยอมนอน เอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญ จ้องมองเงาตัวเองทุกคืนวัน ในที่สุดหนุ่มรูปงามก็จากโลกนี้ไปด้วยหัวใจที่แตกสลายเหมือนกับที่เขาเคยทำไว้กับทุกคนที่หลงรักเขาในอดีต เทพีแห่งความรักแอฟโฟร์ไดทิชเกิดความสงสารขึ้นมา จึงเสกร่างของเขาให้กลายเป็นดอกไม้เพื่อเป็นการระลึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

บางตำนานบอกว่านาร์ซิสซัสเจ็บปวดจากรักที่ไม่สมหวังจนต้องใช้มีดล่าสัตว์ปลิดชีพตัวเองที่ริมน้ำนั้น บ้างก็ว่าเขาใช้ผืนผ้าตีตัวเองจนถึงแก่ความตาย และดวงวิญญาณของเขาต้องเร่รอ่นอยู่ในชั้นภูมิที่มืดมิดที่สุด และว่ากันว่า ณ แม่น้ำสติกซ์ (Styx) ซึ่งเป็นแม่น้ำที่กั้นระหว่างยมโลกกับโลกมนุษย์นั้น วิญญาณของนาร์ซิสซัสก็ยังเฝ้าก้มมองดูเงาของตัวเองอยู่ไม่เลิกรา

นอกจากคำว่านาร์ซิสซัสจะถูกนำมาใช้เป็นชื่อเรียกบุคลิกภาพของคนหลงตัวเองแล้ว ยังเป็นชื่อของดอกไม้ป่าซึ่งมักขึ้นอยู่ริมลำธาร จะงดงามเป็นพิเศษตามริมสระที่เงียบสงัดห่างไกลจากผู้คน บางคนก็เรียกดอกไม้ชนิดนี้ว่า "ดอกแดฟโฟดิล" ค่ะ

หลงตัวเองน่ะหลงได้ แต่หลงกันให้พอหาทางออกได้แล้วกัน อย่าให้เหมือนเทพหนุ่มนาร์ซิสซัสเค้าเลยค่ะ

ขอขอบคุณ ที่มา : Spicy ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

 

airban-300x250
0
Shares