งามอย่างอินเดีย ต้องใส่ส่าหรี

งามอย่างอินเดีย ต้องใส่ส่าหรี

เมื่อพูดถึงเครื่องแต่งกายของแต่ละชาติแล้วหลายคนก็นึกกันไปถึงเสื้อผ้า แพทเทิร์นเด่นๆ ของแต่ละประเทศ และแน่นอนว่าต้องมีอินเดียเป็นหนึ่งในหลายประเทศที่กำลังนึกถึง เพราะการแต่งกายอันโดดเด่นและเค้าก็ใส่กันอยู่ทุกวัน จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่เค้าเป็นประเทศน่าเที่ยวให้ชาวต่างบ้านต่างเมืองแวะมาแชะภาพกัน

พูดถึงอินเดียแล้ว เจ้ว่าเค้าเป็นประเทศหนึ่งที่รักษาวัฒนธรรมของตัวเองได้อย่างดีทีเดียวค่ะ อย่างหนึ่งที่เราเห็นก็คือ การแต่งกายของทั้งชายหญิงที่บ้านเราตามเทรนด์อะไรกันแต่บ้านเค้าเซย์โนใส่แบบเดิมตลอด ถึงจะเห็นวัยรุ่นอินเดียเค้าใส่ยีนส์กันบ้างตามประสา แต่ก็เป็นส่วนน้อยเพราะผู้ใหญ่เค้าเหนียวแน่นกับการใส่ชุดประจำชาติกันจริงๆ

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักผ้าอินเดียกันก่อนดีกว่าค่ะ ผ้าอินเดียแบบดั้งเดิม พิมพ์โดยใช้สีสด ซึ่งมีความเชื่อว่า สิ่งทอสีสดและหลากหลายสีเป็นเอกลักษณ์ของชาวอินเดีย และนิยมผ้าทอจากกี่ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องใช้ต่างๆ ในชีวิตประจำวันและโอกาสพิเศษล้วนแต่ทอด้วยมือ

การทอผ้าด้วยมือของอินเดียจะมีลักษณะแตกต่างกันในแต่ละรัฐ ซึ่งจะใช้ผ้าคลุมไหล่ของท้องถิ่นเพื่อแสดงถึงความแตกต่างของเอกลักษณ์ในสังคมของตน ในวันสำคัญทางศาสนาต่างๆ จะมีวิธีการแต่งตัวและสีสันของเสื้อผ้าแตกต่างกัน โดยเฉพาะความยาวและวิธีการแต่งส่าหรี ซึ่งเป็นชุดประจำชาติของผู้หญิงอินเดีย

ผืนแรก คือ ผ้าคาดี เป็นผ้าฝ้ายดิบ เนื้อหยาบ เป็นศิลปหัตถกรรมอันเก่าแก่ ต่อมาคือ ผ้าปาโตลา เป็นผ้ามัดหมี่ของรัฐกุจารัฐ ถือว่าเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดของกรรมวิธีในการทอผ้ามัดหมี่ ผ้าส่าหรี ปาโตลาได้รับการสงวนไว้ใช้ในชุดแต่งงานของเจ้าสาว มีลักษณะเป็นสีสด เช่น สีแดง สีเขียว และสีคราม

ผ้าเทเลีย รูมัล เป็นผ้ามัดหมี่ใช้นุ่งพันท่อนล่างของร่างกายและบางครั้งใช้ โพกศีรษะด้วย ต่อมาคือ ผ้าจัมดานี เป็นผ้าทอยกดอกที่มีรูปภาพและลวดลายที่งดงามที่สุดที่นิยมจะเป็นลายดอกไม้และใบไม้ และผ้าส่าหรี เป็นผ้าที่สวยงามและมีราคาแพงจะทอยกดิ้นทองหรือเงิน ผ้าดอกจากเมือง พาราณสีในอินเดียทางเหนือ เป็นตัวอย่างสำคัญของการทอผ้าของอินเดีย ผ้าส่าหรี่จะนุ่งเฉพาะผู้หญิง ความยาวของผ้าประมาณ 6 หลา มีสีสันและลวดลายต่างๆ การวางลายของ ผ้าส่าหรีมีกรองลายที่แน่นอน โดยรอบผืนผ้าทั้งสี่ด้าน มีการทำลายที่แตกต่างจากลายตรงกลางผืนผ้า ด้านที่เป็นชายผ้ามีการขยายลายให้เห็นชัดว่าเป็นชายผ้าจริงๆ แล้ว เครื่องแต่งกายแบบส่าหรีนี้มีประวัติความเป็นมาย้อนหลังไปได้ถึง 4000 กว่าปีมาแล้ว อีกอย่างก็คือ คนที่ใส่ส่าหรีส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว หรือหญิงวัยกลางคนรุ่นป้าๆ หน่อย เพราะใส่แล้วดูมีภูมิฐานอัพเกรดหน้าตาให้ดูน่าเชื่อถือขึ้นได้ทันตาเห็น และผ้าส่าหรีนี่ก็ไม่มีขายแบบสำเร็จรูปนะคะ หลังจากได้สาหรี่มาแล้วก็ต้องหาช่างตัดผ้าให้เค้าตัดแต่ละชิ้นส่วนดังนี้

Blouse เป็นเสื้อตัวสั้นที่ใส่แบบรัดรูปอยู่ด้านในซึ่งสั้นเพียงแค่ใต้ราวนมเพราะมันจะต้องเห็นพุงกันถ้วนหน้าถ้าไม่ให้เห็นพุงไม่ใช่ส่าหรีของแท้นะคะ! และจะต้องตัดแบบพอดีตัวมากๆ เอาคอแบบไหน แขนแบบไหน แขนกุด มีแขน หรือเป็นสายเดี่ยว จะเอาติดกระดุมกลัดด้านหน้าหรือด้านหลัง ซึ่งส่าหรีนี้ส่วนมากด้านหน้าจะไม่ออกแบบหวือหวามากแต่จะเป็นด้านหลังมากกว่าที่จะมีอะไรพิเศษ

Petticoat คือ กระโปรงที่ใส่ด้านในส่าหรี เป็นผ้าแบบธรรมดาๆ ต้องเป็นสีเดียวกับด้านนอกส่าหรี มีทั้งแบบสำเร็จรูปและแบบตัดเอง

เครื่องประดับ เครื่องประดับนี้จะต้องเข้ากันกับสีของส่าหรี เช่นถ้าส่าหรีสีเขียวเครื่องประดับก็จะต้องหามาประมาณโทนเขียว หรือเป็นมุกสีขาวไปเลยถ้าหาไม่ได้หรือบางคนก็ขี้เกียจก็เอาทองมาห้อยคอกันไป แต่ถ้าในงานแต่งงาน แต่ละคนจะต้องใส่กันมาแบบอลังการงานสร้าง เพื่อเป็นหน้าตาของตัวเองและครอบครัว

รู้สึกว่ามันจะยุ่งยากตั้งแต่ขั้นตอนการเลือกซื้อผ้ามาตัดแล้วนะคะ ไหนจะต้องเลือกเครื่องประดับให้เข้ากับสีชุด ไหนจะเสียเงินค่าตัดชุดอีกเจ้ว่ามันก็พอๆ กับที่เราซื้อยีนส์ขาเดฟ เสื้อเชิ้ตใส่นั่นแหละค่ะ แต่ก็อดชื่นชมประเทศเค้าที่รักษาวัฒนธรรมนี้ไว้ได้อย่างเหนียวแน่นจริงๆ

ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสาร Spicy ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

airban-300x250
0
Shares