ตำนานกระต่ายในดวงจันทร์

ตำนานกระต่ายในดวงจันทร์

คนไทยเราอาจจะมองเงาดำๆ ในดวงจันทร์ไปตามจินตนาการของแต่ละคน แต่ถ้าไปถามชาวจีน ทุกคนจะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเงาดำนั้นคือเงาของเทพกระต่ายหยก และเวลาถึงวันไหว้พระจันทร์ นอกจากจะไหว้เทพธิดาแห่งดวงจันทร์แล้ว ชาวจีนก็จะไหว้เทพเจ้ากระต่ายไปพร้อมกันด้วย

บันทึกของเมืองปักกิ่งเล่าถึงตำนานกระต่ายในดวงจันทร์ไว้ว่า มีอยู่ปีหนึ่งประเทศจีนเกิดโรคอหิวาต์ระบาดครั้งใหญ่ ทำให้มีผู้คนล้มตายเป็นใบไม้ร่วง เทพธิดาฉางเอ๋อ ที่สถิตอยู่บนดวงจันทร์มองลงมาเห็นก็เกิดความเมตตาจึงสั่งให้กระต่ายหยกสัตว์เลี้ยงที่มักจะตำยาอยู่ข้างกายนางลงมารักษาโรคให้ กระต่ายหยกแปลงกายเป็นหญิงสาวเที่ยวรักษาโรคไปทีละเมืองๆ จนชาวบ้านรอดพ้นจากความตาย ผู้คนที่กระต่ายหยกช่วยไว้ต่างก็สำนึกในบุญคุณของนาง อยากจะให้แก้วแหวนเงินทองเป็นสิ่งตอบแทน แต่กระต่ายหยกปฏิเสธ นางขอเพียงแค่เสื้อผ้าชุดเดียวเป็นค่ายา ตลอดเวลาที่เร่ร่อนรักษาคนตามเมืองต่างๆ กระต่ายหยกจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าไปเรื่อยๆ เป็นหมอดูบ้าง คนขายน้ำมันบ้าง แล้วแต่ว่าชาวบ้านจะให้เสื้อผ้าแบบไหนมา เวลาเดินทาง กระต่ายหยกจะขี่สัตว์หลายชนิดเช่น เสือ วัว ม้า ซึ่งก็ยิ่งทำให้คนที่พบเห็นเคารพยำเกรงนาง หลังจากตระเวนรักษาจนโรคระบาดสงบลงแล้ว กระต่ายหยกจึงกลับขึ้นไปบนดวงจันทร์เหมือนเดิม นับจากนั้นชาวจีนก็นับถือเทพเจ้ากระต่ายเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งองค์ เมื่อถึงวันไหว้พระจันทร์ ชาวบ้านจะใช้ดินเหนียวปั้นเป็นรูปกระต่าย และกราบไหว้ไปพร้อมกับการไหว้พระจันทร์ด้วย

หลังจากเวลาผ่านไปหลายยุคสมัย ศิลปินจีนอยากวาดรูปเทพกระต่ายให้ดูมีอำนาจมากยิ่งขึ้น จึงวาดให้เทพองค์นี้มีตัวเป็นคนหัวเป็นกระต่าย ขี่เสือเป็นพาหนะ และถือสากหยกตำยาเป็นอาวุธประจำตัว หลังจากมีรูปวาด ประเพณีขุดดินเหนียวมาปั้นเป็นกระต่ายก็ค่อยๆเลิกไป เพราะผู้คนเปลี่ยนไปกราบไหว้รูปวาดเทพกระต่ายกันมากกว่า

กระต่ายในความเชื่อของคนทั่วโลก

  • ในความเชื่อของคนญี่ปุ่น บนดวงจันทร์มีกระต่ายอยู่คู่หนึ่งกำลังช่วยตายายที่อาศัยอยู่บนดวงจันทร์ตำแป้งทำขนมโมจิอยู่ ความเชื่อนี้มาจากการมองเงาดำบนดวงจันทร์ ที่ชาวญี่ปุ่นคิดว่ามันช่างคล้ายกระต่ายเสียจริงๆ
  • ส่วนชาวเกาหลีก็มีตำนานกระต่ายในดวงจันทร์กำลังตำแป้งทำขนมเหมือนญี่ปุ่น แต่ขนมที่เจ้ากระต่ายจะทำไม่ใช่โมจิ แต่เป็น "ต็อก" เค้กข้าวของชาวเกาหลี
  • หลายประเทศเชื่อกันว่าตีนกระต่ายตากแห้งเป็นเครื่องรางที่จะนำโชคมาให้เจ้าของ ความเชื่อนี้มีมาตั้งแต่เมื่อ 600 ปีก่อนคริสตกาล
  • สำหรับชาวยิว กระต่ายหมายถึงความขี้ขลาด ในภาษาฮิบรูคำว่า กระต่าย เป็นคำแสลงหมายถึง คนขี้ขลาด
  • ชาวเวียดนามมองกระต่ายเป็นสัญลักษณ์ของความไร้เดียงสาและอ่อนเยาว์ ศิลปินเวียดนามมักจะวาดภาพเหล่าทวยเทพกำลังไล่ล่ากระต่าย เพื่อแสดงให้เห็นพละกำลังของทวยเทพทั้งปวง

สมัยก่อนที่เกาะพอร์ทแลน ในเมืองดอร์เซ็ต สหราชอาณาจักร กระต่ายถูกมองว่าเป็นสัตว์ที่นำโชคร้ายมาให้ ถ้ามีใครพูดว่า กระต่าย คนใหญ่คนโตในบ้านเมืองจะมีอันตราย ดังนั้นถ้าใครจำเป็นต้องพูดถึงกระต่ายก็จะเลี่ยงไปใช้คำอื่นแทน เช่น เจ้าหูยาว เป็นต้น
สถิติโลกบันทึกไว้ว่ากระต่ายกระโดดได้สูงที่สุด 1 เมตร และกระโดดได้ไกลที่สุด 3 เมตร
กระต่ายอเมริกันเป็นกระต่ายพันธุ์ที่หูยาวที่สุดในโลก มีความยาวถึง 31.125 นิ้ว
กระต่ายที่อายุยืนที่สุดในโลกอยู่ได้ถึง 19 ปี
กระต่ายป่าที่เล็กที่สุดในโลกคือพันธุ์ปิกมี่ หรืลิตเติ้ลไอดาโฮ ในสหรัฐอเมริกา มีน้ำหนักไม่ถึงครึ่งกิโลกรัม
กระต่ายจะตื่นตัวมากที่สุดในช่วงเช้าตรู่และยามเย็นโพล้เพล้
กระต่ายเป็นสัตว์ที่สามารถมองเห็นภาพด้านหลังได้โดยไม่ต้องหันกลับไปมอง เพราะมันมีตาโตมากเมื่อเทียบกับขนาดตัว
กระต่ายทุกสายพันธุ์ในโลกมีสีขนแตกต่างกันมากถึง 150 สี แต่มีสีตาทั้งหมดเพียง 5 สี เท่านั้น คือ น้ำตาล น้ำเงินอมเทา น้ำเงินเข้ม ชมพู (แดง) และตาใสแบบลูกแก้ว
ที่เราเห็นว่ากระต่ายสีขาวมักจะมีตาแดงเป็นเพราะดวงตาของกระต่ายสีขาวไม่มีเม็ดสี ทำให้เห็นเส้นเลือดสีแดงในตาได้ชัดเจน

ขอขอบคุณ ที่มา : spicy ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

 

airban-300x250
0
Shares