ผีกะ บริวารที่มองไม่เห็นในความเชื่อของคนไทย

ผีกะ บริวารที่มองไม่เห็นในความเชื่อของคนไทย

คนไทยกับผีเป็นเพื่อนซี้ที่อยู่คู่กันมายาวนานแล้ว และไม่ใช่ว่าฝ่ายคนจะต้องวิ่งหน้าตั้งหนีผีเสมอไป ในบางท้องถิ่นผีก็เป็นฝ่ายถูกคนจับมาเลี้ยงไว้ใช้งานได้เหมือนกัน

ผีกะเป็นผีพื้นบ้านทางภาคเหนือ ชื่อของยายผีตัวนี้มาจากมารยาทบนโต๊ะอาหาร เพราะนางใช้ช้อนส้อมดินเนอร์หรูมีระดับไม่เป็น แต่จะใช้มือขย้ำอาหารยัดใส่ปากอย่างตะกละตะกราม ก็เลยเรียกกันสั้นๆ ว่า "ผีกะ" มีลักษณะคล้ายผีปอบคือชอบเข้าสิงคนและชอบกินของสดของคาว ทางเหนือเชื่อกันว่าผีกะไม่จำเป็นต้องเป็นวิญญาณเสมอไป บางทีคนเป็นๆ ก็เป็นผีกะได้ ถ้าเผลอไปหลับนอนกับผู้หญิงที่เป็นผีกะ หรือกินข้าวร่วมกับคนที่เป็นผีกะครบเจ็ดไห คนที่เลี้ยงผีจะต้องเซ่นสังเวยด้วยเนื้อสัตว์ดิบๆ ทุกวันที่กำหนดถึงจะสามารถใช้ประโยชน์จากผีกะได้ แต่ถ้าเลี้ยงไม่ดีปล่อยให้ผีกะอดๆ อยากๆ มันจะเข้าสิงคนเลี้ยงทำให้กลายเป็นครึ่งคนครึ่งผี ต้องออกไปจับคนมาแหวะท้องกินตับไตไส้พุงในตอนกลางคืน คล้ายๆ นางผีกระสือของภาคกลาง

ผีกะมีหลายชนิด ชนิดที่เรียกว่าผีกะพระ-นาง เป็นผีที่นักแสดงทางเหนือนิยมเลี้ยงกันมากที่สุด เพราะเชื่อกันว่าต่อให้เจ้าของหน้าตาอะเฟรดชนิดหมอศัลยกรรมยังต้องคืนเงิน แต่ถ้าเลี้ยงผีกะไว้ในตอนกลางคืนมันจะออกมาเลียหน้าทำให้คนเลี้ยงสวยหล่อหยาดฟ้ามาดินเลยทีเดียว และยิ่งดึกเท่าไรก็ยิ่งสวยมากขึ้นเท่านั้น แต่ขอย้ำว่าความสวยนี้จะมาเฉพาะตอนกลางคืน ส่วนกลางวันคาดว่าผีคงจะง่วงนอนเลยไม่รับทำโอที

ผีกะอาคม คนมีวิชาอาคมสมัยก่อนไม่ค่อยจะยอมสอนใครง่ายๆ แต่ก็มีคนอยากมาเป็นลูกศิษย์กันมากมาย ลูกศิษย์บางคนพอครูไม่สอนให้ก็มาแอบดูหรือขโมยตำราไปเรียนเอง โดยไม่ได้ทำพิธีขึ้นครู จึงถูกอาคมที่ครูสาปแช่งไว้ในตำรานั้นทำให้กลายเป็นผีที่เรียกว่าผีกะอาคมไปในที่สุด

ผีกะตระกูล เป็นผีกะที่ชาวเหนือนิยมเลี้ยงกันอย่างแพร่หลาย และจะยกย่องเทียบเท่าบรรพบุรุษคนหนึ่ง คนโบราณให้สังเกตว่าบ้านไหนเลี้ยงผีกะตระกูล ที่นาของบ้านนั้นจะอุดมสมบูรณ์อยู่เสมอ ไม่มีแมลงมารบกวน ไม่มีโรคระบาดจนข้าวล่มทั้งนาแต่การเลี้ยงก็ต้องระวังให้มากอีกเช่นกัน เพราะถ้าเจ้าของบ้านตายไปโดยไม่สั่งเสียลูกหลานไว้ ปล่อยให้ผีกะตระกูลอดอยาก มันจะเข้าสิงชาวบ้าน (ส่วนใหญ่ก็คนเลี้ยงนั่นล่ะ) แล้วออกไปหาของดิบของคาวกินเอง คนบ้านนั้นจะกลายเป็นที่รังเกียจของคนทั้งหมู่บ้านโทษฐานที่ทำไม่ดีกับบรรพบุรุษ

ธรรมเนียมการให้เครื่องเซ่นผีกะมีอยู่ว่า ผู้ชายไม่ต้องทำอะไรมาก แค่เซ่นไข่ดิบคนละฟองเท่านั้น แต่ผู้หญิงจะต้องเซ่นผีกะด้วยเนื้อสัตว์ดิบๆ และถ้าแม่จะตายก็ต้องสั่งเสียให้ลูกสาวทำต่อ ตกทอดกันไปรุ่นสู่รุ่น ถ้าแม่บ้านบ้านไหนเลี้ยงไม่ดีผีกะจะเข้าสิงคนเลี้ยง จากนั้นก็จะแพร่พันธุ์ให้คนในบ้านต่อๆ ไปจนกลายเป็นผีกะกันทั้งบ้าน หลังจากนั้นเชื้อสายของผีกะจะตกทอดไปแบบทายาทอสูร คือลูกสาวคนสุดท้องจะต้องเป็นผีกะต่อจากมารดาไปเรื่อยๆ จนกว่าจะบ้านนั้นจะสิ้นลูกสิ้นหลาน แต่ถ้าครอบครัวนั้นไม่อยากรับสืบทอดการเป็นผีกะแล้วก็ให้เอาน้ำลายของคนที่เป็นผีกะไปป้ายที่ปากแมวโพง เจ้าเหมียวตัวนั้นก็จะรับการถ่ายทอดเป็นผีกะแทน

ชาวเหนือเชื่อกันว่าผู้หญิงที่เป็นผีกะจะมีเสน่ห์มาก ทำให้ผู้ชายหัวทิ่มหัวตำกันเป็นทิวแถว ถ้าสาวคนไหนมีหนุ่มมารุมจีบเยอะผู้ชายจึงต้องทดสอบว่าเธอเป็นผีกะหรือเปล่า ด้วยการใช้ "ตองกล้วยงำเครือ" (ใบตองใบสุดท้ายที่ปกเครือกล้วย) มาลงคาถาปลุกเสก จากนั้นก็เจาะใบกล้วยเป็นรูแล้วมองหญิงสาวผ่านใบกล้วยไป ถ้าเธอเป็นผีกะ จะเห็นแมวหรอตัววอกตัวเล็กๆ 2 ตัวเกาะอยู่บนบ่าผู้หญิงคนนั้น ช่วยกันแลบลิ้นเลียใบหน้าเธอให้สวยงามมีออร่ามหาละลวยอยู่ตลอดเวลา

วิธีปราบผีกะมีหลายวิธี เช่น ผ้าที่ใช้ยารอยต่อของหม้อนึ่งกับไหข้าว เรียกว่า "เตี่ยวหม้อหนึ้ง" มาผูกคอคนที่ผีกะเข้าสิง เพราะชาวบ้านเชื่อว่าหม้อข้าวมีเทวดาคุ้มครองอยู่ เมื่อผีเจอกับเทวดาก็เหมือนไม้ซีกมาเจอไม่ซุง ฝ่ายผีก็ต้องมอดม้วยมรณาไปเอง อีกวิธีหนึ่งให้ปลุกเสกพริกหรือพริกไทยพ่นใส่หน้าคนถูกผีเข้า เพราะผีไม่ถูกกับพริก เจอเข้าไปจะแสบตาจนต้องชิ่งหนี

วิธีปราบผีกะที่เข้าสิงผู้หญิงที่ได้ผลมากอีกวิธีหนึ่งคือ จับหญิงนั้นแก้ผ้าประจานหรือไม่ก็ข่มขืนคนที่ถูกผีเข้าสิงเสียเลย (อันนี้โหดแฮะ) ผีจะรีบย้ายที่สิงสถิตด่วนจี๋ แต่จะเพราะอะไรตำราท่านไม่ยักเขียนไว้เสียด้วยสิ

ขอขอบคุณ ที่มา : Spicy ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

 

airban-300x250
0
Shares