มักกะลีผล นางงามต้นไม้

มักกะลีผล นางงามต้นไม้

มักกะลีผลหรือต้นนารีผล เป็นต้นไม้ในวรรณคดีที่เซียนของขลังหลายคนพยายามตามหา เพราะเชื่อกันว่าถ้าได้ครอบครองแล้วจะมีโชคลาภ มักกะลีผลมาจากไหน และให้โชคได้จริงหรือเปล่า เรื่องอย่างนี้ต้องเฉลย!!!

หน้าตานารีผล ต้นมักกะลีผลเป็นต้นไม้วิเศษที่อยู่ในป่าหิมพานต์ เมื่อบานแล้วจะมีรูปร่างหน้าตาเป็นสาวสวย และมีชีวิตเหมือนคนทุกอย่าง ว่ากันว่านางมักกะลีผลนั้นงามนัก ผิวพรรณละเอียดอ่อนดั่งเม็ดมะปราง ตาดำสีทอง ตาขาวสีฟ้า ผมสีทอง จมูกเหมือนพระจันทร์เสี้ยว ที่ขวัญมีขั้วเหมือนมังคุด รูปร่างอรชรดุจสาวรุ่นอายุ 16 ปี ไม่มีไหปลาร้า นิ้วมือยาวเสมอกัน มีกลิ่นกายหอมกรุ่นชื่นใจ เต็มไปด้วยกามคุณทั้ง 5 ( รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ) ร่างกายเบาเพราะไม่มีกระดูก

วงจรชีวิตนารีผล
ต้นมักกะลีผลอยู่บนภูเขาที่ชื่อ "ตัณหาวัฒนะ" ในป่าหิมพานต์ เป็นต้นไม้สูงใหญ่ ลำต้นสีน้ำตาลทองใบสีทองมีรัศมี แต่ละปีจะออกดอกเพียงแค่ครั้งเดียว ลักษณะดอกคล้ายดอกกล้วยไม้ มีพวงละ 5 ดอก และทุกดอกจะมีหญิงสาวอยู่ 1 คน แต่ละนางลืมตาตลอดเวลาแต่พูดไม่ได้ มักกะลีผลจะบานตอน 6 โมงเช้า เวลาที่บานจะส่งกลิ่นหอมฟุ้ง แต่พอถึงเวลาหกโมงเย็นก็จะหุบ ความหอมของดอกนารีผลจะฟุ้งกระจายไปไกลจนวิทยาธรและฤษีชีไพร ที่ฝึกสมาธิอยู่ในป่าได้กลิ่น และจะมานั่งคอยรอวันที่ดอกบานกันเลยทีเดียว พอถึงวันที่ 7 ซึ่งเป็นวันที่ดอกบานเต็มที่ หญิงสาวในแต่ละดอกก็จะหลุดลงมาจากขั้ว ถึงตอนนี้เหล่าฤาษีวิทยาธรก็จะเข้ามาฉุดแต่ละนางไปเชยชม บางคนถึงกับฆ่ากันตายเพื่อแย่งนารีผลก็มี นารีผลจะมีชีวิตอยู่ได้ประมาณ 4-5 เดือน(เทียบเท่า เวลา 7 วันบนสวรรค์ ) จากนั้นก็จะเหี่ยวแห้งเหมือนดอกไม้ทั่วๆไป

กำเนิดนารีผล กำเนิดของต้นนารีผลเริ่มมาจากการออกบำเพ็ญเพียรในป่าของ "พระเวสสันดร" โดยมี "พระนางมัทรี" และ "กัณหา- ชาลี" ติดตามมารับใช้ด้วย แต่เพราะ "พระนางมัทรี" เป็นสาวสวย "ท้าวสักกะเทวราช" (พระอินทร์) ก็เกรงว่าพวกวิทยาธร คนธรรพ์ และฤาษีชีไพรในป่าจะมาลวนลามพระนาง จึงได้เนรมิตให้เกิดต้มมักกะลีผลทั้งหมด 16 ต้น ล้อมบริเวณที่พักของพระเวสสันดร อยู่ห่างๆ และให้ต้นมักกะลีผลมีกลิ่นหอมเย้ายวน เพื่อล่อให้ฤาษีชีไพรและวิทยาธรตามกลิ่นไป จะได้ไม่มาทำอันตราย พระนางมัทรี

สำหรับนางมักกะลีผลแต่ละนางก็ไม่ใช่ใครอื่น ทุกดอกคือเทพธิดาที่หมดบุญจากสวรรค์แล้วและต้องลงมาเกิดเพื่อใช้กรรมของตัว ความสวยของนารีผลแต่ละดอกจึงไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับผลบุญของนางฟ้าแต่ละองค์ด้วย ใครทำบุญมามากก็สวยมาก ใครทำบุญมาน้อยก็สวยสู้นางอื่นไม่ได้ แต่เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็นนางฟ้าลงมาเกิดแล้ว อย่างไรเสียแต่ละนางก็ต้องสายหยดย้อยกันทั้งนั้น เมื่อวิทยาธรหรือฤาษีตนใดมาฉุดนางมักกะลีผลไปเชยชมแล้วก็จะศีลขาด ฤทธิ์อำนาจจะเสื่อม ทำให้เหาะเหินเดินอากาศไม่ได้อย่างเก่า ต้องกลับไปบำเพ็ญบุญบารมีกันใหม่ถึงจะมีอำนาจเหมือนเดิม ฤาษีบางตนที่ต้องการทดสอบระดับความเข้มแข็งของลูกศิษย์ว่าจะละกิเลสตัณหาได้หรือยัง ก็จะใช้นารีผลนี่ละเป็นเครื่องทดสอบ โดยจะพาศิษย์มาฝึกสมาธิบริเวณต้นนารีผลเพื่อดูว่าจะมีศิษย์คนไหนเป๋ออกนอกลู่นอกทางบ้างหรือเปล่า

จุดจบของนารีผล คนธรรมดาอย่างเราไม่มีทางเข้าไปในป่าหินพานต์ได้ จึงไม่มีใครรู้ว่าหลังจากที่พระเวสสันดร เสด็จกลับคืนพระนครแล้ว มักกะลีผลยังอยู่หรือเปล่า แต่มีตำนานอินเดียเรื่องหนึ่งเล่าว่า พระฤาษีผู้มีตบะแก่กล้าตนหนึ่ง ไปฉุดเอานางนารีผลชื่อ นางนรสี มาเป็นภรรยา แต่ต่อมา นางนรสี กลับไปลักลอบเป็นชู้กับคนธรรพ์ ฤาษีโกรธมากจึงได้สาปนางนรสี รวมทั้งนารีผลทุกต้นให้กลายเป็นหิน ทำให้นารีผลทุกต้นไม่มีโอกาสได้ออกดอกในป่าหิมพานต์อีกเลย จวบจนถึงทุกวันนี้ และเป็นจุดสิ้นสุดของการมีนารีผลในป่าหิมพานต์ตลอดไป

ขอขอบคุณ ที่มา : spicy ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

 

airban-300x250
0
Shares