เลขดีเลขร้ายในหลายประเทศ

เลขดีเลขร้ายในหลายประเทศ

เลขสวยๆ ใครๆ ก็อยากได้ แต่เลขไม่ดีก็มีแต่คนเมิน ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น และชาติไหนบ้างรังเกียจตัวเลขตัวไหน เรามีคำตอบมาให้แล้วค่ะ

เลข 4 เป็นเลขอาภัพของจริงเพราะถูกยี้จากทั้งชาวจีนและชาวญี่ปุ่นในความเชื่อของคนจีนเลขนี้เป็นเลขอัปมงคล เพราะเสียงของมันพ้องกับคำว่า "ซี้" ที่แปลว่าตาย ฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นทะเบียนรถหรือเลขที่บ้าน ถ้าเลือกได้คนจีนจะไม่ยอมมีเลข 4 ติดไปเป็นอันขาด พอข้ามไปถึงประเทศญี่ปุ่น ชะตากรรมของเจ้าเลข 4 ก็ยังเลวร้ายไม่เลิก เพราะมันไปพ้องเสียงกับคำว่า "ชิ" ที่แปลว่าตายอีกเหมือนกัน คนญี่ปุ่นเลยพลอยไม่ชอบเลข 4 ไปด้วย ตามอพาร์ทเม้นต์และโรงแรมในญี่ปุ่นจะไม่มีห้องหมายเลข 4 เลย จะมีแต่ห้อง 1,2,3 แล้วข้ามไปเป็นหมายเลข 5 เพื่อไม่ให้แขกตะขิดตะขวงใจที่จะพัก

เลข 6 คนไทยโบราณถือว่าเลขหกหมายถึง หก ตก ทำอะไรไม่ขึ้น ล้มไม่เป็นท่า ถ้ามีเลขนี้อยู่ในทะเบียนร้านค้า เงินทองก็จะรั่วไหลตกหล่นไปหมด เลยไม่ค่อยมีใครพิศวาสกันเท่าไรนัก ยิ่งเลข 60 จะไม่มีใครอยากได้มาเป็นทะเบียนรถเลย เพราะตีความกลับไปกลับมาแล้วได้ความว่าเจ้าของอาจถูกรถคันนี้ทำหล่นไว้กับพื้นถนนหลังจากนั้นรถก็จะถูกขโมยจนมลายหายศูนย์เอาง่ายๆ แต่สำหรับชาวจีนเลข 6 เป็นเลขมงคล เป็นสัญลักษณ์ของความราบรื่น หนุ่มสาวมักจะเลือกแต่งงานในวันที่ 6,16 หรือ 26 จะได้ครองรักกันอย่างราบรื่นจนแก่เฒ่า ส่วนชาวยุโรปไม่ค่อยจะกินเส้นกับเลข 6 เท่าไรนักเพราะคำๆ นี้ในภาษาอังกฤษออกเสียงพ้องกับคำว่า "ซิก" (sick) ที่แปลว่าไม่สบาย เลยไม่มีคนอยากได้อีกเหมือนกัน

เลข 7 ความเชื่อทางโหราศาสตร์ไทยถือว่าเลข 7 เป็นเลขแห่งความทุกข์ ผิดกับชาวญี่ปุ่นที่เชื่อว่า 7 เป็นเลขมงคล เพราะเลข 7 คนญี่ปุ่นอ่านออกเสียงว่า "ชิจิ" แปลว่าโชคดี และในญี่ปุ่นยังมีประเพณีกินสมุนไพร 7 อย่างเพื่อให้สุขภาพดีด้วย ฝรั่งเองก็คิดอย่างเดียวกับชาวญี่ปุ่นว่า 7 เป็นเลขที่ให้โชค และมีอำนาจพิเศษอยู่ในตัว ยิ่งถ้าได้ทะเบียนบ้านหรือทะเบียนรถที่มี 7 หลายๆ ตัว เจ้าของก็จะยิ่งโชคดี ทำอะไรก็ประสบความสำเร็จสมใจ

เลข 8 เป็นลัคกี้นัมเบอร์ของชาวจีน เพราะเสียงของมันตรงกับคำที่แปลว่าร่ำรวยในภาษากวางตุ้ง อีกทั้งคนจีนยังมีเทวดา 8 เซียนหรือโป๊ยเซียน เป็นเทพเจ้าที่คอยดูแลคุ้มภัยด้วย ในฮ่องกงทะเบียนรถยนต์เลข 8888 เคยทำสถิติเป็นเลขขที่คนแย่งกันประมูลด้วยราคาแพงกว่าราคารถมาแล้ว ส่วนชาวญี่ปุ่นก็ยกให้เลข 8 เป็นเลขแห่งความสมบูรณ์และสมดุล ใครได้ไปนอกจากจะสุขสมบูรณ์แล้ว ชีวิตจะพอดี ไม่มีมากหรือน้อยเกินไปให้รำคาญใจ

เลข 9 เป็นเลขที่คนไทยกรี๊ด คนจีนก็กิ๊วก๊าว สำหรับคนไทยเลข 9 หมายถึงความก้าวหน้า ก้าวไกล งานมงคลของไทยเลยชอบจัดกันในวันที่ลงท้ายด้วย 9 ส่วนคนจีนเลขนี้เป็นตัวเลขที่มีค่ามากที่สุด มันเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ ความเป็นที่สุดในทุกเรื่อง และเสียงของเลข 9 ยังพ้องกับคำที่แปลว่ายาวนาน มันจึงเป็นสัญลักษณ์ของการมีอายุยืนอีกอย่างหนึ่งด้วย แต่ในขณะเดียวกันคนญี่ปุ่นกลับยี้เลขนี้กันทุกบ้าน เพราะเลข 9 ในภาษาญี่ปุ่นออกเสียงว่า "คุ" หมายถึงความลำบากเลยไม่ค่อยมีใครพิศวาสอยากจะได้เจ้าเลข 9 ไปเป็นทะเบียนบ้านเท่าไรนัก

เลข 13 เลขนี้สำหรับฝรั่งแล้วเป็นเลขซูเปอร์ร้าย ขนาดที่ตามโรงแรมจะต้องไม่มีห้องเบอร์ 13 และชั้นที่ 13 เลยทีเดียว ที่มาที่ไปก็เพราะในอดีตก่อนที่พระเยซู ศาสดาของศาสนาคริสต์จะสิ้นพระชนม์ ทรงร่วมเสวยพระกระยาหารกับลูกศิษย์ 13 คน และหนึ่งในนั้นก็ทรยศทำให้พระองค์ถูกจับตรึงกางเขนจนตาย ยิ่งถ้าเลข 13 ไปตรงกับวันศุกร์ด้วยล่ะก็ จะกลายเป็นเลขอาถรรพ์ที่อัปมงคลที่สุด เนื่องจากวันศุกร์เป็นวันที่อาดัมกับอีฟ มนุษย์คู่แรกที่เคยอยู่บนสวนสวรรค์ได้ถูกพญามารล่อลวงให้ทำความผิด วันที่พระเยซูถูกตรึงกางเขนก็เป็นวันศุกร์ อีกทั้งหลังจากอาดัมกับอีฟที่ลงมาอยู่บนโลกมนุษย์ ทั้งคู่ก็อยู่จนแก่เฒ่าและตายไปในวันศุกร์อีกเช่นกัน ชาวคริสต์เลยสรุปกันว่าวันศุกร์น่าเป็นวันดวงจู๋ตัวจริงเสียงจริง

ขอขอบคุณ ที่มา : spicy ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

 

airban-300x250
0
Shares