นำเสนอสาระน่ารู้ บทความดีๆ เกี่ยวกับพัฒนาการของทารกตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 1 ปี เพื่อคุณพ่อคุณแม่จะได้เตรียมพร้อมรับมือกับพัฒนาการของลูกน้อยได้อย่างชาญฉลาด และมีสติ พร้อมที่จะแก้ไขและส่งเสริมให้ลูกน้อยมีพัฒนาการที่ดีสมวัย และสามารถเจริญเติบโตต่อไปได้อย่างมีความสุข สุขภาพแข็งแรง ร่าเริงสดใส ทาง Pstip หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสาระความรู้ต่างๆ ในหมวดนี้จะสามารถเป็นแนวทางที่ดี สำหรับคุณพ่อคุณแม่คนใหม่นำไปปฏิบัติเพื่อลูกน้อยที่คุณรักได้อีกทางหนึ่งค่ะ
Written by on
สิ่งที่ควรระมัดระวัง เรื่องความปลอดภัยในขวบปีแรก
ขวบปีแรก เป็นวัยที่กำลังเรียนรู้สิ่งรอบตัว คุณพ่อคุณแม่จึงควรต้องดูแลเป็นพิเศษ เด็กยังไม่รู้ว่าสิ่งใดเล่นได้ สิ่งใดอันตราย สิ่งที่ควรระมัดระวังมีดังนี้
ถูกความร้อนลวก
จมน้ำ
สารพิษ และสำลัก
ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสาร Modern Mom ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
Written by on
Written by on
การให้นมในทารกแรกเกิดถึง 3 เดือนแรก
ในช่วงแรกน้ำนมแม่อาจจะออกมาไม่เพียงพอสำหรับลูกน้อย ถ้าจะให้นมผสมสำหรับทารก เสริมควรป้อนด้วยถ้วยเล็กให้ลูกดื่ม ไม่ควรให้ดูดจุกนม เพราะเด็กจะไม่ยอมดูดนมแม่อีก การเลี้ยงดูในช่วงแรกนี้ง่ายเพราะ ลูกจะกินอิ่มแล้วนอนหลับไปเป็นส่วนใหญ่
หลักการให้นม
การให้นมและอาหารเสริมในทารกอายุ 3-6 เดือน
ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสาร Modern Mom ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
Written by on
Written by on
การฝึกนิสัยการกิน
เคล็ดลับในการฝึกให้เด็กมีนิสัยการกินอาหารที่ดี
ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสาร Modern Mom ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
Written by on
Written by on
การให้นมและอาหารเสริมในทารก อายุ 6-12 เดือน
การให้นมและอาหารเสริมในทารกอายุ 6-9 เดือน
การให้นม
อาหารตามวัย
การให้นมและอาหารเสริมในทารกอายุ 9-12 เดือน
อายุ 10-12 เดือน ทารกควรได้อาหารมื้อหลัก 3 มื้อ และให้อาหารว่างวันละ 1 มื้อ เช่น กล้วยสุกครูด มะละกอสุก ฟักทองนึ่งในปริมาณ 3-4 ช้อนโต๊ะ
ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสาร Modern Mom ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
Written by on
Written by on
การฝึกนิสัยบางอย่างของเด็กเล็ก
กิจวัตรบางอย่างที่เราต้องทำตั้งแต่ยังเล็ก และเป็นเรื่องของสังคม ที่มีระเบียบวินัยเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย มี 4 เรื่อง คือ การกิน การนอน การขับถ่าย และการอาบน้ำแต่งตัว การเริ่มฝึกตั้งแต่ลูกยังเป็นทารก จะทำให้สอนง่ายขึ้นเมื่อโตขึ้น
กิจวัตรทั้ง 4 อย่างข้างต้น เมื่อทารกยังเล็กนั้น ก็เป็นเรื่องของพฤติกรรมที่ทำโดยอัตโนมัติ เพื่อสนองความต้องการของร่างกาย แต่เมื่อโตขึ้น กิจวัตรดังกล่าว จะต้องได้รับการปรับปรุง ให้สอดคล้องกับชีวิต และความเป็นอยู่ของแต่ละคน ที่จะต้องเป็นไปตามระเบียบแบบแผนของสังคม
การกิน เมื่อฝึกให้เด็กทำได้เรื่อยๆ ก็จะพัฒนาเป็นนิสัย ทำให้เด็กเป็นคนที่มีระเบียบวินัยในการทำกิจวัตรการกิน ในเรื่องการกิน สิ่งที่จะต้องฝึกได้แก่ การกินเป็นเวลา ตั้งใจกิน รู้จักกินอาหารที่มีประโยชน์ มีมารยาทในการกิน และกินเองได้
เมื่อฝึกให้เด็กทำเรื่อยๆ จะเกิดเป็นนิสัยของคนที่มีระเยียบวินัย ในการทำกิจวัตรประจำวันต่อไป
การฝึกนิสัยในเรื่องดังกล่าว ต้องอาศัยความพร้อมทางด้านการเคลื่อนไหว และสติปัญญาของทารกด้วย ดังนั้น การฝึกจึงต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป และมีหลักการปฏิบัติดังนี้
ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสาร Modern Mom ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
Written by on
Written by on
การให้นมลูกมีหลายท่า
การให้นมลูกมีหลายท่าซึ่งแล้วแต่คุณแม่จะถนัดในการให้นมท่าใด มีดังต่อไปนี้ค่ะ
1.การให้นมลูกท่า madonna หรือ cradle แม่นั่งในท่าสบาย มีหมอนหนุนหลัง อุ้มลูกเข้าหาตัว โดยให้ท้องของลูก พาดอยู่ที่หน้าท้องของแม่ ให้แขนข้างที่ติดกับแม่ พาดโอบไปด้านข้างตัวแม่
2. ถ้าทารกตัวเล็ก แม่ต้องใช้มือที่พยุงเต้านมมาประคองศีรษะ โดยใช้มือซ้ายพยุงก้นลูกขึ้น ให้ตัวลูกสูงขึ้น อยู่ในระดับเดียวกับเต้านมแม่ เรียกว่าท่า cross ? cradle
3. การให้นมลูกท่าอุ้มลูกฟุตบอล แม่นั่งในท่าสบาย กอดลูกไว้ในอ้อมแขนข้างเดียวกับเต้านมที่ลูกดูด ท่านี้จะทำให้แม่เห็นหน้าลูกได้ชัดขณะดูดนม และเป็นวิธีเดียวที่ลูกแฝด จะสามารถดูดนมแม่ได้พร้อมกัน โดยมีแม่อุ้มกอดเหมือนอุ้มลูกฟุตบอลพร้อมกัน 2 ลูก
4. การให้นมท่านอน ท่านี้เป็นท่าที่สบาย โดยเฉพาะการให้นมในตอนกลางคืน โดยให้แม่นอนตะแคงข้าง โดยมีหมอนหนุนหลัง และศีรษะเอาไว้ ให้ลูกนอนตะแคง หันหน้าเข้าหาหน้าอกแม่ ให้ได้ระดับปากตรง กับหัวนมแม่ เมื่อลูกอ้าปาก จะได้ดูดหัวนมแม่ได้พอดี
ข้อควรระวัง การให้นมท่านี้สำหรับแม่ที่มีเต้านมใหญ่มาก อย่าเผลอหลับขณะให้นมลูก เพราะเต้านมแม่อาจจะปิดทับจมูกลูก จนหายใจไม่ออก ถึงขั้นเสียชีวิตได้
รู้ได้อย่างไรว่าลูกได้รับนมแม่เพียงพอหรือไม่
ทารกที่กินนมแม่นั้น ไม่ต้องกลัวว่าจะได้รับนมไม่เพียงพอ ถ้าเขาหิวเขาจะดูดแรง การดูดของลูกจะกระตุ้นให้แม่หลั่งน้ำนมมาก แม่ควรทำใจให้สบาย ดื่มน้ำให้มากและทานอาหารที่มีโปรตีนสูง ถ้าลูกมีผิวหนังอักเสบจากการดูดนม เช่น เป็นขี้กลากน้ำนม แพทย์บางท่านอาจแนะนำให้แม่ งดดื่มนมวัว เพราะโปรตีนจากนมวัวที่แม่ดื่ม ผ่านไปยังลูกซึ่งทำให้ลูกเกิดผื่นแพ้ได้
วิธีดูง่ายๆว่าลูกได้รับน้ำนมแม่เพียงพอก็คือ
ให้นมลูกเมื่อเขาแสดงอาการหิว ซึ่งที่สำคัญคือ เมื่อลูกร้องนั้น ไม่ได้หมายความว่าเขาจะหิวทุกครั้ง เขาอาจจะอ้อนให้อุ้ม ผ้าอ้อมเปียกหรือถูกมดกัดเป็นต้น ดังนั้นแม่ต้องค้นหาสาเหตุดูก่อน ถ้าเขาหิวจริงค่อยให้นมเมื่อลูกโตขึ้น กระเพาะก็จะขยายใหญ่ขึ้น ต้องฝึกให้เขากินเป็นมื้อคือ 8-12 มื้อ/24 ชม. จับให้ลูกเรอ หลังลูกกินนมเสร็จ ให้อุ้มลูกพาดบ่าหรือจับนั่งขึ้น ลูบหลังหรือตบหลังเบาๆ ให้เรอลมออกมา ถึงแม้ว่าบางมื้อเขาจะไม่เรอก็ไม่เป็นไร บางครั้งเรอแรง อาจมีนมไหลตามออกมาได้ เรียกว่า ?แหวะนม? แต่ก็เป็นปกติสำหรับทารก
ควรให้ลูกดูดนมจากเต้านมทั้ง 2 ข้าง โดยดูดข้างหนึ่งจนเกือบอิ่ม แล้วจึงเปลี่ยนให้ดูดอีกข้างหนึ่งต่อ การเปลี่ยนให้ลูกดูดเต้า
แม่ต้องดูแลตัวเอง แม่ต้องดูแลตัวเองให้สมบูรณ์ด้วยค่ะ จึงจะให้นมลูกได้สำเร็จ ต้องพักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ ในช่วงลูกที่หลับ ให้หาคนมาคอยเฝ้าดูแลลูกไว้ การได้นอนหลับจะช่วยให้คุณรู้สึกดี แข็งแรง ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการที่จะเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ให้ประสบความสำเร็จ ?ลูกหลับแม่หลับด้วย?
สามีต้องสนับสนุน คุณพ่อควรช่วยให้กำลังใจ และแบ่งเบาภาระการดูแลลูก ให้แม่ได้พักผ่อนให้เพียงพอ ช่วยดูแลทำอาหารให้รับประทาน ในช่วงหลังคลอดซึ่งยังไม่ฟื้นตัวจากการคลอดดีนัก แม่ต้องเจ็บหัวนม และอดนอนให้นมลูก ผู้เป็นแม่ต้องอดทนอย่างสูง จึงจะทำได้สำเร็จ ขอให้ภูมิใจที่คุณทั้งสองได้ทำหน้าที่พ่อและแม่สมบูรณ์ในอีกระดับหนึ่ง
ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสารรักลูก ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
Written by on
Written by on
การเริ่มฝึกวินัยให้กับลูกตั้งแต่ หลังเกิดจนถึงอายุ 2 ขวบ
แนะนำวิธีการสอนให้ลูกรู้จักคำว่า "หยุด", "อย่า" เพื่อไม่ให้เขาทำในสิ่งที่เป็นอันตราย เช่น จับปลั๊กไฟ พัดลม
เมื่อยังอ่อนวัย การฝึกระเบียบวินัยเป็นที่การฝึกการกิน การนอน การขับถ่าย ฝึกให้รู้จักรอเมื่อหิว เปียก และต้องการให้อุ้มและไม่ยัดเยียด ให้ ถ้าลูกไม่ต้อง การการอุ้มทุกครั้งที่ลูกร้อง ลูกอาจจะไม่ยอมให้วางเรียกว่า เด็กติดมือ หรือลูกร้อง ก็ให้นมทุกครั้ง ทำให้เด็กกินโดยไม่หิว ต้องสำรวจว่าลูกต้องการอะไรแล้วค่อย สนองความต้องการให้
เมื่อลูกเริ่มเคลื่อนไหวได้ เช่น คลาน เดินได้ เป็นวัยที่จะต้องฝึกวินัย สิ่งแรก ที่คุณพ่อคุณแม่ จะต้องรู้ธรรมชาติของเด็กวัยนี้เสียก่อนก็คือ วัยนี้เป็นวัยที่อยากรู้ อยากลอง อยากสำรวจ ทางที่ดีที่สุดก็คือ พยายาม เก็บของต่างๆให้พ้นมือเด็ก สร้างสิ่งแวดล้อมที่เด็กจะอยู่ได้ โดยที่เราไม่ต้องคอยห้าม ?อย่า-อย่า? ตลอดเวลา เช่น ของที่แตกง่าย เครื่องแก้ว เครื่องเผา เครื่องประดับ กระติกน้ำร้อน เลื่อนปลั๊ก ไฟฟ้า ให้ไปอยู่ในระดับที่ลูกเอื้อมไม่ถึง หรือเลื่อนไม่ได้ ก็ใช้หัว สวม พลาสติก รอบเสีย เก็บน้ำยาทำความสะอาด ยาต่าง ๆ เข้าตู้ล๊อคเสีย
เมื่อลูกคืบคลานเข้าใกล้ สิ่งที่อาจเกิดอันตราย ก็ให้บอกว่า ?อย่า? หรือ ?หยุดค่ะ? และจับลูก ให้เปลี่ยนไปทางอื่น ให้ห่างออกไป หรือเบนความสนใจ ไปเล่นอย่างอื่น
การทำโทษเด็ก โดยการกักบริเวณ หรือหยุดกิจกรรม ?time out? จะไม่เกิด ประโยชน์ สำหรับเด็กวัยนี้ ถ้าลูก แผลงฤทธิ์ตีกัด หรือโยนอาหาร ของเล่นทิ้ง อย่างมีอารมณ์ ควรบอกลูกว่า พฤติกรรมนี้ไม่เหมาะสมแม่ไม่ชอบ และจับเขา นั่งเฉยๆสัก 1-2 นาที จนกระทั่งลูกสงบลง
อย่าลงโทษเด็ก ด้วยการตี หรือตบหน้าเด็ก ไม่ว่าเด็กอายุเท่าใด เด็กวัยนี้ ไม่สามารถจะเชื่อมโยง ระหว่างพฤติกรรม กับการลงโทษ เขาเพียงแต่รู้ว่า เจ็บเวลาถูกตี
พ่อแม่จะต้องประพฤติตน เป็นตัวอย่างที่ดี เพราะเขาจะเรียนรู้ จากการเฝ้าดู การกระทำของคนรอบข้าง ลูกจะเรียนรู้ว่าต้องเก็บของเข้าที่ โดยเห็นว่า เข้าของ ที่พ่อแม่ใช้ เก็บเข้าที่เป็นระเบียบ การสอนลูก ให้หยิบของไปเก็บ ที่สำคัญ คุณแม่ต้องเก็บให้เป็นระเบียบด้วย เป็นการสอนแบบให้ลูก ?ทำอย่างที่คุณพ่อคุณแม่ทำ?
ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสาร Modern Mom ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
Written by on