Written by on

มาไม่ถึงร้าน

วัน ก่อนผมไปที่ห้างฯเอาของลงและเข้าไปเช็คสต๊อกเหมือนทุกครั้ง...หลังจากทำธุระ ส่วนตัวเรียบร้อย เช็คของ ลงรหัสสินค้าแม้กระทั่งบาร์โค้ดเสร็จครบทุกอย่างแล้ว ผมก็ออกมาข้างนอก เตรียมตัวจะกลับไปที่โรงงาน แต่เผอิญช่วงที่ออกมา ผมเจอนายตี๋ หัวหน้า รปภ. ประจำห้างเข้าซะก่อน

 

?อ้าวคุณมด จะกลับแล้วรึครับ??นาย ตี๋ทักทายผม พลางเชื้อเชิญให้เข้ามานั่งเล่นนั่งคุยกันก่อน ผมเห็นว่าท่าจะดีเพราะวันนี้ผมก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรประกอบกับงานในส่วนรับผิด ชอบก็แล้วเสร็จทุกอย่างดังนั้น ผมเลยทำตามคำชักชวนของนายตี๋ เข้ามานั่งเล่นนั่งคุยกับเค้า?ไง ออกเวรแล้วเรอะ เป็นไงบ้างล่ะ...??ผมถามไป แต่ดูหน้านายตี๋ ไม่ค่อยดีเลย ผมเลยลองเลียบๆ เคียงๆ ไถ่ถามดู?...แล้วนี่เป็นอะไรไปล่ะตี๋...สีหน้าไม่ค่อยดีเลยนี่ ไม่สบายเรอะ...??

 

นาย ตี๋ส่ายหน้า บอกว่าไม่ใช่ไม่สบาย เพียงแต่ว่าเมื่อคืนนี้ เค้ากับลูกน้องสองสามคนเจอเรื่องที่ไม่ค่อยจจะสู้ดีนัก จะว่ามันเป็นความซวยก็คงได้?เรื่องอะไรเรอะ?? ผมสงสัยทันที นายตี๋บอกว่า?...ก็เมื่อคืนนี้น่ะซิครับ ผมเดินยามอยู่ ช่วงๆ กลางดึกก็ได้ยินเสียงประหลาดๆ ก็เลยตามลูกน้องสองคนออกมาดูด้วยกัน...ส่วนคนอื่นๆ ก็คุมแถวๆ นี้ไว้เราเดินตามกันไปดูว่าเสียงที่ว่ามันเป็นเสียงอะไร??แล้วเสียงมันดัง ยังไงล่ะ?? ผมถามต่อ?อืมม์ จะว่าไป เสียงมันเหมือนเสียงน้ำเดือด หรือเสียงหวีดๆ แหลมๆ ดังยาวๆ นานๆ น่ะแหละครับ ผมสงสัยมาก กลัวว่าแก๊สที่ร้านค้าแถวๆ นี้มันจะรั่วรึยังไง...แบบนี้ทิ้งไว้ไม่ได้ ก็เลยตามลูกน้อง สองสามคนไปดูด้วยกัน"ตอนเดินไปหลังห้าง ผมเห็นพวกนายหนุ่ม เดินยามอยู่ข้างใน ผมก็วอ.ไปถามว่ามีอะไรผิดปกติมั้ย เค้าก็ว่าไม่มีแต่ตอนที่ผมวอ.เสียงหวีดที่ว่ามันยังดังอยู่เลยนะเราเดินกัน ไปหลังห้าง...แต่ยังไม่ทันไปถึงเลย...?พวกเราก็ดันไปเจอต้นตอเสียงหวีดที่ ว่า เข้าเสียก่อน...??แล้วมันเสียงอะไรล่ะ อาตี๋...??

 

คำ ถามนี้เป็นเสียงของคุณลุงแก่ๆ ที่เปิดร้านขายขนมเล็กๆ อยู่ข้างๆ ห้างที่พวกเรามานั่งคุยในร้านแกนี่แหละ ร้านแกเช่าพื้นที่ในห้างมาทำการค้า...แกเป็นคนต่างจังหวัด และออกจะสนิทสนมกับพนักงานห้างหรือพวกยามและรปภ.เป็นที่สุด?...นี่แหละ ลุง ผมกำลังจะเล่าอยู่นี่แหละ...ไอ้เสียงที่ว่านั้น มันเป็นเสียง...เปรต...เสียงเปรต คุณมด...ผมกับเด็กๆ ตกใจแทบช๊อกเลย มันยืนสูงเด่นตระหง่าน เห็นเป็นเงาดำมืดสูงปรี๊ดอยู่หลังห้างนี่เอง...แล้วไอ้เสียงหวีดดังๆ ยาวๆ ก็ดังมาจากตัวมันนี่แหละ ผมกับลูกน้องแข้งขาสั่นไปหมดไม่เคยเจออะไรที่น่ากลัวแบบนี้เลย...อู๊ย พูดแล้วขนยังลุกอยู่เลยดูซิลุง?แกว่าแล้วก็เอามือลูบแขนอยู่ไปมา...ท่าทางแก ยังกลัวไม่หายเหมือนกัน?ฮื้อ โดนแบบนี้ ยังไงไปทำบุญซะนะ อาตี๋ เพราะที่เค้ามาปรากฏร่างให้เห็น่ะท่าทางเค้าจะมาขอส่วนบุญอาตี๋รับได้เค้าก็ เลยมาให้เห็นนั่นแหละ...ยังไงๆ ตามลูกน้องที่เห็นด้วยกัน ไปทำบุญให้ซะ...รู้มั้ย??นายตี๋รับคำ ในขณะที่ผมสั่งกาแฟเย็นจากคุณลุง มาทานไปแล้วนั่งคุยไปพร้อมๆ กับนายตี๋และคุณลุง เราคุยกันสารพัดเรื่อง สุดท้ายคุณลุงแกก็พูดขึ้นมาว่า... อ่านต่อตอน2

ตอน 2

 

?...อืมม์ แบบนี้อาตี๋ ท่าจะมีเซ้นซ์ที่สื่อสารกับผี หรือคนตายได้...ดีๆ อีแบบนี้ เกิดลุงตายไปจะมาหาอาตี๋นี่แหละเป็นคนแรก...?

 

นาย ตี๋รีบโวยวายว่าไม่ต้องมาเลยนะลุง แล้วทั้งสองคนก็หัวเราะกันใหญ่...ในขณะที่ทั้งสองคนคุยกัน ผมกลับรู้สึกแปล๊บๆ กับคำพูดของคุณลุงแก อาการแบบนี้ผมเคยเจอมาแล้วครั้งหนึ่ง ผมเชื่อว่ามันน่าจะเป็นลางสังหรณ์อะไรสักอย่างเป็นแน่ แต่ทว่าในวันนั้นผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกไปเลยแล้วก็นั่งคุยอยู่อย่างนั้น จนทานกาแฟเย็นหมดแก้ว ผมก็ขอตัวกลับ ก่อนจะกลับผมลานายตี๋และคุณลุง แกก็บอกว่า

 

?ไว้ คราวหน้ามาคุยกันใหม่นะคุณมด...แต่...เอ...ไม่รู้คุณมดจะมาเมื่อไหร่ เพราะผมกะจะขึ้นไปเยี่ยมหลานที่บ้านสักหน่อย...คราวนี้คงไปนานเหมือนกัน ไม่รู้ว่าได้เจอกันอีกมั้ยเพราะขายที่นี่ ผมก็เหนื่อยมากแล้วว่าจะให้ลูกๆ หลานๆ มาขายแทน...ยังไงดูก่อน...แล้วกัน โชคดีนะคุณมด?ผมยกมือไหว้ ลาคุณลุงแกออกมา โดยยังมีความรู้สึกแปล๊บๆ ที่ว่านั้นอยู่...แล้วหลังจากนั้น ผมก็ไม่ได้กลับไปที่ห้างนั้นเลย จนเวลาล่วงเลยมาอีกในราวสองสัปดาห์...

 

?...ปรากฏ ว่าทางห้างฯโดยคุณเก๋ที่เป็นลูกน้องพี่อ้อมแผนกจัดซื้อ แกโทรมาหาผมถามว่ามีสินค้าใหม่ๆ บ้างมั้ย ผมก็ว่ายังไม่มีเลย กำลังผลิตอยู่...แล้วแกก็บอกว่า ให้นำสินค้าสองสามตัวมาเติมได้แล้วเพราะของพร่องไปมาก แสดงว่าขายดี ผมก็เลยเตรียมของขึ้นรถ กะว่าจะไปลงของที่ห้างบ่ายนี้?ผมถามคุณเก๋ว่า แล้วคราวนี้ ผมต้องไปขอรหัสอีกมั้ย หรือว่าลงรหัสเก่าได้เลย คุณเก๋ก็ว่าใช้รหัสและบาร์โค้ดเก่าได้ ยังไงแค่เอาใบส่งสินค้ามาให้เซ็นก็พอแล้วบ่ายวันนั้นฝนตกลงมาแต่ผมอยู่กลาง ทางกำลังลังเลว่า จะเอายังไงดีสุดท้ายก็ตัดสินใจไปที่ห้าง พอไปถึงห้างฝนก็หยุดขาดเม็ดไปแล้วผมเอารถลงไปที่ลานจอดแล้วขนของพร้อมเอา บัตรจอดรถให้ทางหน้าร้านแสต็มป์มาด้วยเลยการขนส่งและวางของจัดของขึ้นชั้น คราวนี้ไม่ช้าอย่างที่คิด เพราะไม่ต้องขอรหัสและบาร์โค้ดใหม่ เพียงแต่เอาใบส่งของไปให้พนักงานหน้าร้านเซ็นว่าได้รับของแล้วก็เท่านั้น

 

หลัง จากส่งของเสร็จ ผมก็ลงมากะว่าจะไปหาอะไรดื่มเหมือนทุกครั้ง พอลงมาก็เจอนายตี๋ นั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์หน้าห้าง พอนายตี๋เห็นผมเข้าก็เรียกเหมือนเคย ผมเลยชวนไปทานน้ำร้านคุณลุงพูดถึงตรงนี้ นายตี๋สะดุ้งเฮือกทันที ผมเห็นว่าแกผิดสังเกต ออกอาการไม่ปกติก็ถามว่า แกเป็นอะไรไปรึเปล่า?แกมองหน้าผม และถอนหายใจดังเฮือก ก่อนจะบอกว่า

 

?...นี่ท่าทางคุณมด จะยังไม่รู้เรื่องอะไรเลยล่ะซิเนี่ย??ผมงงๆ ได้แต่ส่ายหน้าแล้วถามนายตี๋ว่า เรื่องอะไร... อ่านต่อตอน3

ตอน 3

 

?ทำไม มีเรื่องอะไรกันรึ??นายตี๋ถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่ ก่อนจะลากแขนผมมานั่งที่ข้างๆ เคาน์เตอร์ พลางบอกว่า

 

?คุณ มดคงยังไม่รู้...คุณลุงขายน้ำ แกตายแล้วนะ...?ผมตกใจ ร้อง ฮ๊า...ดังลั่น อะไรกัน ก็วันก่อนผมผ่านมาก็ยังเห็นแกอยู่เลยนี่นา แล้วไหงตอนนี้นายตี๋ มาบอกว่าแก...?จริงๆ คุณมด คุณลุงแกเสียไปแล้ว เสียไปเมื่อวันก่อนนี่เอง แกประสบอุบัติเหตุรถคว่ำระหว่างเดินทางกลับมาที่กรุงเทพฯนี่แหละ...น่า เสียดายแกมาไม่ถึงร้าน...ไม่ซิ คงจะมาถถึงแล้วล่ะ...?นายตี๋ พูดอยย่างเศร้าๆ ผมถามว่าแล้วแกรู้ข่าวได้ยังไง นายตี่อ้ำๆ อึ้งๆ ก่อนจะกระซิบบอกผมเบาๆ ว่า?ไม่รู้ ผมเล่าไปคุณมดจะเชื่อผมรึเปล่า...แต่ทว่าคืนนั้นผมเจออะไรแบบนี้ พบกับคุณลุงแกแบบนี้จริงๆ แกมาหาผมถึงที่นี่นั่นแหละ ผมเองก็สงสัยและเอะใจว่ามันยังไงกัน...?แล้วนายตี๋ก็เล่าเรื่องที่เค้าเผชิญ มาให้ผมฟังว่า?...เรื่องของเรื่อง...มันนี่เลย...คุณมด...?เค้าว่าพลางถอน หายใจอีกเฮือกใหญ่ นิ่งไปชั่วครู่ แล้วก็เล่าเรื่องเหล่านั้นออกมาช้าๆ ...?...วันนั้น ผมอยู่ยาม เราเป็นหัวหน้ารปภ.ก็ต้องมาก่อน...ผมสงสัยมาหลายวันแล้ว เห็นว่าก่อนหน้านั้น ลุงแกว่าจากลับบ้าน แกก็เที่ยวไปลาคนนั้นคนนี้เพราะคนแถวนี้พ่อค้าแม่ค้าสนิทกับแกทั้งนั้น...?

 

วัน นั้น แกยังมาลาผมเลย...มาให้ศีลให้พร บอกว่ายังไม่รู้นะว่าจะได้กลับมารึเปล่าถ้าเป็นคนอื่นมาอยู่ร้านแทน ก็แปลว่าแกต้องอยู่ทางโน้น เพื่อดูแลหลานแกแล้ว?โชคดีนะตี่...แล้วยังไงลุงจะติดต่อมาหาตี๋อีก...แกว่า ยังงั้น...แล้วแกก็ออกไป?

 

นาย ตี๋ ถอนหายใจดังเฮือกพร้อมกับบอกว่า...?...แต่ผมไม่คิดเลยนะคุณมด...ไม่คิดว่า ไอ้ที่ผมเห็นแกวันนั้น มันจะเป็นครั้งสุดท้ายไปได้...?...แกหายไปหลายวัน ปิดร้านเอาผ้าคลุมเก็บของทุกอย่างล็อกกุญแจอย่างดีเลย แล้วก่อนจะไปแกก็ฝากร้านไว้กับผมพร้อมกับบอกว่า?...ถ้าลุงไม่ได้กลับมา ยังไงคนที่ดูแลร้านแทนลุง ก็น่าจะเป็นลูกหรือหลานของแกคนใดคนหนึ่ง ยังไงลุงไหว้วานตี๋ ช่วยดูแลเค้าด้วยก็แล้วกันนะ...แต่ถ้าไม่มีอะไร ลุงก็จะกลับมาขายน้ำอย่างเดิม...? แกว่าอย่างนั้นผมก็ว่า เอาเถอะลุง ไม่ต้องห่วง ถ้าหลานลุงมา มีอะไรช่วยได้ผมก้จะช่วยเหลือทุกๆ อย่างก็แล้วกัน เพราะผมคิดกับแกว่า...คุณลุงแก ถึงแม้ไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติ...?...สมัยที่ผมเพิ่งมาเป็นรปภ.ที่นี่ใหม่ๆ มีอะไรแกก็คุยกับผม มีอะไรก็ช่วยเหลือผม เลี้ยงน้ำ เลี้ยงข้าวผมสารพัดผมจะตอบแทนแกได้ก็คราวนี้แหละ...?นายตี๋ เค้าว่าอย่างนั้น แล้วก็นิ่งลำดับเรื่องราวก่อนจะเล่าต่อว่า?...ในอีกสองสามวันต่อมา วันนั้นฝนมันลงหนัก คุณมดจำได้มั้ย...วันอังคารที่ผ่านมานี่แหละ ฝนมันตกหนักตอนบ่ายๆ เรื่อยไปจนหัวค่ำ...?นายตี๋หันมาถามผม ผมพยักหน้าพอจะนึกออก เพราะวันนั้นฝนลงหนักมาก กว่าจะหยุดกว่าจะซา ก็ปาเข้าไปเกือบห้าทุ่ม...แล้วตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา ฝนมันก็ตกไม่ได้หยุดอีกเลยตกมาจนกระทั่งวันนี้ เพิ่งจะขาดเม็ดเมื่อสักครู่ใหญ่นี่เองและคิดว่าเย็นนี้มันก็คงจะตกอีกผมเลิก สนใจเรื่องฝนหันมาสนใจนายตี๋ ที่กำลังเล่าเรื่องคุณลุงค้างเอาไว้ เค้าเริ่มเล่าต่อว่า?...วันนั้น ฝนมันลงหนักตั้งแต่บ่ายแก่ๆ ไปจนเย็นรถติดกันเป็นแพ หน้าห้างนี่แทบจะไม่ขยับเขยื้อนเลย พอฝนซาเกือบจะขาดเม็ดก็นู่น ราวๆ สักทุ่มครึ่งได้...ปรากฏว่าวันนั้น พอฝนซาลูกค้าก็ทยอยกลับกันหมดสองทุ่มในห้างแทบจะไม่มีคนเดินแล้วเพราะฝนมัน ยังไม่หยุดร้านค้าข้างนอกนี่ ปิดร้านกลับไปหมดแล้ว?ขณะที่ฝนมันเริ่มลงหนักมาอีก ผมนั่งอยู่ตรงนี้ ก็เห็นว่ามีใครบางคนเดินฝ่าสายฝน ไม่กางร่มมาด้วย...?...ผมเพ่งสายตามอง ทีแรกก็ไม่เห็นชัดนัก เพราะฝนมันลงหนัก...พอเค้าเดินมาใกล้ๆ ให้ตายซิคุณมด...เป็นคุณลุงแกเดินตากฝนมา มาถึงก็มาทักทายผม ผมก็สงสัยเอ๊ะ...แกมาทำไม ดึกดื่นแบบนี้? ผมก็ถามแกว่า... อ่านต่อตอนจบ

ตอนจบ

 

?อ้าว ลุงกลับมาแล้วเรอะ...ไหงฝ่าฝนมาแบบนี้ล่ะ เดี่ยวก็ไม่สบายหรอก...?แกพูดขึ้นเบาๆ ว่า ?ไม่เป็นไร ลุงชินซะแล้ว...แล้วแกก็เงียบไปอีก? ผมก็เลยถามแกว่า?...ว่าแต่ลุงเหอะ มาทำอะไรตอนนี้ล่ะ ห้างมันจะปิดอยู่แล้วนา คนอื่นๆ เค้าก็กลับไปกันหมดแล้วด้วยวันนี้มันขายไม่ค่อยดี ฝนมันตกทั้งวันเลย?แกก็นิ่ง ไม่พูดอะไร ผมถามคำแกก็ตอบคำ เป็นแบบนี้อยู่แป๊บนึง?แล้วจู่ๆ แกก็พูดว่า ท่าทางลุงจะไม่ได้กลับมาขายของที่นี่อีกแล้วล่ะ ลุงมาที่นี่ก็จะมาลานายตี๋นั่นแหละ ยังไงบอกคนอื่นๆ ด้วยก็แล้วกันนะ?ผมถามว่าทำไมล่ะลุง...ตกลงหลานลุงเค้าให้ลุงอยู่ที่บ้านดู แลหลานเรอะ...?แกก็ว่าไม่ใช่ๆ ...แต่ว่า แกจะต้องไปที่อื่นที่ไกลมากๆ คงไม่มีเวลามาขายของที่นี่แล้ว แล้วเห็นทีร้านนี้แกก็คงจะเซ้งต่อ...ยังไงหลานแกจะมาติดต่อทีหลัง ถึงเวลานั้นแกขอให้ผมช่วยเหลืออำนวยความสะดวกด้วย?

 

ผม ก็ว่า...ได้เลยลุง...ไม่มีปัญหา...แกก็ยิ้ม?ตอนนั้น สักสามทุ่มได้แล้วมั้ง ตรงที่ผมอยู่ยามนี่มันเป็นมุมอับข้างห้างไง แกก็มายืนคุยกับผม โดยไม่มีใครเห็นหรือเห็นเค้าก็คิดว่าเราสองคนคุยกันธรรมดาๆ?แกคุยอยู่ครู่ หนึ่ง ผมถึงเริ่มสังเกตว่า เอ๊ะ...ทำไมเสื้อแกไม่เปียกเลยวะ...ทั้งๆ ที่แกก็เพิ่งเดินตากฝนมาเดี่ยวนี้เองนี่หว่า...แถมร่มแกก็ไม่กางมาด้วย ...กำลังจะถาม ก็เหมือนแกจะรู้ แกเปลี่ยนเรื่องพูดเรื่องนั้นเรื่องนี้...แต่มันก็น่าแปลกนะคุณมดผมรู้สึก ว่า เสียงแกเบามากเหมือนแกพูดแบบกระซิบกระซาบนั่นแหละ หลายคำที่ผมต้องถามย้ำแกว่า...อะไรนะครับ ว่าไงนะครับ ดังๆ หน่อยครับ แกก็เร่งเสียงแกดังขึ้นมานิดนึง?...แล้วเดี๋ยวเดียว เสียงแกก็หายไปอีก ผมคิดว่า แกคงไม่สบายอยู่ด้วยแล้วยิ่งแกมาเดินตากฝนแบบนี้ด้วยนะ เดี่ยวได้ไปกันใหญ่แน่ๆ?มีอยู่ครั้งสองครั้งที่คุยๆ กันพอผมลุกขึ้นไปดูที่หน้าห้างเพราะเด็กมันวอ.เรียกมา ผมก็ลุกไป หันกลับมากำลังจะบอกแกว่า...ลุงรอเดี๋ยวนะ ก็ปรากฏว่า แกหายตัวไปแล้ว...แกหายไปได้ยังไงวะ เร็วจริงๆ เลย ผมก็นึกว่าแกคงไปเข้าห้องน้ำนอกห้างที่ยังไม่ปิด พอดูรถดูหน้าห้างเสร็จ ผมหันกลับมาอีกที...?ปรากฏว่านี่...แกมายืนอยู่ข้างหลังผมแล้ว ผมสะดุ้งโหยงตกใจเลย ไม่คิดว่าแกจะมายืนอยู่ตรงนี้เงียบๆ ผมบอกว่า...ว้าแล้วกันซิลุง ทำไมมาอยู่ข้างหลังผมเงียบๆ แบบนี้เล่า ตกใจหมดเลย...ผมนึกว่าลุงเป็นผีซะอีก?แกไม่พูดอะไร ได้แต่ยิ้มๆ แล้วหัวเราะ หึ

หึ เหมือนมีเลศนัย แกบอกว่า?...ตี๋ ตี๋จำได้มั้ยที่ลุงบอกว่า ถ้าลุงเป็นอะไรไป ลุงจะมาหาตี่เป็นคนแรกน่ะ...??ผมก็ว่า จำได้เพราะวันนั้นที่แกว่า คุณมดก็อยู่ด้วยกันนี่นาใช่มั้ย? นายตี๋หันมาถามผม ผมก็จำได้เลยบอกเค้าไปว่า?...ใช่ๆ วันนั้น ผมก็อยู่ด้วยผมเห็นแกพูดชอบกลๆ อยู่เหมือนกัน...?

 

นาย ตี๋บอกว่า นั่นแหละแกก็บอกลุงแกไปว่าอย่างนั้นแกก็ว่า?...ตอนนี้ ลุงก็ได้ทำอย่างที่ว่าแล้วนะยังไงตี๋รักษาตัวด้วยลุงเห็นท่าจะมาหาตี๋และคน อื่นไม่ได้อีกแล้วมันไม่สะดวก ฝากลาคุณมดและทุกคนด้วยเอาไว้เมื่อถึงเวลาจริงๆ เราอาจจะได้พบกันอีกนะ...แล้วแกลาไป?

 

ผม งงๆ เลยนะ แกพูดอะไรของแกวะ ตอนนั้นผมยังไม่เข้าใจเห็นแกว่าจะกลับผมก็ยกมือไหว้ลาแก แกก็ว่าโชคดีมีสุขแล้วแกก็เดินกลับไปเหมือนที่แกเดินมา...เดินกรำฝนปรอยๆ ออกไปนั่นแหละ

 

ผม ตะโกนถามแกว่า ?ลุงเอาร่มมั้ย?? แกก็หันมาโบกมือบอกว่าไม่ต้อง...?ตี๋เอาไว้ใช้เหอะ อีกสักเดี๋ยวฝนจะตกหนัก ลุงไปแค่นี้เอง เค้ามารอลุงแล้ว...ผมก็มองใครมารอแกฟะ...หรือว่าจะเป็นญาติแกก็ไม่รู้ พอแกเดินไปผมก็มองตาม...ก็พอดีมีโทรศัพท์เข่ามาซะก่อน ผมละสายตาจากที่ดูแกมารับโทรศัพท์...พอหันไปดูอีกที แกก็หายไปแล้วผมละงงจริงๆ เลย แกเดินไวชะมัดเลยแฮะ...แต่พอผมรับโทรศัพท์ ผมก็แทบช็อก เพราะคุณป้าที่อยู่ร้านข้างๆ แกโทรมาบอกผมว่า...

 

?ญาติๆ ของลุงที่แกรู้จักโทรมาบอกว่า ลุงแกเสียแล้วด้วยอุบัติเหตุเมื่อบ่ายวันนี้เอง...????

 
 

เรื่องโดย...ดอกไม้จันทน์ ขอขอบคุณ นิตยสารผี๔๘

Written by on

Written by on

ผีเรือน

?ป๊อป?เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากห้องคนขับรถ ทุกวันเสาร์ผมมักจะตื่นสายเพราะไม่ต้องไปโรงเรียน แต่เสาร์นั้นจำได้ว่าเสียงวุ่นวายในบ้านทำให้ผมลืมตาขึ้นทั้งที่กำลังฝันมันๆ ตั้งสติสักพักก่อนจะลุกไปเปิดม่านหน้าต่างมองลงไปข้างล่าง

 

จาก ห้องนอนผมจะมองเห็นเรือนคนรับใช้ที่ปลูกขนานไปกับแนวรั้ว มันเป็นเรือนชั้นเดียว หลังคาลาดเอียงสีเขียวแบ่งเป็น 3 ห้องนอน ห้องริมสุดด้านโน้นเป็นห้องของนายหมานคนขับรถของคุณยาย ผมเรียกแกว่าลุงหมาน แม้จะชอบดื่มเหล้าแต่ก็ขับรถดีไม่มีอุบัติเหตุเลย

 

ลุง หมานเป็นชายวัย 40 เศษที่โสดสนิท ไม่ใช่เพราะอัปลักษณ์อย่างเดียว แต่เป็นที่นิสัยใจคอ จะว่าเป็นคนเลวก็ไม่ใช่ แกโหลยโท่ยซะมากกว่า คือขี้เกียจและไม่มีน้ำจิตน้ำใจกับใครเลย ที่จริงแกขี้คุย หัวเราะเก่ง แต่ลึกๆ แล้วเห็นแก่ตัวเป็นที่หนึ่ง

 

คุณ ยายไม่ได้ตั้งใจจ้างแกหรอก แต่เพื่อนพามา บอกว่าสงสารเพราะไอ้เจ้าคนนี้หางานทำไม่ได้ ไม่มีใครเอา เพื่อนฝูงก็ดูถูกเพราะตามเขาไปกินตลอดแต่ไม่เคยจ่ายเงิน ขืนปล่อยให้ว่างงานก็คงไม่แคล้วอดตาย หรือไม่ก็เป็นโจรไปเลย

 

ท่าทางลุงหมานไม่มีพิษสงอะไร ตาเศร้าๆ หน้าหมองๆ คุณยายสงสารก็เลยรับไว้ โดยยอมทนรำคาญกับนิสัยแย่ๆ หลายอย่างของแก

 

แปลก นะ...ลุงหมานอยู่กับเรามาถึง 10 ปีแน่ะครับ คุณยายบอกว่าไม่ถึงกับดีมาก แต่ก็ไม่เลว คนเราถ้าซื่อสัตย์ไม่ลักไม่ขโมยก็พอจะอยู่กันได้ ไอ้เรื่องโกหกตอแหลขี้โม้น่ะคุณยายรู้ทันแต่ก็เฉยไว้ ผมละเซ็งจริงๆ.. อ่านต่อตอน2

ตอน 2

 

และ แล้ว...อยู่มาวันหนึ่ง คือเมื่อ 2-3 วันมานี่เอง เงินปึกใหญ่ของคุณยายก็หายจากกระเป๋าสตางค์ที่เก็บไว้ในกระเป๋าถือใหญ่ เงินที่หายไปน่ะตั้งสามหมื่นเชียวนะครับ คุณยายเตรียมไว้จะซ่อมแซมห้องน้ำ ...อดเลย! ที่สำคัญมันหายไปในบ้านเรานี่แหละ

 

คุณ ยายจำได้ว่าวันนั้นลงจากรถ พอดีเพื่อนแวะมาหา ลุงหมานขับรถเลยไปจอดในโรงรถ โดยกระเป๋าถือคุณยายยังอยู่เบาะหลัง และคุณยายก็ลืมไปเลย กว่าจะนึกได้อีกทีก็ผ่านไปหลายชั่วโมง...เงินก็ล่องหนหายไปโดยไม่รู้จะโทษ ใครได้ทั้งที่สงสัยลุงหมานมากที่สุด แต่อย่างว่าละครับ จับไม่ได้คาหนังคาเขานี่นา!

 

พอถึงเช้านี้ เขาก็วุ่นวายกันอยู่ที่หน้าห้องลุงหมาน

 

เอ๊ะ! มีอะไรกันแน่ๆ ผมต้องลงไปดูซะหน่อยแล้วละ

 

ไม่ ใช่หรอกครับ...ไม่ใช่ที่ผมคิดว่าคุณยายเอาตำรวจมาจับลุงหมาน แต่มันน่าตื่นเต้นยิ่งกว่านั้นตั้งหลายเท่า...ผมขนลุกไปหมดแล้วนะเนี่ย!

 

ลุง หมานนั่งหน้าซีดเป็นไก่ต้มอยู่ที่เก้าอี้หน้าห้องแกขณะที่คนอื่นๆ จ้องขึ้นไปบนเพดาน พลางวิพากษ์วิจารณ์กันใหญ่...ผมมองตามสายตาของทุกคนไปตรงนั้นแล้วก็ต้อง สะดุ้งโหยง หลุดปากร้องเฮ้ย! ออกมาซะลั่นบ้าน

 

เพดานห้องด้นในที่ตรงกับหัวเตียงลุงหมาน มีรอยฝ่าเท้าขนาดใหญ่มหึมาปรากฏอยู่เด่นชัด!!

 

มัน ไปอยู่ตรงนั้นได้ไง? และใครจะมีรอยเท้าใหญ่ขนาดนั้น...ใหญ่กว่าไฟเพดานห้องน่ะครับ นี่แสดงว่าเจ้าของรอยฝ่าเท้าจะต้องตัวโตมหึมากว่ามนุษย์ธรรมดาอย่างน้อย 3-4 เท่า

 

ผม สาบานได้ว่าเป็นรอยเท้าอย่างชัดเจน เท้าข้างซ้ายครับ มีเส้น มีนิ้วเท้าครบถ้วน เหมือนเราเอาเท้าจุ่มโคลนแล้วประทับไว้ แต่มันเป็นปาฏิหาริย์จริงๆ ซึ่งตรงกับหัวหรือหน้าลุงหมานที่กำลังนอนบนเตียงพอดี...สยองเหลือกำลัง..อ่านต่อตอนจบ

ตอนจบ

 

ลุง หมานท่าทางคิดหนัก ทำหน้าคล้ายคนกำลังจับไข้ แกเล่าว่าคืนก่อนแกนอนๆ อยู่ได้ยินเสียงคนเดินหนักๆ บนกระเบื้องหลังคา รับรองว่าไม่ใช่แมวหรือหนู แต่เป็นเสียงฝีเท้าก้าวยาวๆ 3-4 ก้าว วนไปวนมา แกนอนตัวแข็ง นึกไม่ออกว่าเป็นผีเรือนหรือขโมย ?

 

ถ้าเป็นผีแกไม่ออกมาหรอก ถึงเป็นขโมยก็เถอะ! ปล่อยให้มันขโมยไปซิ เรื่องอะไรจะเอาตัวมาเสี่ยง?

 

พอ ตอนเช้าเมื่อนวานตื่นมาก็ไม่มีอะไร ครั้นถึงเช้านี้ พอตื่นแกก็บิดขี้เกียจกลับไปกลับมา พอลืมตา...แกชาวาบหัวใจแทบหยุดเต้น เมื่อเห็นรอยเท้าสยองขวัญเหยียบเต็มเพดาน!

 

คุณ ยายบอกว่านั่นคือผีบ้านผีเรือนแน่ๆ ท่านมมาเตือนมาบอกอะไรบางอย่าง! ลุงหมานเข้าใจทันที เย็นนั้นแกเอาเงินมาคืนคุณยายแล้วก้มลงกราบอย่างงาม แกขออยู่ต่ออย่าไล่แกออกเลย...คุณยายเห็นว่าคนลองกลัวขนาดนี้ก็คงพออยู่กัน ได้

 

ลุงหมานยังโหล่ยโท่ยเหมือนเดิม แต่ผมว่านิสัยแกดีขึ้นทันตาเห็นเลยละครับ!

 

ขอขอบคุณ หนังสือพิมพ์ข่าวสด

Written by on

Written by on

ซ่อนหาอาถรรพณ์

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ 1 เดือนที่แล้ว วันนั้นพ่อได้พาผมไปต่างจังหวัด ไปเยี่ยมญาติที่จังหวัดสงขลา ผมออกเดินทางประมาณ 07.35 น. และถึงสงขลาเวลา 15.30 น. เพราะผมอยู่ภูเก็ตเลยไปถึงเร็ว

 

เมื่อไปถึงสงขลาก็ไปบ้านญาติเลยไม่รีรอใคร บ้านญาติของผมอยู่ตรงกับวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดสงขลา บ้านแถวนั้นจะอยู่ติดกันเป็นแถวครับ

 

วัน รุ่งขึ้นเวลาประมาณ 19.22 น. ผมอยู่ที่หน้าบ้าน และวันนั้นเป็นวันเสาร์ (คนโบราณถือว่าวันเสาร์เป็นวันปล่อยผี) ?พี่ริว? ซึ่งเป็นพี่ใหญ่สุดในกลุ่มนี้ และเป็นพี่ไม่แท้ของผมด้วย ได้เสนอขึ้นว่า

 

?เรามาเล่นซ่อนหากันดีกว่า?

 

และ เราก็เล่นซ่อนหากันที่เราเล่นเพราะเราไม่มีอะไรจะเล่นแล้ว แล้วก็ยังรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ว่าซ่อนหาเขาห้ามเล่นหลัง 18.00 น.ขึ้นไป แถมวันนั้นยังเป็นวันเสาร์อีกด้วย

 

เวลาเราเล่น เราจะนับ 1-50 ตอนนั้นทุกคนวิ่งไปหาที่ซ่อนกันได้หมดแล้ว เหลือแต่พี่ริว

 

?35, 36? พอนับจวนจะถึง 50 อยู่แล้ว พี่ริวก็ได้วิ่งไปซ่อนที่หลังโลงศพ

 

?40, 41? พี่ริวกังวลว่าคนที่กำลังปิดตาอยู่เนี่ยจะหาเจอ เลยเข้าไปแอบในโลงศพ

 

?48, 49, 50?

 

ตอนนี้ถึง 50 แล้ว คนที่เป็นก็ตามหาคนที่ซ่อนอยู่ ผ่านไปประมาณ 2 นาที คนที่ปิดตาหาทุกคนเจอหมดแล้วยกเว้นแต่พี่ริว

 

?พี่ริว...พี่ริว? ผมตะโกน... อ่านต่อตอนจบ..

ตอนจบ

 

พี่ ริวก็ไม่ออกมา และพวกเราก็ออกเดินตามหา พอดีผมนึกขึ้นได้ว่า พี่ริววิ่งไปแอบที่หลังโลงศพ ผมจึงได้ไปบอกเพื่อนๆ และพวกเราก็พากันเดินไปหาพี่ริว พอพวกเราเดินไปใกล้จะถึงโลงศพ ก็กล้าๆ กลัวๆ อยู่เหมือนกัน

 

ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก

 

เราได้ยินเสียงเหมือนใครเคาะโลง พวกเราทุกคนสะดุ้งกันหมด ตอนแรกพวกเราก็นึกว่าพี่ริวคงแกล้งมั้ง

 

?ช่วยด้วย! ช่วยด้วย!?

 

คราวนี้คงไม่ใช่การกลั่นแกล้งอย่างแน่นอน เราทุกคนจึงใช้มือจับที่ฝาโลงทุกคน

 

?ช่วยด้วย! พี่อยู่ในนี้?

 

ตอนแรกพวกเราก็นึกว่าพี่ริวแกล้ง...แต่ไม่ใช่...พวกเราก็เลยเอามือไปจับฝาโลงและนับ 1, 2, 3 แล้วพวกเราก็เปิดฝาโลง

 

ภาพ แรกที่พวกเราเห็นก็คือ เหมือนกับว่าพี่ริวนอนทับร่างหญิงชราคนหนึ่ง ซึ่งนิ้วมือและนิ้วเท้าหงิกงอ มีน้ำเหลืองไหลออกมาเยอะมากและมีหนอนไต่ตามตัวยั้วเยื้ยไปหมด

 

แล้ว พวกเราทั้งหมดก็วิ่งร้องไห้กันออกมา ส่วนพี่ริวก็ลุกขึ้นมา และมองไปที่โลงศพพี่ริวก็เห็นสภาพเดียวกับที่เราเห็น พี่ริวก็วิ่งและร้องไห้ออกมาเช่นเดียวกัน เมื่อถึงบ้านยายของพี่ริวจึงถามขึ้นว่า

 

?ริว...ริว...เป็นอะไรลูก? พี่ริวพูด แต่พูดแบบไม่เป็นภาษาและเส้นผมบนหัวของพี่ริวก็ร่วงด้วย

 

วันรุ่งขึ้นเส้นผมของพี่ริวก็ยังร่วงไม่หาย ยายของพี่ริวจึงได้พาไปหาหมอ และหมอก็ได้ให้ยามากิน แต่ก็ไม่หาย

 

ยายก็พาไปหาหมออีกทีแต่หมอบอกว่า ถ้ากินยาแล้วรักษาไม่หาย คือโรคนี้ไม่สามารถรักษาหายได้ และในที่สุดพี่ริวก็เสียชีวิต

 
 

นัดนครนายก : เรื่อง ขอขอบคุณ นิตยสาร ผี ๔๘

Written by on

Written by on

บ้านนี้ผีอยู่

?เฟิร์น? เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากบ้านพักชายทะเล ฉันรู้สึกว่าบ้านพักนี้มีอะไรผิดปกติตั้งแต่ก้าวแรกที่มาถึงแล้วละ!

 

วัน นั้นฉันกับเพื่อนๆ อีก 7 คนตั้งใจจะไปเที่ยวทะเลที่หัวหินกัน เพราะอยู่ในช่วงปิดภาคเรียน แต่ทั้งโรงแรมและรีสอร์ตต่างๆเต็มหมด แหม! ตอนนั้นกำลังไฮซีซั่นนี่คะ เขาจองล่วงหน้ากันเป็นเดือนๆ นี่เราตัดสินใจปุ๊บก็ไปปั๊บตามประสาวัยรุ่นใจ ร้อนก็เลยคว้าง

 

ทำ ไงดี? เราว่างตรงกันอาทิตย์นี้เท่านั้น เลยจากนี้ไปก็อดเที่ยวด้วยกันน่ะซิ ไม่เป็นไร เจ้าอ๊อดเพื่อนหนุ่มของเราบอกว่ามีคนรู้จัก แนะนำว่าที่ปราณบุรีมีบ้านพักตากอากาศที่เจ้าของเปิดให้เช่า เจ้าอ๊อดจะติดต่อให้

 

เป็น อันว่าเราตกลงไปพัก 3 คืน 4 วัน บ้านนี้อยู่ติดทะเลเลยค่ะ เป็นส่วนตัวดีจัง เรื่องอาหารการกินหายห่วง อ๊อดบอกว่าตลาดกับร้านอาหารทะเลน่ะอยู่ไม่ไกลหรอก แถมอ๊อดยังมีรถตู้พ่อที่ยืมมาเที่ยว...โอกาสดีๆ อย่างนี้จะหาได้ที่ไหน

 

วัน ที่เราออกเดินทางน่ะ ฝนฟ้าขมุกขมัวเพราะพายุเข้า แต่เราไม่ท้อ คิดไปในทางบวกก็คือแดดไม่ร้อน อ๊อดขับรถสบาย ไปช้าๆ ไม่ต้องรีบร้อนเพราะถือคติปลอดภัยไว้ก่อน! ยิ่งใกล้เราก็ยิ่งตื่นเต้น รถแล่นผ่านไร่สับปะรดตรงไปชายหาดใกล้กับเขากะโหลก บริเวณนี้มีรีสอร์ตผุดขึ้นทั้งใหม่ทั้งเก่า น่าไปพักทั้งนั้นค่ะ.. อ่านต่อตอน2

ตอน 2

 

ใน ที่สุดเราก็มาถึงหน้าบ้านที่ล้อมด้วยรั้วไม้สูงค่อนข้างทึบ อ๊อดให้เหมี่ยวลงไปเปิดประตู กุญแจน่ะอยู่ที่อ๊อดแล้ว เจ้าของงบอกเราว่าตามสบาย ตอนบ่ายๆ จะมีคนเฝ้ามาดูแลความเรียบร้อยให้ แต่คนเฝ้าเขาก็จะกลับบ้านไป ไม่ได้อยู่ที่นี่

 

รถ ตรงเข้าประตูใหญ่ แล่นไปตามถนนโค้ง มีต้นมะม่วงและต้นไม้ใหญ่ร่มครึ้ม สนามตัดหญ้าเรียบร้อยดี แต่มันรู้สึกวังเวงพิกลจนขนลุก หนาวๆ ร้อนๆ บอกไม่ถูก

 

ฉัน มองไปรอบๆ แล้วก็ต้องสะดุ้งวาบ เพราะมองย้อนกลับไปที่รั้ว ฉันเห็นยายแก่คนหนึ่ง ตัวเล็ก ผอมเกร็ง ใส่เสื้อคอกลมแขนสั้นสีดำ ผ้าถุงสีดำ รวบผมมวย ผมแกหงอกเป็นสีเทา ใบหน้าอมทุกข์ แต่ตาแกโตมาก...หรือนี่คือคนเฝ้าบ้าน? ไม่น่าจะใช่นะ

 

เอ...เจ้า ของบอกว่าไม่มีใครอยู่ไงล่ะ แล้วคุณยายคนนี้เป็นใคร? แกยืนหลังโค้งๆ มือไพล่หลังจ้องเราเขม็งเชียว ฉันเห็นแว่บนึงว่าตาแกเป็นสีแดงจ้า...แต่ฉันคงตาฝาดละมั้ง?

 

สะกิด ให้แต้วดู แต้วหันไปมองแล้วถามว่าจะให้ดูอะไร แมวเรอะ? ฉันถามว่าไม่เห็นคุณยายคนนั้นรึไง แกน่ากลัวเหมือนหนังผี! แต่แต้วยังยืนยันว่าไม่เห็นใคร เห็นแต่แมวดำตัวใหญ่ นั่งโบกหางจ้องเราอยู่...ฉันขนลุกซู่เพราะรู้ว่าแต้วเห็นไปอีกอย่าง ฉันเห็นไปอีกอย่างจริงๆ แต่ตอนนั้นพูดไม่ออก มันงงไปหมดน่ะค่ะ

 

รถ จอดเทียบหน้าบ้าน พวกเราขนสัมภาระลงรถกันวุ่นวายสำหรับตัวฉันแล้ว ไอ้ความสนุกมันหมดไปเมื่อไรไม่รู้ เหลือแต่ความระแวงระไว แบบคนที่รู้ว่าเรื่องน่าขนลุกขนพองกำลังจะเกิดขึ้น!

 

ฉัน นอนห้องเดียวกับเพื่อนผู้หญิง 4 คน ส่วนผู้ชาย 3 คน นอนห้องข้างล่าง แต่ฉันว่าพวกเราไม่ค่อยได้นอนหรอก เล่นกันทั้งคืนมากกว่า คืนนั้น เรานั่งเล่นในห้องรับแขกข้างล่าง มีทีวีให้ดูด้วย พอดึกเข้าฉันง่วงแต่ไม่กล้าขึ้นนอนคนเดียว บรรยากาศน่ากลัว ลมพัดแรง ฟ้าแปลบปลาบ ฝนตกไกลๆ สักพักหนึ่งแต้วก็ขอขึ้นไปนอน ฉันเลยตามไปด้วย สรุปว่าตอนนี้มีฉันคนเดียวที่กลัวผี และขอให้แต้วเปิดไฟทิ้งไว้ด้วย...อ่านต่อตอนจบ

ตอนจบ

 

ฉัน นอนหลับๆ ตื่นๆ ทั้งที่รู้สึกเพลียมาก เวลาผ่านไปนานจริงๆ สักชั่วไมงกว่าฉันก็ยังไม่หลับสนิทซะที และแล้วก็ได้ยินเสียงแต้วร้องฮึดฮัดเหมือนฝันร้าย ฉันลุกขึ้นนั่งดูเพื่อน...ตาเธอหลับแต่คิ้วขมวด ไม่ขยับตัวเลย อึดใจต่อมาเธอกัดฟันพูดอะไรบางอย่างคล้ายคำว่า ?ช่วยด้วย? ฉันรีบเขย่าขาเธอ แล้วแต้วก็ตื่นหน้าซีดเผือด เหงื่ออเต็มตัว

 

แต้ว ดูอ่อนแรงและขวัญเสีย เธอบอกว่าถูกผีอำ เป็นผู้หญิงแก่! ฉันฟังแล้วก็คือคนเดียวกับที่ฉันเห็นนั่นแหละ! ทันใดนั้น เสียงผู้ชายที่อยู่ห้องข้างล่างก็โวยวายลั่นไปหมดตามด้วยคำด่าหยาบคาย ผลก็คือไฟทั้งบ้านดับพรึ่บ! ฉันกับแต้วโผเข้ากอดกันกลม ก่อนจะลงไปข้างล่างด้วยอาการตัวสั่นงันงก...เพื่อนๆ ทุกคนกำลังวุ่นวาย ผู้หญิงร้องไห้ ผู้ชายก็ยังด่าลมด่าแล้งไม่จบ และเราทุกคนก็ได้ยินเสียงตบฝาผนังจนบ้านสะเทือนติดต่อกันหลายปัง

 

ตอน หลังฉันถึงรู้ว่าที่ผู้ชายออกอาการอย่างนั้นเพราะอ๊อดกับเพื่อนหันไปเห็นยาย แก่มาที่ประตู และแกเลื่อนปราดไปที่หน้าต่าง...ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผี!

 

เรา เก็บของออกจากที่นั่นเดี่ยวนั้น รู้แล้วล่ะว่าทำไมเจ้าของถึงไม่มาอยู่...ผีดุขนาดนี้ใครจะอยู่ได้ แม้แต่เราที่เข้าพักแค่แป๊บเดียวยังโดนหลอกแทบตาย! บรื๋ออ...

ขอขอบคุณ หนังสือพิมพ์ ข่าวสด

Written by on