รวบรวมเรื่องราว เรื่องเล่า เกี่ยวกับกฏแห่งกรรม กฎแห่งการกระทำต่างๆ มานำเสนอให้แก่คุณผู้อ่าน เพื่อให้คุณผู้อ่านตระหนักถึงผลแห่งกรรมที่จะตามสนองเราได้หากเราทำความชั่ว และกรรมดีเมื่อเราทำความดี ช่วยกระตุ้นให้อยากทำความดี ละเว้นความชั่ว หมวดหมู่นี้ได้รวบรวมไว้ทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นจริง และเรื่องเล่า เพื่อสอนให้คนทั่วไปตระหนักถึงกฎแห่งกรรมกันมากขึ้น จะได้ไม่กล้าทำชั่ว ทำเลว สังคมจะได้เจริญและสงบสุข

Written by on

เรื่อง..แม่ลูกอ่อน

เวลาเริ่มเย็นลงเรื่อยๆ ไปแล้ว แสงตะวันยามเย็นสีแดงจัด เวลาส่องผ่านหมู่เมฆบนหัวแล้วทำให้เหมือนกับสีเลือดนก สีแดงเข้มเป็นมันปลาบ เวลาจะมองไปทางไหนก็รู้สึกให้สังเวชใจเป็นที่สุด

บริเวณใกล้โรงฆ่าสัตว์แถวบ้านบึง จังหวัดนครสวรรค์ ที่แถวนี้คนส่วนใหญ่จะรู้ดีว่าถ้าไม่จำเป็นก็ไม่อยากจะมา

1. ที่แถวนี้มีกลิ่นเหม็นเน่าของซากสัตว์ พวกวัว ควาย เน่าเหม็นไปหมด

2. อีกอย่างก็เมื่อประมาณ 2 เดือนเกิดเหตุร้ายในบ้านพักของงคนงานโรงฆ่าสัตว์ เมียของคนงานคนนึง เกิดลื่นหกล้มหัวฟาดพื้นตายคาห้องน้ำพร้อมกับลูกที่อยู่ในท้อง 7 เดือน ไหลทะลักออกมาข้างนอก มูลนิธิที่มาทำหน้าที่เก็บศพ บางคนเห็นแล้วยังทำใจสลดสังเวชไม่ได้ ตำรวจชันสูตรทั้งพยาน และหลักฐานในที่เกิดเหตุแล้วสรุปสำนวนว่า เป็นการลื่นหกล้มเสียชีวิตโดยหัวฟาดกับพื้นห้องน้ำเอง

สามีของผู้หญิงคนนี้มีชื่อว่า ยา เห็นว่าเสียสติจนแทบจะเป็นบ้า ทั้งชาวบ้านแถวนั้นต้องช่วยกันพาไปส่งโรงพยาบาลเพราะทำใจไม่ได้ที่เมียตัวเองจะต้องตายแบบกะทันหันแบบนี้ นอนสติเพ้อคลั่งถึงบาปกรรมที่ตัวเองทำไปกับเหล่าสัตว์ วัว ควาย ตัวแล้วตัวเล่าที่ตัวเองเป็นคนฆ่า

มีอยู่ตัวนึงที่เขาจดจำได้และมันก็เกิดขึ้นมานาน นานจนเกือบจะลืมไปแล้วถ้าไม่เกิดเหตุการณ์กับเมียตัวเองเสียก่อน

ย้อนหลังไปก่อนที่เมียเขาจะท้องได้ไม่นาน เถ้าแก่โรงฆ่าสัตว์เรียกเขาไปพบแล้วบอกว่า

ยา ลื้อขับรถไปตลาดวัวที่บ้านดอนลากหน่อย อั๊วมีวัวอยู่ 10 กว่าตัว ให้คนเตรียมไว้ให้แล้ว ลื้อขับรถไปเอามาได้เลย?

เถ้าแก่สั่งแล้วก็โยนพวงกุญแจรถสิบล้อมาให้

ครับเถ้าแก่ แล้วจะให้เอาไปเข้าคอกไว้ก่อน หรือจะเอาไปโรงฆ่าเลยครับ?

ยาถามพร้อมกับหยิบพวงกุญแจใส่กระเป๋ากางเกงไว้

?เอาไปโรงฆ่าสัตว์ได้เลยแล้วเอ็งก็คอยอยู่ดูแลด้วยเอ็งมันทำงานเรียบร้อยดีข้าชอบ? เถ้าแก่พูดจบก็นั่งลง

?รีบไปรีบกลับล่ะ วันมะรืนนี้ก็วันพระแล้ว ไม่รีบทำให้เสร็จวันนี้ เดี๋ยวไม่มีเนื้อไปส่งเขาแล้วพวกเอ็งก็จะไม่มีเงินใช้กัน?

ครับ ผมจะรีบไปรีบกลับ? ยารับคำเถ้าแก่แล้วเดินออกไปอย่างไว 

ฝูงวัวที่ยาขนมานั้นมีทั้งหมด 11 ตัว เป็นวัวใหญ่ขนาดรุ่นๆ 10 ตัวและวัวเล็กเพิ่งเกิดได้ไม่นานอีก 1 ตัว เจ้าของเก่าขายให้เถ้าแก่เขาแล้วก็แถมลูกวัวเล็กให้อีกเพราะเถ้าแก่เขาใจกว้างให้การซื้อแต่ละครั้งก็ให้ราคาดี ใครมาทำการค้าด้วยก็จะชอบนิสัยใจคอกัน ยาขนวัวมาถึงแล้วก็พากันต้อนลงจากหลังรถทันที พวกคนงานก็จะใช้แส้เส้นใหญ่หนัก ฟาดหลังวัวให้ลงไวๆ บางตัวที่ดื้อๆ ไม่ยอมลงก็จะถูกรุมตีจนหลังแอ่น ถึงจะลงมาได้เหมือนกับจะรู้ชะตาชีวิตตัวเองว่าขืนลงไปยังไงก็คงไม่รอดแน่

บางตัวถึงกับน้ำตาไหลเหมือนจะร้องขอชีวิต ขอความเห็นใจจากยมทูตที่อยู่เบื้องหน้า แต่ก็คงจะได้แต่ผิดหวังจึงต้องดิ้นรนหาที่หนี หาทางสู้สุดชีวิต แต่สู้ไม่ได้ ก็คงจะได้แต่ยอมรับชะตาชีวิตกันไปเท่านั้นเอง

บางตัวที่ดิ้นรนมากๆ เข้าจนคนดูแลไม่ไหวใช้แส้ตียังเอาไม่อยู่ เขาจะใช้ตะขอเหล็กรูปร่างคล้ายเบ็ดอันใหญ่สับเข้าที่สันหลัง แล้วเกี่ยวให้เดินตามไปอย่างว่าง่าย เวลาที่จะเชือดวัวก็ประมาณตี 1 ตี 2 กว่าจะเสร็จก็ประมาณตี 5

วัว 3 ตัวโดนเชือดไปก่อนหน้านั้นเรียบร้อยแล้ว ตัวต่อมาก็เป็น วัวแม่ลูกอ่อนยังไม่หย่านม ยาเห็นจึงสงสารเหมือนกันแต่จะให้ทำยังไงได้

?เฮ้ย ไอ้นวล เอ็งเอาตัวอื่นมาก่อนไม่ได้เหรอว่ะ ข้าสงสารวะลูกมันยังไม่หย่านมเลย?

ยาบอกลูกน้องที่กำลังลับมีดให้คมกริบเสียงลับมีดดัง เซกๆ ฟังแล้วเสียวฟันไม่หาย

?ไม่ได้หรอกพี่ มีออเดอร์ร้านอาหารเข้ามา เขาอยากได้นมวัวไปย่างเลี้ยงแขก นี่เขาสั่งมาเป็นพิเศษเลยน่ะ บอกว่าแม่ลูกอ่อนนี่แหละ เวลาย่างนมวัวแล้วจะหอม? พูดไปนวลก็ทำท่าสูดอากาศเข้าเต็มปอด เหมือนกับได้กลิ่นหอมนมย่างซะเอง

?ทำไมเหรอพี่? นวลถามกลับบ้าง

?เปล่าไม่มีอะไรหรอก แค่สงสารมันเท่านั้นแหละ? นวลเหลือบไปมองวัวแม่ลูกอ่อนก่อนจะหันมาทางยาแล้วบอกว่า

?ทำไงได้ล่ะพี่ ขืนไม่ทำเราก็อดตายกันพอดี อาชีพใครอาชีพมันพี่?

?เออ แกก็พูดถูกว่ะ เอ้า...ลากเข้าหลักให้ดี? ยาสั่งให้ลูกน้อง 4-5 คนดึงเชือกสนตะพายแม่วัวเข้ามาพันหลักแล้วมัดไว้ทั้ง 4 ด้าน แต่กว่าจะเอาเข้าได้ก็ทั้งลาก ทั้งดึงกันแทบตายเพราะสัญชาตญาณการรักษาชีวิตของสัตว์ ทุกคนหรือทุกตัวต่างก็รักชีวิตด้วยกันทั้งนั้น การรักษาชีวิตก็คือการต่อสู้ขัดขืนแต่ก็แพ้ด้วย

อาวุธทุกอย่างที่อยู่ในมือทั้งทุบ ทั้งตี ทั้งฟาดเสียงวัวร้องเสียงระงมทั้งแม่วัวลูกวัวน้ำตาแห่งความเป็นแม่ไหลออกมาไม่ขาดสาย เหมือนกับจะบอกว่าฉันรักลูก ฉันห่วงลูก อย่าทำกับฉันเลย

ถ้ามันพูดได้คงจะพูด ให้ได้ยินกัน แต่เสียงที่ออกมาคือเสียงแห่งความโหยหวนของคนที่คิดว่าเป็นแค่สัตว์ที่เป็นอาหารไม่มีความรัก ไม่มีชีวิตจิตใจ พอจับพันหลักได้ก็ให้คนงานจับคอแหงนขึ้นให้เห็นเส้นเลือดใหญ่ แล้วใช้มีดเล่มขนาดพอประมาณที่ลับคมจนได้ที่แล้วก็เอามาจ่อพร้อมกับกดมีดลงไปบนคอเลือดพุ่งสวนใบมีดออกมาเปื้อนไปหมด

คนงานลูกน้องยาเอาถาดรองเลือดมารองอีกที ทั้ง 5 คนช่วยกันแก้เชือกที่มัดออกแล้วจับกดแม่วัวให้นอนลง แต่ก็ยังดิ้นอยู่เพราะยังไม่หมดลมหายใจทันที จับกดได้สักพักก็เงียบไปไม่มีอาการต่อสู้ของแม่วัวอีกมีแต่การชักกระตุกของกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติของสัตว์ที่ใกล้ตายเต็มที่แล้ว ก็ช่วยกันลอกหนังวัวออกมาก่อน

พวกเขาค่อยแล่หนังออกมาตั้งแต่คอแล้วก็ผ่าไล่จากคอลงไปจนถึงหน้าท้องเนื้อสีแดงสด เต้นตุบๆ อยู่พอเริ่มแล่หนังออกไปได้สักพัก วัวแม่ลูกอ่อนก็ทำเสียงครึกๆ อยู่ในลำคอแล้วก็กระโจนลุกพรวดขึ้นมา คนงานรวมทั้งยาตกใจจนต้องร้องตะโกนออกมาว่า

?เฮ้ย รีบจับไว้เร็ว?

แต่ช้าไปด้วยความตกใจต่างคนก็ต่างทำอะไรไม่ถูก ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรกันวัวแม่ลูกอ่อนก็วิ่งออกมาหน้าโรงฆ่าสัตว์ทั้งที่ตัวเองถูกลอกหนังออกมาจนแทบจะหมดตัวแล้วเห็นแต่เนื้อแดงๆ เหมือนแผลถลอก

วัวตัวนั้นวิ่งมาหาลูกของตัวเองที่ถูกจับผูกกับหลักไว้ แต่ด้วยความห่วงลูกตัวเองจะหิวนมเพราะยังเล็กนัก พอฟื้นขึ้นมาได้ก็รวบรวมกำลังทั้งหมดของชีวิตตัวเอง วิ่งออกมาหาลูกตามเสียงร้องด้วยความหิวโหย พอมาถึงวัวน้อยก็รีบดูดนมแม่ด้วยความหิว โดยที่ไม่รู้เลยว่าแม่ของตัวเองนั้นกำลังจะตายด้วยพิษบาดแผลทั้งตัว

คนงานวิ่งตามมาทันเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแต่ทุกคนไม่มีใครกล้าเข้าไปดึงมันออกมาคงจะเป็นเพราะสงสารมันเป็นครั้งสุดท้ายแต่มันก็ต้องตายอยู่ดี

ลูกวัวดูดอย่างเอร็ดอร่อยทั้งน้ำนมวัวแม่และน้ำเลือดที่ออกมาผสมกับกลิ่นเลือดเหม็นคลุ้งไปหมด วัวแม่ลูกอ่อนให้นมไปได้สักพักก็เข่าอ่อนทรุดลงขาดใจตายตรงนั้นเอง

เสียงลูกวัวร้อง มอ...มอ...เหมือนกับจะบอกว่าแม่เป็นอะไร ลุกขึ้นมาก่อน ลุกขึ้นมาก่อน

จากเหตุการณ์ในวันนั้นผ่านไปได้ไม่นาน เมียของยาก็เริ่มตั้งท้องอ่อนๆ ช่วง 3 เดือนแรกมีอาการแพ้ท้องมาก อาเจียนตลอด กินอะไรก็ไม่ได้บอกว่าเหม็นไปหมดโดยเฉพาะตัวของยานั้นจะเข้าใกล้ไม่ได้เลย บอกว่าเวลายากลับมาบ้านก็ได้กลิ่นเข้ามาก่อนแล้วมันเหม็นไปหมด เหมือนกับเหม็นสาบสางอะไรสักอย่าง

ยาเองฟังแล้วก็ไม่ได้คิดอะไรมากเพราะคิดว่าคงจะแค่อาการของคนแพ้ท้องเท่านั้นเอง อีกสักพักก็คงหาย แล้วยาเองตั้งแต่เมียตั้งท้องเขาก็รักเมียเพิ่มมากขึ้น อาจจะเพราะเป็นลูกคนแรกก็เลยออกอาการเห่อความเป็นพ่อใหม่

เมียจะทำอะไรจะกินอะไรก็พยายามจะหามาให้หมด พอครรภ์เริ่มโตมากขึ้นอาการแพ้ท้องของเมียก็ค่อยหายไป ย่างเข้าเดือนที่ 8 ใกล้คลอดเต็มที

คืนนี้ ยาเองก็ต้องไปทำงานที่โรงฆ่าสัตว์เหมือนเดิม ก่อนออกจากบ้านก็สั่งเมียซะดิบดี

?เมียจ๋า ลูกจ๋า พ่อไปทำงานก่อนน่ะ?

ยาพูดไปก็เอามือลูบท้องเมียด้วยความรักลูก เมียเห็นยารักลูกแบบนี้ก็ยิ้มด้วยความสบายใจที่ครอบครัวมีความอบอุ่น

?พี่รีบไปทำงานเถอะ ไปสายเดี๋ยวเถ้าแก่เขาว่าเอาน่ะ? เมียของยาพูดแล้วก็เอามือมาลูบหัวยา

?ไปแล้วจ้าเมียจ๋า ดูแลตัวเองด้วยน่ะตอนกลางคืนปิดประตูบ้านให้ดีแล้วกัน อยู่คนเดียวมันอันตราย?

ยาพูดแล้วก็ปิดประตูบ้านเรียบร้อยแล้วก็รีบไปทำงาน หลังจากที่ยาไปทำงานได้ไม่นาน เมียยาก็เกิดปวดท้องหนักอยากจะถ่ายท้องขึ้นมากะทันหัน พอทำธุระเสร็จก็จะลุกขึ้นยืนอาจเป็นเพราะราดน้ำลงโถส้วมมากไป

ชั่วขณะที่กำลังจะลุกยืนนั้น ขาซ้ายก็พลาดเกิดลื่นไถลเอาหัวฟาดกับพื้น ท้องฟาดกับขอบโถส้วมเข้าอย่างจัง แรงกระแทกเหมือนกับจะไม่มาก แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นช่วงจังหวะที่กระแทกนั้นเอง ลูกได้ทะลักออกมาจากท้อง แต่เธอไม่รู้เรื่องเพราะสลบไม่ได้สติไป กว่าจะมีใครรู้เรื่องนี้ขึ้นก็เมื่อยากลับมาบ้านเรียกเมียแล้วไม่มีใครออกมาเปิดประตูบ้านก็เลยพังเข้าไป เห็นเมียและลูกตัวเองเสียชีวิตอยู่ในห้องน้ำตรงหน้าใจสั่นเข่าอ่อนสลบอยู่ตรง นั้นเอง

ชาวบ้านที่ได้ยินเสียงเรียกเมียของยาที่ดังมากจนคนอื่นตกใจก็รีบวิ่งออกมาดู

พอเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า บางคนก็ถึงกับเป็นลมไปเลยก็มี ตัวของยาเองกว่าจะฟื้นสติได้ก็นานพอสมควร พอฟื้นขึ้นมาก็ไม่พูดไม่จาเอาแต่ร้องไห้ ร้องบอก

?ขอโทษ เราขอโทษ ต่อไปเราจะเลิก เราจะไม่ทำอาชีพนี้อีกแล้ว เอาลูกเอาเมียของเราคืนมา? พูดอยู่แบบนี้อยู่ตลอด จนเดี๋ยวนี้เวลาใครผ่านไปผ่านมาแถวนั้นแล้วเห็นลุงแก่ๆ คนนึงนั่งพูดอยู่คนเดียว ชี้มือชี้ไม้ไปตามเรื่องตามราว

ถ้าใครไม่รู้ก็จะนึกว่าเป็นคนบ้าธรรมดา แต่วันดีคืนดีถ้าเขาคืนสติได้ ตายาคนนี้ก็จะเล่าเรื่องราวในอดีตให้ฟังแล้วก็อดรู้สึกสงสารแล้วก็เห็นใจไม่ได้แต่จะให้ทำยังไงได้ กรรมของใครก็กรรมของมัน

โดย : พยุงศักดิ์ จินดาศรี ขอขอบคุณ นิตยสาร รวมกฎแห่งกรรม

Written by on

Written by on

เรื่อง..ถังสังฆทาน

ทุกครั้งที่เห็นคนเข้ามาทำบุญในวัดตาส่วนชายวัย 50 เศษจะแอบยิ้มด้วยความดีใจ รู้ว่าตนเองจะมีส่วนในผลบุญเหล่านั้น นอกจากจะเก็บข้าวของที่ชาวบ้านนำมาถวายแด่พระภิกษุสงฆ์ที่วัด แกจะคัดของดีๆ บางอย่างนำไปขายให้แก่ป้าน้อยหญิงวัยไล่เลี่ยกัน ซึ่งเปิดร้านขายของชำและถังสังฆทานอยู่ตรงข้ามกับวัด

ตาส่วนอาศัยความยากจน ทำตัวน่าสงสาร เข้าไปขอของกินของใช้จากเจ้าอาวาสบ่อยๆ ไม่เพียงแต่พระเท่านั้นที่ตาส่วนขอความเมตตา ชาวบ้านทั่วไปจากถิ่นไกล เข้ามาทำบุญที่วัดเมื่อเจอกับท่าทาง สีหน้าของชายผู้นี้ต่างสงสารไปตามๆ กัน

ใครที่ไม่รู้เท่าทันเป็นอันต้องตกเป็นเหยื่อของชายมากเล่ห์ให้เงินมากบ้างน้อยบ้าง อย่างน้อยในวันหนึ่งๆ ตาส่วนมีเงินเข้าบ้านเกิน 100 บาทขึ้นไป

อาชีพหลักที่ทำตบตาคนอื่นคือ เก็บของเก่าที่ชาวบ้านทิ้งตามถังขยะไปขาย ตื่นเช้าขึ้นมาจะรีบตรงดิ่งไปตามถังขยะต่างๆ เพราะกลัวว่าจะถูกคนอื่นแย่ง เมื่อได้ของที่คิดว่ามากพอสมควร แกจะเอาไปขายให้แก่ร้านรับซื้อของเก่า แล้วนั่งมองไปที่หน้าประตูวัด รอดูว่ามีคนเข้ามาทำบุญหรือไม่ เมื่อเห็นก็จะสำรวจว่าหิ้วข้าวของมามากน้อยแค่ไหน

หลังจากประวิงเวลาเอาไว้สักครู่ เห็นผู้มีจิตศรัทธากลับลงมา แกจะรีบเข้าไปเดินอย่างสิ้นเรี่ยวแรง ทำตาละห้อยน่าสงสาร ไม่ต้องยกมือขอเงินให้เสียเวลาเพียงแค่ยืนมอง กลืนน้ำลายลงคอ เพียงเท่านั้นนักบุญจะให้ของกินหรือไม่ก็เงินมากบ้างน้อยบ้าง เมื่อได้เงินแล้วจะเอาไปเก็บไว้ที่บ้านแล้วย้อนกลับมาที่วัดอีกครั้งทำทีมาขออาหารกิน

เจ้าอาวาสหรือพระรูปอื่นๆ ไม่มีใครว่าเพราะตาส่วนเข้า-ออกวัดนี้เป็นประจำอยากกินอะไรเปิดหาเอา พระจะสั่งเด็กวัดแบ่งกับข้าวเอาไว้ให้ หลังจากกินอิ่มเจ้าอาวาสจะเรียกให้ไปเอาข้าวของที่คนนำมาทำบุญ

เมื่อได้ของมาแล้ว ตาส่วนเอาไปคัดแยกที่บ้าน และเอาไปขายให้ป้าน้อยที่รับซื้อในราคาถูกกว่าท้องตลาด ป้าน้อยจะเอาไปวางขายหน้าร้าน หากว่าขายไม่ค่อยออกหรือของใกล้หมดอายุ แกจะจัดใส่ถังสังฆทาน นำไปวางขายหน้าร้าน โดยจะขายในราคาที่ถูกกว่าท้องตลาด เมื่อมีคนถามก็จะบอกว่าต้องการช่วยเหลือคนที่มีจิตศรัทธา ต้องการทำบุญจริงๆ แกก็จะได้บุญตามไปด้วย

คำพูดของหญิงสูงวัยสร้างความซาบซึ้งใจไม่น้อย คนที่เคยมาซื้อแล้วก็ต้องกลับมาซื้อซ้ำอีก โดยไม่รู้ว่าของที่ใส่ลงไปในถังนั้นด้อยคุณภาพ

วันนี้ ตาส่วนจับจ้องสายตามองไปที่หน้าวัด หวังแต่เพียงว่าจะมีคนมาทำบุญรอจนเกือบเที่ยง พระที่วัดคงฉันอาหารเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าแกมีอาหารหลายอย่างตุนเอาไว้ ด้วยนิสัยเห็นแก่ได้ ไม่รอช้าที่จะเข้าไปในวัดอีกตามเคย

?โยมส่วน มาแล้วหรือ วันนี้ไม่รู้ว่าเด็กวัดแบ่งอะไรไว้บ้าง แต่ก็มีอาหารถถุงเยอะ คนเขามาใส่บาตรมากกว่าเดิมอาตมาจัดใส่ถุงไว้ให้แล้ว เก็บไปอุ่นกินตอนเย็นนะ?

?ขอบพระคุณหลวงพ่อมากครับที่กรุณาแก่สัตว์ผู้ยากไร้?

?อย่าเปรียบตัวเองเป็นสัตว์เลยนะโยมส่วน คนเราเกิดมาเป็นคนเหมือนกันจะต่างก็ตรงที่จิตใจ รู้สำนึกดีชั่ว และมีเงินทอง เราหมั่นทำความดีเอาไว้ แล้วจะเกิดผลเองนั่นแหละ?

ไม่ว่าเจ้าอาวาสจะบอกสอนอย่างไรตาส่วนก็ยังฟังหูซ้ายทะลุหูขวา เบื่อที่จะนั่งนิ่งๆ ได้แต่นึกขุ่นขวางอยู่ในใจ ว่าเมื่อไหร่จะพูดเสร็จเสียที จนกระทั่ง เจ้าอาวาสหลับตา ทำสมาธิ ตาส่วนคลานออกมาอย่างเงียบเชียบเดินเข้าไปในครัวเห็นลูกศิษย์วัดวัย 10 ขวบกำลังล้างทำความสะอาดถ้วยชาม เมื่อเห็นแกได้ร้องเรียกด้วยเสียงแหลมๆ

?ตาส่วนรีบมากินข้าวซะ ฉันจะได้เอาจานมาล้าง?

?ไอ้โก๊ะ เอ็งเป็นเด็ก ไม่ต้องมาออกคำสั่งแก่ข้า เดี๋ยวเถอะ โดนดี?

?อ้าว ตาส่วน ทำไมถึงพูดอย่างนี้ล่ะให้กินข้าวฟรีโดยไม่ต้องล้างถ้วยชาม ยังมาว่ากันอีก แล้วนี่เห็นไหมกับข้าวตั้งหลายถุง ลุงเอาไปกินที่บ้านได้อีก ตาส่วนสบายจะตายไม่ต้องซื้อหากับข้าว?  

โก๊ะกล่าวอย่างเหลืออด หลายครั้งที่ไม่ชอบใจต่อการกระทำของตาส่วน มักจะแสดงตนเหนือกว่าใคร ทั้งที่เป็นแค่เพียงแค่คนแก่ไร้สภาพ แบมือขออาหารจากวัด ดูเหมือนว่าตาส่วนไม่รู้สำนึกมองเด็กน้อยด้วยสายตาเขียวเข้ม

?มันจะมากเกินไปแล้วนะ ไอ้โก๊ะ?

?ไม่มากเกินไปหรอก นี่คือความจริงถ้าไม่กินฉันจะได้เอาไปให้คนอื่น?

เด็กชายโก๊ะไม่สนใจแต่อย่างใด ตาส่วนได้ยินดังนั้นกระโดดลงไปจับจานที่วางเรียงอยู่กับพื้นขึ้นมาถือเอาไว้ แล้วยกออกมานั่งกินข้างนอกด้วยท่าทางมูมมาม โก๊ะมองด้วยความไม่ชอบใจเพราะรู้นิสัยตาส่วนเป็นอย่างดีว่าเป็นคนเห็นแก่ได้ ต่อหน้าคนอื่นทำตัวน่าสงสารเมื่ออยู่ลับหลังจะเปลี่ยนเป็นอีกคน

เข้าตำราหน้าไหว้หลังหลอก ไม่มีความจริงใจให้ใคร

เรื่องที่แกเอาของทางวัดไปขาย ทุกคนต่างรู้ แต่ไม่กล้าพูด กลัวว่าจะเข้าหูเจ้าอาวาสจะทำให้ท่านมาสบายใจ วันนี้เช่นกันถ้าเดาไม่ผิดตาส่วนกินอิ่มแล้วเก็บอาหารที่อยู่ในถุงกลับไป ไม่ได้เอาไปกินแต่ขายราคาถูกให้กับคนในระดับเดียวกัน

โก๊ะตั้งใจเอาไว้ว่าจะต้องตามไปดูให้เห็นกับตา ไม่รอช้าที่จะล้างจานอย่างรวดเร็วเพียงไม่นานจานถูกคว่ำตากแดดเอาไว้ตรงนอกชาน แล้วแกล้งทำเป็นเอนหลังนอนพัก ตาส่วนกินข้าวอิ่มแล้ววางจานชามเอาไว้ไม่เก็บล้างแต่อย่างใด หิ้วถุงกับข้าวเดินลงไปจากศาลาวัดโดยเร็ว โก๊ะหรี่ตามองตามด้วยความไม่ชอบใจ

?แก่เสียเปล่าไม่รู้เรื่องอะไรเลยทำตัวให้เด็กด่าอยู่ได้ คอยดูเถอะชีวิตจะไม่มีความสุข เราตามแกไปก่อนดูซิว่าจะทำยังไงต่อไป?

โก๊ะไม่รอช้า กระโดดลงจากศาลา เดินสะกดรอยตามตาส่วนไปโดยไม่ให้รู้ตัวเพียงไม่นานก็เห็นร่างของผู้ชายสูงวัยเลี้ยวเข้าบ้าน โก๊ะอดทนรอด้วยใจจดจ่อจนกระทั่งเห็นแกออกมา ถือถุงกับข้าวติดมือออกมาด้วย เดินกระย่องกระแย่งไปที่ร้านป้าน้อย ในเวลานั้นคนเริ่มเข้ามาซื้อของสดไปประกอบอาหารในตอนเย็น

ป้าน้อยเดินออกมาส่งยิ้มให้ผู้ร่วมค้าขาย แกมองไปที่ถุงกับข้าว คิ้วบางหร็อมแหร็มและไร้ระเบียบขมวดเข้าหากันด้วยความสงสัย

?ตาส่วน วันนี้ไม่ได้เอาของที่คนทำบุญเอามาขายให้ข้าหรือไง?

?โอย ตั้งแต่เช้าจนบัดนี้ยังไม่มีใครมาเลย คนใจบาป ไม่รู้จักเข้าวัดทำบุญ ข้าเลยอดไปด้วยเจ็บใจจริงๆ?

?แล้วที่แกถือมาด้วยนั่นเล่า มันคืออะไร?

?อ๋อ ลืมไปกับข้าวเจ้าอาวาสให้มา บอกว่าตอนเช้ามีคนใส่บาตรเยอะของเหลือมากแบ่งให้ข้ามากิน ยายน้อยแกก็รู้นี่นาข้าอยู่ตัวคนเดียวจะกินสักเท่าไหร่ ก็เลยเอามาขายให้กับคนที่อยากกินของอร่อยราคาถูก?

ตาส่วนชูถุงอาหารสำเร็จให้ป้าน้อยดู หญิงมากเล่ห์หรี่ตาลงอย่างครุ่นคิด ในที่สุดดีดนิ้วดังเปาะ นึกถึงผลกำไรที่จะได้รับรู้ว่าถ้าหากว่านำมาขายเองอย่างน้อยก็ได้ถุงละ 3 บาท 10 ถุงก็มีเงินเข้ากระเป๋า 30 บาท ไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไร แค่ซื้อในราคาถูกและขายต่ำกว่าราคาต้นทุนเพียงเท่านี้ก็มีเงินเพิ่ม คนค้าขายย่อมคิดแต่ผลประโยชน์ทั้งสิ้น

?ตาส่วน แกไม่ต้องเอากับข้าวไปเร่ขายที่อื่นหรอก ขายให้ข้านี่แหละแกได้มาฟรีๆ เอาแค่ถุง 5 บาทพอ ส่วนข้าจะขาย 8 บาท ต่ำกว่าราคาที่เขาตักขายเกือบ 10 บาทเลยนะโว้ย ใครๆ ก็ซื้อของถูกแถมอร่อย?

?เอาสิ ข้าขายให้แก 10 ถุง 50 บาท?

?งั้นมารับเงินเลย เออ เรานี่เป็นคู่ค้าที่เข้ากันดี ทำให้เงินทองไหลมาเทมาหากว่าได้กับข้าวจากวัดอีกล่ะก็ อย่าลืมเอามาขายให้ข้านะ?

?เออ ข้าไม่ลืมหรอก ยายน้อย?

สองเฒ่าสารพัดพิษส่งเสียงให้กันอย่างมีความสุข เพียงไม่นานกับข้าวถุงราคาถูกที่ซื้อมาจากตาส่วนขายหมดเกลี้ยง ป้าน้อยนั่งหัวเราะชอบใจ วันนี้ได้เงินเพิ่มกว่าเดิมถึง 30 บาท ถ้าได้อย่างนี้ทุกวันอีกไม่นานก็มีเงินก้อนโต 

โก๊ะรู้เห็นถึงความไม่เข้าท่าของตาส่วนอดรนทนไม่ได้อีกต่อไป นำเรื่องดังกล่าวไปเล่าให้เจ้าอาวาสฟัง ท่านนิ่งสีหน้าเรียบนิ่ง ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาทั้งสิ้น

?หลวงพ่อครับ เรื่องที่ผมเล่าให้ฟังหลวงพ่อว่ายังไง?

?โก๊ะ หลวงพ่อจะว่ายังไงเป็นสิทธิ์ของเขา ในเมื่อเราให้เขาแล้วจะเอาไปทำอะไรก็ได้?

?แต่เราให้ไปกินอย่างเดียว แต่ตาส่วนเอาไปขายหาเงินใส่กระเป๋า แล้วยังทำตัวเป็นคนอดอยากน่าสงสารอีก?

เด็กวัดตัวแค่นี้ยังรู้จักมีความคิด หลวงพ่อถอนใจเฮือกใหญ่ เศร้าต่อการกระทำของตาส่วน แต่ไม่พูดอะไร เพราะให้ไปแล้วท่านเป็นผู้ละแล้วซึ่งกิเลสและตัณหาอยู่เพื่อช่วยสัมมาสัมพุทธเจ้าเผยแผ่ศาสนาจึงไม่รู้สึกรู้สาแต่อย่างใด

?เรื่องของเขา ใครทำอะไรก็จะได้สิ่งนั้นกลับคืนมา หากว่าเขาไม่โลภเห็นแก่ได้ของผู้อื่น คงไม่มีเรื่องใดๆ ในทางตรงกันข้าม หากว่าเขาตั้งหน้าตั้งตาที่จะกอยโกยสิ่งของต่างๆ เพื่อให้ตัวเองได้รับความสุขละก็ ถือว่าเป็นบาปไม่อาจหลีกเลี่ยงสิ่งที่กระทำลงไปได้?

?หลวงพ่อ คอยดูก็แล้วกัน ตาส่วนคงไม่มีชีวิตที่เป็นปกติหรอก ผมรู้ดีเพราะแกเป็นคนประเภทเห็นแก่ได้ เข้ามาในวัดเพื่อเอาเพียงอย่างเดียว คนที่พูดว่าตัวเองไม่มีก็ต้องไม่มีตลอดไป ผมเชื่ออย่างนั้น?

?เรานี่สำคัญ ตัวเล็กแค่นี้ แต่เข้าใจพูดเหลือเกินข้าชอบนิสัยเอ็งจริงๆ เจ้าโก๊ะเอ๊ย?

เด็กวัดตัวจิ๋วก้มลงกราบเจ้าอาวาสพร้อมกับรอยยิ้มที่เปี่ยมความสุข คิดว่าต่อจากนี้ไปจะจับตาดูตาส่วน ว่ามีพฤติกรรมอย่างไร ของที่ทางวัดให้ไปแกเอาไปใช้หรือขาย เพราะในแต่ละครั้งที่เข้ามาเจ้าอาวาสให้ไปหอบแทบไม่หมด

สายๆ ของวันรุ่งขึ้น มีคนมาทำบุญทำสังฆทานกับเจ้าอาวาสหลายราย โก๊ะหันไปมองที่บ้านตาส่วน จริงดั่งคาด ชายผู้น่ารังเกียจกำลังรอโอกาสที่จะเข้ามาเมื่อคนที่มาทำบุญกลับลงไป ตาส่วนรีบวิ่งเข้ามาในวัด ด้วยท่าทางอ่อนล้าแล้วหยุดมองทำตาเศร้าๆ

?คุณพี่ ดูซิคะ คนแก่คนนี้น่าสงสารท่าทางคงจะหิวข้าว ลุงๆ มาสบายหรือเปล่า หน้าตาซีดเซียวจังเลย?

?ครับ ผมไม่ค่อยสบายตั้งแต่เช้ายังไม่ได้กินข้าว ว่าจะไปขอแบ่งกับข้าวจากหลวงพ่อสักถุงสองถุงก็ยังดี?

?โถ ไม่ต้องหรอกจ้ะลุง วันนี้ฉันมาทำบุญเจอลุงก็ดีแล้วล่ะนี่จ้ะเงิน 100 บาท ลุงเก็บเอาไปไว้ซื้อกับข้าวหรือว่าซื้อยาลดไข้กินนะ?

?ขอบคุณครับ คุณช่างเป็นผู้หญิงที่ใจดีอะไรอย่างนี้ สวยแล้วยังมีจิตใจที่ดีงาม ขอให้เจริญๆ นะครับ?

ตาส่วนยกมือไหว้ท่วมหัว กล่าวสรรเสริญเยินยอผู้หญิงที่มีจิตใจดีงาม เธอได้แต่ยิ้มอย่างมีความสุข แล้วขึ้นรถที่สามีขับเพียงไม่นานก็จากไป ตาส่วนวิ่งกลับไปที่บ้านนั่งรอเหยื่อรายต่อไป ซึ่งก็ใช้มารยาเช่นเดิมทำตัวให้น่าสงสารเรียกร้องความสนใจ แม้ว่าได้เงินไม่มากนักแต่ก็นำไปเก็บรวมรวมเอาไว้

เมื่อผู้ที่มาทำบุญกลับไปจนหมดแล้ว ตาส่วนเดินกระย่องกระแย่งเข้ามากราบเจ้าอาวาส ท่านมองด้วยสายตานิ่งๆ รู้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของตาส่วนเป็นอย่างดี ท่านจัดเตรียมของกินของใช้ใส่ถุงเอาไว้ให้ตามเคย

?มาได้เวลาพอดีเลยนะ ตาส่วน?

นับว่าเป็นครั้งแรกที่เจ้าอาวาสพุดอย่างรู้ทัน ตาส่วนสะดุ้งได้แต่ยิ้มแหยๆ ก้มกราบอีกครั้งเมื่อท่านส่งถุงของให้

?ขอรับ กระผมกราบขอบพระคุณหลวงพ่อที่เมตตาคนยาก?

?เราให้ด้วยความบริสุทธิ์ ไม่ว่าเขาจะเอาไปทำอะไรก็ช่างกับข้าวก็มีนะ อาตมาบออกให้เจ้าโก๊ะจัดเตรียมใส่ถุงเอาไว้ให้แล้ว?

?ขอรับ หลวงพ่อ หากว่าไอ้ส่วนคนนี้ไม่มีหลวงพ่อคอยดูแลคงจะแย่

พูดพลางทำท่านน้ำหูน้ำตาเล็ด หลวงพ่อมองด้วยใบหน้านิ่งๆ ครู่เดียวตาส่วนหอบข้าวของพะรุงพะรังกลับบ้านโก๊ะแอบตามไปดูเช่นเคย เห็นแกเข้าบ้านแบ่งของเอาไว้กินแล้วออกมา เดินตรงดิ่งมาที่ร้านป้าน้อย ส่งเสียงพูดคุยกันชั่วครู่ เสียงหัวเราะชอบใจดังขึ้น โก๊ะมองด้วยความรังเกียจเมื่อป้าน้อยเอาของทั้งหมดไปจัดใส่กระจาดวางขาย และเอาของเก่าๆ บรรจุลงในถังสังฆทาน ติดราคาถูกกว่าท้องตลาด

โดยเอาของใกล้หมดอายุใส่ลงไปข้างล่างสุด ขณะนั้นมีชายแปลกหน้าคนหนึ่งมาซื้อแล้วหิ้วขึ้นรถไปอย่างรวดเร็ว โก๊ะได้แต่สังเวชใจ คนซื้อไม่รู้หรอกว่าได้ของไม่ดีไปส่วนผู้รับคือพระในวัดต่างๆ ได้ของเก่าๆ บางอย่างไม่รู้ว่ากินได้หรือไม่ บาปตกไปอยู่กับป้าน้อยคนเห็นแก่ได้

คืนนั้นราวๆ 4 ทุ่มกว่า โก๊ะและเด็กๆ วัดต่างสะดุ้งตื่น เมื่อได้ยินเสียงตาส่วนร้องโอดโอย เคาะกุฏิร้องเรียกเจ้าอาวาสและพระลูกวัด เสียงสั่นๆ ราวกับว่าจะขาดใจตายเสียให้ได้

?หลวงพ่อ ช่วยผมด้วย ผมจะขาดใจอยู่แล้ว โอย โอย?

เจ้าอาวาสและพระทุกรูปเปิดประตูออกมาตามด้วยเด็กวัด หนึ่งในนั้นมีโก๊ะรวมอยู่ด้วย

?มีอะไรหรือโยม ท่าทางราวกับมีทุกข์เหลือเกิน?

?ผม ผมท้องเสีย ปวดท้องมากยังกับว่ามีคนมาบิดลำไส้ มันจะขาดอยู่แล้วช่วยพาไปหาหมอด้วย นึกว่าเมตตาต่อสัตว์ด้วยเถิด?

เสียงนั้นยังคงร่ำร้องคร่ำครวญใบหน้าบิดเบี้ยว เจ้าอาวาสสั่งให้มรรคนายกเอารถออก พาตาส่วนไปโรงพยาบาล โก๊ะตามไปดูโดยตาส่วนเป็นคนให้ถือเงินค่ารักษาพยาบาล จากคนที่ขี้เหนียวบัดนี้ไม่แยแสต่อจำนวนเงิน

ขอเพียงแค่ให้หายก็พอ!

หมอบอกว่าอาการปวดท้องของตาส่วนเกิดจากอาหารเป็นพิษ กินของไม่ดีเข้าไป ตาส่วนยกมือไหว้ท่วมหัว พูดด้วยเสียงสั่นเครือ

?ก่อนนอนข้ากินบะหมี่ซองเข้าไปลืมดูวันหมดอายุ ทำให้ปวดท้องจนไส้เกือบขาด คงเป็นบาปกรรมที่ข้าเอาของที่หลวงพ่อให้เอาไปขาย แทนที่จะเก็บไว้กินไว้ใช้ กรรมมันสนองข้าเต็มๆ ไอ้โก๊ะเอ๊ย ต่อจากนี้ไปข้าไม่ทำอีกแล้ว?

?ถ้าตาส่วนคิดได้อย่างนี้ก็ดีแล้วกรรมใครก่อย่อมคืนสนองคนนั้น?

?เออ ข้าหวั่นใจยังมีอีกคนที่ทำกรรมร่วมกับข้า คนคนนี้คงจะหนักแม้เค้าบอกว่าสิ่งที่ทำนั้นได้บุญ?

ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใคร ได้แต่ภาวนาให้ป้าน้อยล้มเลิกการกระทำไม่ดีนั้นเสียดูเหมือนว่าแกไม่อาจละทิ้งผลกำไรบาป ยังคงเอาของเก่ามาจัดใส่ถังสังฆทานขายเหมือนเดิม ตาส่วนพยายามเข้าไปบอกถึงบาปบุญที่ได้รับ แกกลับเมินเฉย

วันหนึ่ง ขณะหิ้วสังฆทานที่จัดเรียบร้อยแล้ว เอาไปวางหน้าร้านจู่ๆ ปวดเข่าจี๊ดขึ้นมาจนทนไม่ไหว ล้มลงไปนอนกับพื้นถังสังฆทานตกลงแล้วแตก ข้าวของกระเด็นออกมา ข้าวสารถุงเล็กๆ หกกระจายเกลื่อนพื้น มอดตัวเล็กๆ ไต่ออกมาตอมเนื้อตัวแก ป้าน้อยร้องขอความช่วยเหลือด้วยเสียงโหยหวน

?ป้าน้อยคงจะเป็นหนัก เพราะปวดเข่ามาก แดงบวมจนน่ากลัว?

ลูกค้าที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าให้ฟังด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น โก๊ะกันตาส่วนมองหน้ากันมีความรู้สึกว่าป้าน้อยได้รับผลกรรมที่กระทำเข้าแล้ว

?หมอเขาว่ายังไงบ้าง?

?ต้องผ่าตัดด่วน แกเป็นโรคเข่าเสื่อมแต่ไม่หายขาด เห็นหมอบอกว่าถ้าจะให้ดีจะต้องผ่าตัดเปลี่ยนเข่าเทียม เสียเงินแสนกว่าบาท แต่ก็ต้องรอคิวไม่รู้ว่าจะได้เมื่อไหร่ ตอนนี้ก็แค่ผ่าตัดเพื่อให้อาการทุเลาลง?

?บาปกรรมตามสนองป้าน้อยแล้วล่ะไอ้โก๊ะเอ๊ย นี่แหละ ผลของการเห็นแก่ได้ คิดว่าขายของราคาถูกแล้วได้บุญแต่มันไม่ใช่ บาปชัดๆ ข้าไม่น่าส่งเสริมให้คนทำบาปเลย?

น้ำเสียงตาส่วนเสร้าๆ น้ำตาคลอ โก๊ะมองด้วยความสงสาร ได้แต่พุดปลอบใจไม่ให้คิดมาก เพราะรู้ว่าตาส่วนสำนึกต่อบาปที่กระทำไปแล้ว

?ตาส่วนอย่าคิดมากเลยนะ ตาส่วนสำนึกบาปแล้วและไม่ทำอย่างนั้นอีกถือว่ารอดพ้นจากความชั่ว?

?แต่มันก็ยังเป็นบาปติดกลางใจข้าตลอดไป ไอ้โก๊ะ ต่อจากนี้ไปข้าจะทำตนเป็นคนดี ไม่ข้องแวะกับความชั่วอีกแล้ว

โก๊ะได้แต่ยิ้มๆ หันไปมองที่วัด เสียงระฆังดังแหง่งหง่าง ขณะเดียวกันร่างตาส่วนก้มๆ เงยๆ กวาดลานวัดอย่างขะมักเขม้น เด็กน้อยยิ้มอย่างมีความสุข

โดย : จรรยา เลิศพงษ์ไทย ขอขอบคุณ นิตยสารรวมกฎแห่งกรรม

Written by on

Written by on

เรื่อง..คนเบื่อแมว

เสียงโครมครามที่ดังมาจากบ้าน ?ไอ้ทะนง? ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติแต่อย่างใด เพราะได้ยินไม่เว้นแต่ละวัน

เมื่อต้องผจญกับศัตรูของมันด้วยมือเปล่า แล้วเหนื่อยเปล่าไม่ได้ผล ก็มีเครื่องทุ่นแรงเป็นอาวุธ คว้าอะไรทันก็ใช้ให้เป็นประโยชน์ แต่ดูเหมือนจะพลาดเป้าหรือบางทีก็โดนเพียงเฉี่ยวๆ ไม่โดนเต็มๆ จนมันหงุดหงิด

?ห่ะ...รอดไปได้อีกเช่นเคย สงสัยต้องเอายาเบื่อคลุกให้แดกเสียแล้ว...ฮึ่ม? ไอ้ทะนงเดือดดาลที่แมวตัวนั้นกระโดดหนีไปได้

เมื่อก่อนผมเลี้ยงแมวไว้หลายตัว มันชอบไปเยี่ยวไปขี้อยู่ข้างเตาไฟ หรือตามที่อับในหลืบบ้าน จนกลิ่นคลุ้งไปหมด แต่ผมก็ไม่เคยทำร้ายด้วยการทุบตี และก่อนที่พวกมันจะขยายพันธุ์ไปมากกว่านี้ผมก็เอาไปทำหมันจนหมดทั้งตัวผู้ตัวเมีย

แมวก็ดี สุนัขก็ดี ถ้าทำหมันแล้ว แต่ละตัวจะอ้วนท้วนสมบูรณ์ เวลาเดินจะอุ้ยอ้ายและชอบนอนขี้เซา ไม่กระฉับกระเฉงเหมือนเก่า บางตัวหนีไปหากินบ้านคนอื่นมักจะโดนทำร้ายกลับมา บางตัวก็หายสาบสูญไปก็มีบางตัวกระเสือกกระสนมาตายที่บ้านด้วยน้ำลายฟูมปากถ้าเห็นว่ามันยังไม่ตาย ผมจะรีบเอาน้ำซาวข้าวกรอกปาก ซึ่งบางตัวก็รอดชีวิต แต่บางตัวก็ไม่สามารถช่วยชีวิตได้จิตใจของคนเรามันช่างโหดเหี้ยมอำมหิตยิ่งนัก พอกับสุนัขบางตัวที่เห็นแมว เป็นวิ่งเข้าไล่กัดจนตายคาปาก แต่พอเห็นหนูตัวเล็กกว่ากำปั้น กลับสะดุ้งโหยงหางจุกตูด แล้วทำเป็นไว้เชิงเรียกเจ้าของ

สุนัขพรรค์นี้ผมเอาใส่รถไปปล่อยตามที่ไกลๆ มาหลายตัวแล้ว เลี้ยงไว้ก็ไม่มีประโยชน์ เสียข้าวสุกเปล่าๆ เพราะนอกจากจะกลัวหนูแล้ว ยังกัดกันเองทั้งที่กินข้าวหม้อเดียวกัน
ผมไม่ได้เลี้ยงแมวมาเป็น 10 ปี แต่ก็มีแมวจากบ้านอื่นมาหาอาหารกินบ้าง ผมเห็นก็แค่ส่งเสียงไล่เท่านั้น ไม่เคยขว้างปาหรือเอาอะไรยิงเลย เพราะถ้ามันพิกลพิการขึ้นมา ผมเองนั่นแหละที่จะไม่สบายใจ ไอ้ทะนงจะว่าไปแล้วมันเองก็เป็นคู่อาฆาตกับแมวและสุนัขไม่น้อย เพราะมันมีอาชีพทำเนื้อแห้งขาย เวลาเอาไปตากแดดก็ต้องมีคนเฝ้า เพราะแมวมันกระโดดได้สูงไม่เหมือนสุนัขที่ใช้เท้าตะกุยหรือไม่ก็กระทุ้งแรงๆ ให้เนื้อที่ตากหลุดลงมา แล้วคาบไปกินที่อื่น

ถ้ามันเห็นและคว้าอะไรได้ทัน มันจะไม่มีการยกเว้น มีแมวและสุนัขไม่น้อยที่เจ็บตัวและขาหัก แต่เวรกรรมยังคงมาไม่ถึงมันจึงดูปกติอยู่ คนเราเมื่อได้ตั้งใจจะทำอะไรแล้วยากจะล้มเลิกล้มความตั้งใจได้ แต่จะทำสำเร็จหรือไม่สำเร็จก็แล้วแต่ความตั้งใจของคนคนนั้น ไอ้ทะนงมันผูกพยาบาทแมว ว่าจะเอายาเบื่อคลุกอาหารให้กิน และมันก็ทำจริงๆ แต่สัตว์ที่เคราะห์ร้ายกลับเป็นสุนัขตัวโปรดของมันเองคือเรื่องมันเป็นอย่างนี้ครับวันหนึ่งมันเอาอาหารที่ผสมยาเบื่อ ไปวางดักทางที่แมวผ่านไปมาและมันเองก็คงชะล่าใจหรือประมาทไปหน่อย เพราะสุนัขตัวโปรดของมันได้กลิ่นก็มุดเข้าไป แล้วจัดการกับอาหารชิ้นนั้นก่อนจะร้องครวญคราง และขาดใจตายในเวลาต่อมาในใจของมันจะรู้สึกอย่างไรไม่มีใครทราบ แต่ผมเชื่อว่าบาปคงจะกินใจไอ้ทะนงอย่างแน่นอน และมันก็ยังทำต่อซึ่งก็ได้ผลเหมือนกัน เพราะมีแมวหลายตัวที่ตายเพราะน้ำมือของไอ้ทะนง

เมียของไอ้ทะนงเป็นคนสวย แม้อายุจะปาเข้า 45-46 แต่ยังเช้งวับไม่สร่างแถมยังดูเจ้าชู้อีกต่างหาก ไอ้ทะนงทั้งหึงทั้งหวงอย่างสุดชีวิต แต่ก็ยังมีหนุ่มคนหนึ่งหิ้วเอาไปเชยชมจนได้ และเมื่อสบโอกาสก็เก็บข้าวของส่วนตัวหนีเตลิดไปอยู่กับไอ้หนุ่มคนนั้น โดยทิ้งลูกที่มีด้วยกัน 1 คน ไว้ให้ดูต่างหน้าตอนนี้เองที่ไอ้ทะนงเครียดหนัก เห็นอะไรเกะกะขวางหูขวางตาไปหมด มันเบื่อแมวเบื่อสุนัขจนตายไปหลายตัว บางตัวก็พิกลพิการโดยเฉพาะแมวของยายพุดบางตัวก็คลานลากขา เห็นแล้วน่าสงสารมาก

"เลี้ยงไม่ดีเองนี่หว่า ช่วยไม่ได้" มันอ้างของมันอย่างไม่สำนึกในบาปบุญคุณโทษ โชคดีที่ผมขังสุนัขเอาไว้ในขอบเขตรั้ว จึงไม่มีตัวไหนน้ำลายฟูมปากกลับมาเหมือนแมวตัวอื่น มีเพื่อนบ้านหลายคนที่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ไอ้ทะนงทำ พอไปบอกกล่าวก็ถูกไอ้ทะนงตอกกลับมา จนไม่มีใครกล้าไปตอแยด้วยนางรานีไปอยู่กับหนุ่มรุ่นน้องได้ไม่กี่เดือน ก็เห็นกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันอีกไม่รู้ว่าไอ้ทะนงมันยอมรับได้อย่างไร เพราะรู้ทั้งรู้ว่านางรานีหนีไปกับหนุ่มคนหนึ่ง หากเป็นเมียผมไม่มีทางให้เข้าบ้านอย่างเด็ดขาดเมื่อกลับมาใช้ชีวิตร่วมกันอีก นางรานีก็ทำตัวเป็นเมียที่ดีเป็นแม่ที่ดีของลูกได้อย่างน่าใจหาย เหมือนคนสำนึกผิดที่กลับเนื้อกลับตัวได้แล้ว แต่ก็อย่างว่าแหละ ตะกั่วมันก็ยังเป็นตะกั่วอยู่วันยังค่ำ ไม่มีทางเป็นทองคำไปได้นางรานีชอบหนีเที่ยวด้วยข้ออ้างสารพัด โดยที่ไอ้ทะนงก็เชื่อใจบางทีก็ไปส่งถึงที่ด้วยซ้ำ แต่หลังจากนั้นนางรานีจะไปต่อกับใครที่ไหนไม่ทราบได้ มันยิ่งกว่านางโมรา-กากี กลับชาติมาเกิดเป็นไหนๆ

ไอ้ทะนงระแคะระคายจากเพื่อนๆ แต่ไม่กล้าขึ้นเสียงกับเมียของมัน เพราะกลัวว่าเมียจะเก็บข้าวของหนีไปอีก มันอยู่อย่างหวานอมขมกลืน เพราะไม่กล้าแสดงอาการหึงหวงหรือต่อว่าเมียของมัน ทำให้เมียของมันได้ใจขึ้นทุกวัน บางวันเมียของมันหายออกจากบ้านตั้งแต่เช้ามืด มันต้องไปขายเนื้อแดดเดียวที่ตลาดเอง กลับมาก็หมักเนื้อตากแดด นั่งเฝ้านอนเฝ้า พอบ่ายแก่ๆ ก็เก็บไปขายตลาดแลงหรือตลาดเย็น แทนเมียของมันที่เอาแต่เริงสนุกช่วงนี้มีเพื่อนบ้านหลายคน ที่กล้าเข้าไปยุ่งกับเรื่องราวส่วนตัวของมัน แต่ก็เข้าไปในทางดีคือบอกกล่าวแนะนำมันโดยยกเอาพฤติกรรมของนางรานี บอกกล่าวให้มันได้รับรู้ว่าอะไรเป็นอะไร

ผมเองก็สงสารมันที่ประสบปัญหาครอบครัว แต่อีกใจก็ไม่ชอบที่มันทำร้ายแมวและสุนัข ที่ไปขโมยเนื้อตากแดดและแมวแถวบ้านแทบจะสูญพันธุ์ไปแล้ว
มีแมวตัวหนึ่งกระเสือกกระสนมาหน้าบ้านผม และสุนัขที่ผมเลี้ยงก็เห่าไม่หยุด ผมเห็นแมวตัวนั้นล้มตะแคงกับตาและมีน้ำลายเป็นฟองเต็มปาก ก็รู้ว่าโดนยาพิษเข้าให้จึงเอาน้ำที่ผมแช่เข้าเหนียวกรอกปากให้เผื่อมันจะรอด ผมไม่ทราบว่าเป็นแมวของใคร แต่สาปแช่งคนที่ใจร้ายใจดำ ที่ทำกับมันได้อย่างอำมหิต ซึ่งก็มีคนเดียวเท่านั้นคือไอ้ทะนงนั่นเอง
แมวตัวนั้นโดนน้ำแช่ข้าวกรอกปากจนสำรอกออกมา แต่สักพักมันก็ดิ้นกระตุกอย่างแรง แล้วออกอาการชักอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะขาดใจตายไปต่อหน้าต่อตาผม
นางโมรา-กากียุคใหม่หายหน้าหายตาไปอีกครั้ง ไม่รู้ไปอยู่ไหน คนที่ระทมทุกข์ก็คือไอ้ทนงไม่รู้เหมือนกันว่ามันพิศวาสและหลงใหลอะไรนักหนา มันไม่ทำมาหากินอะไร พ่อค้าที่เอาเนื้อมาส่งก็หิ้วถุงกลับ เพราะมันไม่มีกะจิตกะใจที่จะทำอะไรจนกระทั่งเช้าวันหนึ่ง ลูกชายของมันตื่นนอนขึ้นมา แล้วพบผู้เป็นพ่อนอนน้ำลายฟูมปากอยู่อีกห้อง จึงร้องบอกเพื่อนบ้าน ผมอยู่ไม่ไกลนักก็ไปดูด้วย แต่ก็ได้แค่ดูเพราะไอ้ทะนงตัวแข็งทื่อไปแล้ว

มันซดยาพิษหนีปัญหา ที่เมียของมันหอบเสื้อผ้าหนีไปกับผู้ชาย แต่มันก็ตัดช่องน้อยไปแต่พอตัวเพราะลุกยังเล็กอยู่และเพิ่งเรียนชั้นประถมต้นเท่านั้นผมมองสภาพศพของมันที่นอนตัวแข็งทื่อ ด้วยน้ำลายฟูมปากแล้วนึกถึงแมวที่ถูกมันเบื่อตายขึ้นมาทันที หรือว่ากรรมที่มันทำกับแมวได้มาถึงตัวมันแล้ว

โดย : สงกรานต์ เวียงชาติ
ขอขอบคุณ นิตยสารรวมกฎแห่งกรรม

Written by on

Written by on

เรื่อง..กรรมที่ทำกับอึ่ง

กลางเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน เป็นช่วงที่ฝนเริ่มตกบรรดาอึ่งอ่างจะมุดดินขึ้นมาหาอาหารสืบพันธุ์วางไข่ และในช่วงนี้ชาวบ้านแถวชนบทจะออกจากบ้านไปหาจับอึ่งมาทำอาหาร แต่ก็มีชาวบ้านอีกหลายคนไปจับอึ่งเพื่อนำไปขายยังตลาด ซึ่งก็ขายดิบขายดีได้เงินเป็นกอบเป็นกำ เนื่องจากชาวบ้านในชนบทต่างนิยมกินเนื้ออึ่งกันถ้วนหน้า

ดิฉันเองก็ยอมรับตรงๆ ว่าเป็นคนชอบกินเนื้ออึ่งมากและถือเป็นเมนูโปรดเชียวแหละ ส่วนพี่ชัยสามีของดิฉันก็ชอบกินเนื้ออึ่งเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นแกงอึ่ง ย่างอึ่ง หรือกระทั่งผัดเผ็ดอึ่งใส่กะเพรา ก็ถือเป็นกับแกล้มเลิศรสในวงสุราเลยทีเดียว

ฉะนั้น จึงไม่แปลกประหลาดสำหรับดิฉันเมื่อได้ยินเสียงฟ้าร้องครั้งใด ดิฉันมักจะเห็นพี่ชัยแหงนหน้าขึ้นฟ้าแล้วร้องตะโกนด้วยเสียงอันดังว่า

?ตกลงมาเลยเว้ย ฝนเว้ย ข้าจะได้กินอึ่งให้สมใจ?

แล้วมาวันหนึ่งช่วงหลังสงกรานต์ ฝนก็ตกลงมาจริงๆ ตกลงมาพร้อมกับเสียงครวญครางของฟ้า ทั้งแลบทั้งผ่าอึงคะนึงไปหมด มันตกลงมาในช่วงดึก ขณะที่ชาวบ้านส่วนใหญ่กำลังนอนหลับสบาย พี่ชัยของดิฉันกลับเดินฝ่าฝนออกไป พร้อมกับกระสอบปุ๋ยและไฟฉายดวงโต เป้าหมายคือการจับอึ่งในป่าชุมชน ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านมากนักร่างของพี่ชัยหายลับไปกับสายฝน และสายฟ้าที่แลบแปลบปลาบไปทั่วบริเวณ

พี่ชัยกลับเข้าบ้านอีกครั้งตอนฟ้าสาง พี่ชัยเดินลักษณะหลังโก่งเข้าบ้าน บนหลังมีกระสอบปุ๋ยบรรจุอึ่งนับ 100 ตัว

?เร็วเข้าน้องพร ก่อไฟตั้งหม้อน้ำร้อนให้พี่หน่อยเดี๋ยวจะได้ลวกอึ่งไปขายที่ตลาด?

ดิฉันรีบก่อไฟตั้งหม้อน้ำร้อน ส่วนพี่ชัยเทอึ่งจากกระสอบปุ๋ยลงในโอ่งแดงแล้วปิดฝาในทันที กลัวอึ่งจะกระโดดหนี

แถวหมู่บ้านที่ดิฉันอาศัยอยู่เวลาจะนำอึ่งมาประกอบอาหาร ต้องฆ่าอึ่งด้วยการลวกอึ่งในน้ำร้อนเสียก่อน เพื่อขจัดคราบคาวหรือน้ำยางที่ติดมากับอึ่ง นี่ถือเป็นเคล็ดอย่างหนึ่งที่ทำให้การปรุงอาหารด้วยเนื้ออึ่งมีรสชาติเหนือชั้น

ไม่นานหม้อน้ำร้อนขนาดใหญ่ก็เดือดปุดๆ อยู่บนเตาและเปลวไฟจากท่อนฟืนก็ลุกโชน พี่ชัยยกโอ่งแดงที่ใช้ขังอึ่งมาวางไว้ใกล้ๆ กับกองไฟ จากนั้นพี่ชัยก็เปิดฝาโอ่ง ล้วงมือจับอึ่งคราวละ 5-6 ตัว แล้วโยนลงไปในหม้อน้ำร้อน ซึ่งกำลังเดือดพล่าน

แม้จะชอบกินอึ่งเป็นชีวิตจิตใจ แต่ดิฉันก็อดที่จะเสียวสยองในจิตใจเสียมิได้ เมื่อเห็นอึ่งตัวเป็นๆ ถูกพี่ชัยจับโยนลงในหม้อน้ำเดือด ดิฉันเห็นพวกมันดิ้นพล่านทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวด พวกมันตะเกียกตะกายหมายหลุดจากหม้อแต่ก็ไปไม่รอด พวกมันถูกน้ำร้อนลวกจนขาดใจไปอย่างน่าเวทนา ผิวหนังของพวกมันกลายเป็นสีเทาหม่นขาทั้ง 4 ขา เหยียดยาวแข็งทื่อ

?เอากระชอนมาตักอึ่งเร็วน้องพร เดี๋ยวอึ่งก็สุกเสียก่อนหรอก? พี่ชัยหันมาพูดกับดิฉัน

แม้จะสมเพชเวทนาอึ่งแต่ดิฉันก็ยังติดใจในรสชาติของเนื้ออึ่งอยู่ดี อีกอย่างดิฉันต้องการเงินจากการขายอึ่ง เมื่อพี่ชัยบอกให้ช่วยตักอึ่งดิฉันจึงรีบนำกระชอนไปตักอึ่ง ใส่ลงในหม้อเปล่าอีกใบทันที

พี่ชัยยังคงจับอึ่งตัวเป็นๆ โยนใส่หม้อน้ำเดือดอย่างไม่รู้สึกรู้สา เวลาผ่านไปครู่ใหญ่อึ่งในโอ่งแดงก็ถูกลวกไปเกินครึ่ง เมื่อไฟเริ่มราพี่ชัยหันมาพูดกับดิฉันว่า

พร...พี่จะไปหอบฟืนมาเติมเตา จะได้พอดีลวกอึ่ง 

พี่ชัยเดินไปหอบฟืนข้างต้นขนุนร่วม 10 ดุ้น แล้วเดินกลับมายังเตาไฟ ขณะที่เดินจะถึงเตาไฟประมาณ 2 เมตร

ทันใดนั้นเอง เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ท่อนฟืน 2-3 ดุ้น ได้หลุดจากมือพี่ชัยตกลงพื้นดิน เป็นจังหวะเดียวกับเท้าของพี่ชัยสะดุดเข้ากับดุ้นฟืนพอดี ร่างกำยำของพี่ชัยเซถลำล้มฟาดไปด้านหน้า

ดิฉันตกตะลึง ร่างกายแข็งทื่อเหมือนถูกผีเข้า เมื่อเห็นส่วนใบหน้าและทรวงอกของพี่ชัย ล้มฟาดลงกับหม้อน้ำที่ยังเดือดปุดๆ อย่างแรง น้ำเดือดกระฉอกใส่เนื้อหนังของพี่ชัยเต็มๆ พี่ชัยร้องเสียงโหยหวน แสดงอาการเจ็บปวดอย่างสุดๆ พลันที่หม้อน้ำถูกกระแทกและแผลงฤทธิ์เข้าใส่พี่ชัยแล้ว หม้อน้ำใบนั้นก็กระดอนไปอีกทาง นั่นเท่ากับว่าร่างของพี่ชัยต้องล้มฟาดลงกับเตาไฟอย่างช่วยไม่ได้

?โอ๊ย...อ๊าก...ช่วยด้วย? พี่ชัยแหกปากร้องอย่างน่าเวทนา

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพี่ชัยมันเกิดขึ้นรวดเร็วเหลือเกินจนดิฉันตั้งตัวไม่ทัน เมื่อสติกลับคืนดิฉันรีบดึงร่างพี่ชัยออกจากเตาไฟทันที

สภาพของพี่ชัย เป็นสภาพที่สยดสยองน่าขนลุกขนพอง ส่วนใบหน้าและลำคอลงมาถึงทรวงอกของพี่ชัยเกิดเป็นแผลพุพอง หนังกำพร้าหลุดออก เป็นแผลที่เกิดจากน้ำร้อนและไฟไหม้ในคราวเดียวกัน

ดิฉันร้องตะโกนบอกญาติๆ ที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ รีบนำพี่ชัยส่งโรงพยาบาลประจำอำเภอ พี่ชัยถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉิน คุณหมอรีบรักษาอาการเบื้องต้น จากนั้นคุณหมอได้แจ้งให้ดิฉันทราบว่า พี่ชัยจะต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลร่วมอาทิตย์ จากนั้นให้ไปรักษาตัวที่บ้าน

หลังจากออกจากโรงพยาบาล และเวลาล่วงเลยมาร่วม 2 ปี ดิฉันไม่เคยได้ยินพี่ชัยพูดถึงเรื่องการจับอึ่งเลยสักครั้งและเมนูอาหารของเราก็ไม่เคยมีอึ่งอยู่ในสำรับอีกเลย

สำหรับดิฉันลึกๆ แล้วดิฉันเชื่อว่าเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นกับพี่ชัย เป็นเรื่องของเวรกรรมเป็นเรื่องของบาปบุญคุณโทษ พี่ชัยทำกรรมกับอึ่ง พี่ชัยโยนอึ่งตัวเป็นๆ ลงในน้ำเดือดทำให้มันได้รับความเจ็บปวดทุกขเวทนา พี่ชัยจึงต้องรับผลกรรมเช่นนั้นบ้าง

แล้วคุณผู้อ่านล่ะค่ะ เชื่อเรื่องเวรกรรมหรือเปล่า สำหรับดิฉันแล้วเชื่อเรื่องเวรกรรมจริงๆ ค่ะและจะไม่ยอมฆ่าสัตว์ตัดชีวิตอีกแล้ว...สาธุ

โดย : พิมพ์พร ขอขอบคุณ นิตยสารรวมกฎแห่งกรรม

Written by on

Written by on

เรื่อง..กรรมคืนสนอง

ทุกคืนที่ท้ายตลาดสดแห่งหนึ่งผู้คนที่เดินผ่านจะเห็นชายชราวัย 70 กว่า ร่างกายซูบผอม เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยบาดแผล บางแห่งตกสะเก็ด มีแมลงหวี่ตอม เสื้อผ้าเก่าขาดสกปรก บางแห่งขาดแต่ไร้การปะชุน

มือหยาบกร้าน เล็บยาวแข็งเกาลงบนเนื้อแห้งเป็นขุย จนเกิดรอยขาวเป็นทางยาว ใบหน้าแห้งตอบบิดเบี้ยว เมื่อแกหาว ภายในปากมีฟันแทบจะนับซี่ได้ ศีรษะของแกมีเส้นผมขึ้นเพียงหร็อมแหร็ม ทว่าเต็มไปด้วยสีขาวโพลน บางเส้นร่วงหล่นลงไปกองอยู่บนหมอนที่เก่าและดำจนออกมันเพราะความสกปรก

เสียงกรนดังเบาๆ สลับกับมือที่เกาเนื้อตัวเพราะถูกยุงกัด ตุ่มผื่นขึ้นเป็นปุ่มปม คนที่เห็นมีความรู้สึกต่างกันออกไป

บางคนเวทนาสงสารในความขัดสนไม่มีแม้แต่บ้านที่อยู่อาศัย อีกคนไม่กล้าเฉียดเข้าใกล้ รังเกียจในความสกปรกจนถึงขั้นกินอาหารไม่ลง ความรู้สึกประการหลังลุงทมรู้ดี พยายามที่จะไม่เข้าใกล้ใคร เว้นเสียแต่หิว จะต้องเดินไปหาแม่ค้าในตลาด ขอทำงาน เอาแรงเข้าสู้เพื่อแลกกับอาหารแค่พออยู่รอดไปมื้อๆ หนึ่ง

บางคนเมตตา นอกจากให้อาหารยังแถมเงิน เสื้อผ้า อุปกรณ์ในการดำรงชีวิต แต่ไม่บ่อยนักที่จะเจอคนใจดี เมื่อมีคนให้ลุงทมจะยกมือไหว้ กล่าวสรรเสริญในความมีน้ำใจตามด้วยน้ำตาคลอด้วยความเศร้า หลายคนรับรู้เรื่องราวแต่หนหลังของชายชราผู้ยากไร้เพราะแกจะเล่าให้แก่ผู้ที่สนใจ อยากทราบความเป็นมาเป็นไปทำไมถึงมานอนอยู่ท้ายตลาด ใช้ชีวิตโดดเดี่ยว ไร้ญาติขาดมิตร ไม่มีลูกหลานคอยดูแล

?เพราะความใจดำ ไม่มีน้ำใจ รังเกียจคนแก่ ทำให้ลุงต้องอยู่ในสภาพแบบนี้ จำเอาไว้นะลูกหลานเอ๊ย อย่าทำตนเหมือนลุง ไม่อย่างนั้นจะเสียใจ เพราะกรรมที่ทำเอาไว้ มันไม่สามารถที่จะล้างออกได้เหมือนคราบโคลน?

แทบไม่เชื่อหูเลยว่านี่คือคำสอนของชายผู้ยากไร้ แต่น้อยคนนักที่จะรับฟังเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ได้แต่หัวเราะเยาะแล้วเดินหนี แต่ก็มีคนคนหนึ่งยังนั่งอยู่ในท่าเดิม สายตาจับจ้องมองตลอดทั่วเรือนร่างด้วยความสนใจพร้อมกับหยิบสมุด ปากกาออกมาเพื่อจดข้อความสำคัญเอาไว้กันลืม รู้โดยสัญชาตญาณว่าผู้เฒ่ารายนี้มีอะไรบางอย่างน่าสนใจไม่น้อย

?เรื่องของลุงอาจจะไม่น่าสนใจก็ได้เพราะมันไม่สนุก มีแต่ความเลวที่กระทำต่อผู้อื่น สุดท้ายก็ต้องมีสภาพเหมือนคนที่เราเคยรังเกียจ อย่างที่เขาบอกว่ากงกรรมกงเกวียนนั่นแหละ เรื่องของลุงเกิดขึ้นเมื่ออายุ 20 กว่าๆ?

เรื่องของลุงทมถูกเปิดเผยขึ้นด้วยเสียงที่สั่นๆ เพราะความชรา แกบอกว่าเป็นลูกชายคนสุดท้องของเศรษฐีที่นาแถบอยุธยา พ่อแม่มีที่เยอะ นออกจากทำกินกันแล้วยังแบ่งที่ให้คนอื่นเช่าด้วย วัว-ควายก็มีมาก

คนงานมีแบบมาทำงานเช้าไปเย็นกลับ และมานอนค้างที่บ้านโดยสร้างเพิงให้อยู่ พวกลูกจ้างจะหุงหาอาหารกินกันเอง มีทั้งคนหนุ่มสาว มีครอบครัวและคนแก่ โดยจะแบ่งหน้าที่กันทำงานตามความเหมาะสม

ลุงทมไม่ค่อยสนใจช่วยงานสักเท่าไหร่ทำแค่เพียงคุมคนงาน โดยจะแกล้งให้ทำงานนานๆ เกินเวลาบ้าง หรือใช้งานหนักแต่จ่ายเงินน้อย ไม่สนใจว่าใครจะได้รับความเดือดร้อน เหนื่อย ยากลำบากสักแค่ไหน แกมีความสุขที่ได้กระทำแบบนี้คนงานไม่ชอบพยายามเลี่ยง ไม่กล้าเข้าใกล้เพราะกลัวถูกใช้ทำงาน

เมื่อไม่มีคนงานเข้ามา ลุงทมเป็นฝ่ายเข้าไปหาเอง คนหนุ่มสาวมีเรี่ยวแรงพากันวิ่งหลบหนี จะมีแต่เพียงคนแก่หูตาฝ้าฟาง ส่วนใหญ่จะให้ทำหน้าที่ฝัดข้าวที่นวดเสร็จแล้ว ถือว่าเป็นงานเบาแต่ลุงทมกลับให้ทำงานหนักๆ บังคับคนแก่ไปไถนากลางแดดร้อนๆ แกล้งไม่ให้พักบางคนเหนื่อยจนหมดแรงเป็นลมล้มคว่ำ บางคนถูกใช้ให้ไปหาบน้ำจากคลองมาใส่ตุ่มให้แกอาบ แต่ไม่ยอมให้เงินหรือว่าให้นิดหน่อยไม่คุ้มกับแรงที่เสียไป

ถ้าหากว่าใครทำงานได้ไม่ทันใจจะด่าให้อับอาย ไล่ออกไปอยู่ที่อื่น คนแก่บางคนร้องไห้เพราะความคับแค้นใจ แต่ไม่กล้าบอกพ่อแม่ลุงทม เพราะแกขู่เอาไว้ถ้าหากใครบอกพ่อแม่จะถูกลงโทษอย่างหนัก ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีคนแก่เข้ามาทำงานที่บ้าน ลุงทมชอบใจเพราะไม่ต้องแบกรับภาระ ถ้าหากว่ามีคนแก่เข้ามาของาน แกจะไล่ตะเพิดทันที

วันหนึ่งขณะที่ลุงทมกำลังนอนเป่าขลุ่ยอย่างอารมณ์ดี มีเสียงคนเรียกอยู่ใกล้ๆ เมื่อมองดู อารมณ์เสียทันที คนแก่อายุ 70 กว่า หลังงองุ้ม ถือไม้เท้าเดินเข้ามายกมือไหว้ ขอข้าวกิน ลุงทมบอกว่าไม่ให้พร้อมกับไล่เสียงดัง ด่าว่าสาดเสียเทเสียคนแก่นั่งยองๆ ยกมือไหว้ ไม่ยอมไป ลุงทมเห็นดังนั้น ผลักเต็มแรงจนร่างชายแก่ล้มลงไปนอนกับพื้น

เท่านั้นยังไม่พอ แกคว้าไม้ได้ทำท่าจะตี ถ้าพ่อแม่ไม่เข้ามาห้ามเอาไว้ ลุงทมคงทำร้ายคนแก่คนนั้น ทุกคนที่เห็นพากันตำหนิในความใจร้ายใจดำที่มีต่อคนแก่อดอยาก ไม่สนใจ ทำตัวแบบนี้เรื่อยมมา กระทั่งพ่อแม่แบ่งที่นาให้ ลุงทมไม่สนใจทำ เอาไปขาย ติดการพนันและเสียท่าผู้หญิงที่เป็นหางเครื่องวงดนตรี หลอกจนเสียเงินเสียทอง

ไร่นาที่มีขายจนหมดเกลี้ยง พี่น้องไม่ช่วยเหลือ เพราะถือว่าได้มรดกไปแล้วไม่รู้จักรักษา เวลานั้นเริ่มแก่เฒ่าลงทุกทีแกออกหางานทำ ค่ำไหนนอนนั่น เร่ร่อนไปเรื่อย เมื่อหิวไปขอข้าวคนกินแต่ไม่มีใครให้ แถมยังไล่และด่าเหมือนที่แกเคยทำกับคนแก่

แกบอกว่าที่เป็นแบบนี้เพราะบาปที่เคยทำเอาไว้นั่นเอง ตอนนี้มันคืนสนองอย่างเต็มที่

โดย : นิลราตรี ขอขอบคุณ นิตยสาร รวมกฎแห่งกรรม

Written by on

Written by on

เรื่อง..แม่กู้ได้ ลูกกู้ภัย

ใครๆ ก็รู้ว่าเงินเป็นสิ่งจำเป็นและบันดาลทุกอย่างที่ต้องการได้อำนาจเงินนั้นสามารถเปลี่ยนคนได้ สามารถย้ายภูเขาทั้งลูกอย่างสบาย ซ้ำอำนาจของมันเป็นสิ่งทำให้คนทะเลาะบาดหมางใจกันถึงขั้นฆ่ากันตายเพื่อการได้มาครอบครอง

ที่ชุมชนเล็กๆ แห่งหนึ่งซ่อนตัวอยู่หลังบ้านฉันซึ่งเป็นตึกแถว ชุมชนเป็นลักษณะบ้านเช่าครึ่งตึกครึ่งไม้ 2 ชั้น เรียงกันบล็อกๆ ประมาณ 60 ห้อง ห้องหนึ่งกว้างเพียง 3 เมตรเศษ ลึกประมาณ 7-8 เมตร มีบันไดและห้องน้ำสำเร็จ

คิดดูว่าจะเหลือพื้นที่ใช้สอยสักเท่าไหร่ เฉพาะของใช้สอยก็แทบไม่มีที่จะเอนนอน เพื่อนฉันที่อยู่ที่นี่เธอเรียกว่าที่ซุกหัวนอนจริงๆ จะทำไงได้ไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้ แต่ดีอย่างหนึ่งคือชุมชนที่นี่ไม่มีเรื่องยาเสพติด ฉันเข้า-ออกเป็นประจำ และรู้จักคนในนั้นมากพอสมควร

ป้าไสวเป็นคนหนึ่งที่ฉันรู้จักมาตั้งแต่สมันเรียน แกขายข้าวแกงอยู่ปากทางเข้าชุมชน เป็นคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ดีและเป็นที่นับถือของคนที่นั่น แกมีลูกชายชื่อจ๊อด เป็นรุ่นน้องฉัน 2-3 ปี จีอดช่วยแม่ขายของและไปจ่ายตลาดที่คลองเตย หลังจากเก็บร้านเสร็จในตอนค่ำจ๊อดจะไปเป็นอาสาสมัครกู้ภัยจนเกือบเช้า

ชีวิตคนเราผกผันได้ตลอดเวลาและมาแบบไม่ได้คาดคิดเสมอ เมื่อสามีของป้าไสวเสียชีวิตอย่างกะทันหัน ขณะที่ต้องใช้เงินก้อนโตแต่เงินเก็บไม่มี เหมือนอยู่ทะเลทรายหากมีน้ำเพียงนิดแม้น้ำนั้นกร่อยเค็มก็ต้องกิน ป้าไสวจำใจต้องไปกู้เงินดอกเบี้ยโหดเพื่อมาทำพิธีศพสามี การกู้หนี้ยืมสินเป็นความช้ำใจซ้ำสอง ผ่านไปไม่นานแกได้เงินค่าประกันชีวิตของสามีเป็นเงิน 2 แสนกว่าบาท แกมารู้เมื่อค้นเอกสารของสามี คิดว่าอะไรที่ไม่ใช้จะเผาทิ้งเสีย แต่ยังนึกเคืองคนตายที่ไม่ยอมบอกเรื่องนี้

ชีวิตป้าไสวมาถึงจุดผกผันที่ดีแต่ดีไม่ทั่ว จากคนที่หาเช้ากินค่ำมีแค่เงินพันกลายเป็นคนมีเงินแสน แกจ่ายหนี้ที่กู้มาทำศพสามีทันที และแม้จะมีเงินแสนแกก็ยังยึดอาชีพขายข้าวแกงต่อไป(กับข้าวหรือแกงที่ร้านแกอร่อยไม่แพ้ใคร)

วันหนึ่ง ฉันไปกินข้าวแกงป้าไสวมาปรึกษาเพราะฉันมีอาชีพขายตรงสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน แกมีหนังสือการวางแผนการตลาดติดมือมาด้วย แกปรึกษาเรื่องจะเอาเงินที่มีอยู่ทำให้เกิดดอกเกิดผล จึงคิดจะปล่อยเงินกู้คนในชุมชน แต่ละอย่างที่แกพูดหรือวางแผนนั้นอย่างกับเป็นนักการตลาดมืออาชีพเลยทีเดียว

?ป้าคิดว่าจะดึงส่วนแบ่งการตลาดจากคนที่ป้าเคยไปกู้เงินเขามา แกว่าเป็นยังไงบ้าง??

?ป้านี่พูดศัพท์การตลาดซะด้วยเรื่องเงินกู้หนูไม่รู้อะไรมากหรอกน่ะ อีกอย่างป้าไปทำทับเส้นเขามันอันตรายพวกนี้เขามีอิทธิพลนะ?

?ป้าว่าจะเจาะและรุกลูกค้าในชุมชนที่ไปกู้คนนอก โดยคิดดอกเบี้ยต่ำกว่า ถือเสียว่าช่วยๆ คนในนี้คนอื่นเขาคิดร้อยละ 20 บาทต่อวัน ป้าจะคิดดอกร้อยละ 10 คนกลุ่มเป้าหมายก็จะมากู้เงินกับเราเพื่อไปจ่ายต้นและดอกเจ้าเดิม และคนในชุมชนเราอาจจะพาเพื่อนคนนอกมากู้กับป้าอีกก็ได้?

ใครจะคิดว่าแม่ค้าขายข้าวแกงจะวางแผนการตลาดได้ขนาดนี้ ฉันไม่มีความเห็นอะไรเพราะงงและทึ่งจริงๆ กับคำศัพท์ที่แกพูด แต่ถึงแม้ร้อยละ10 ก็ยังแพงและโหดอยู่ดี แกคงลืมความช้ำใจที่ตัวเองเคยไปกู้เงินดอกเบี้ยโหดไปแล้วมั้ง

ไม่นานทุกอย่างก็เป็นไปอย่างที่แกวางแผนไว้ สร้างความเจ็บแค้นให้แก่คนปล่อยกู้คนเดิมมาก ถึงขนาดส่งคนมาข่มขู่แกแต่ก็กระเจิงกลับไปเมื่อนายจ๊อดลูกชายพาพวกอาสาสมัครมาคอยท่าไว้นับ 10 คนเหมือนมีการเตรียมไว้ก่อนแล้ว

เพียงเวลา 6 เดือน ป้าไสวสามารถครองพื้นที่ได้หมด แต่จะไม่ปล่อยเงินกู้ข้ามเขตไปทับเส้นคนอื่นๆ และต่อมา แกขึ้นค่าดอกเบี้ยไปเรื่อยๆ แบบค่อยเป็นค่อยไปจนดอกเบี้ยเท่ากับเจ้าอื่นๆ 

เงินสามารถเปลี่ยนคนได้จริงๆ จากหน้ามือเป็นหลังมือในระยะเวลาไม่นาน จากผู้กู้ที่หาเช้ากินค่ำผันตัวมาเป็นผู้ให้กู้ ป้าไสวใจดีพูดจาไพเราะกลับกลายเป็นแข็งกร้าวเหมือนมะนาวไม่มีน้ำ ซ้ำร้ายยังหยาบคายจากเป็นคนที่น่านับถือกลายเป็น ?เจ๊ไหว ปากร้าย? เสียงดังและเจ้าอารมณ์ เป็นที่น่าชิงชังรังเกียจฉันเองไม่อยากคุยกับแกด้วยเลย

ร้านของแกขายทั้งข้าวแกงและเป็นศูนย์รับชำระหนี้ไปโดยปริยาย แรกๆ ช่วงโปรโมชั่นลูกหนี้จะจ่ายช้าไปบ้าง แกก็ยังผ่อนปรนแต่เมื่อส่งช้าหลายวันและหลายครั้งแกย่อมไม่ยอมเป็นเรื่องธรรมดา ไม่ว่าตัวฉันเองหรือใครๆ ก็ไม่อยากเป็นหนี้และคงมีน้อยคนนักที่ไม่เคยเป็นหนี้ ก็นับว่าโชคดีมากๆ

บางคนต้องกู้สู้ดอกเบี้ยโหดด้วยความจำเป็นจริงๆ อย่างน่าเห็นอกเห็นใจ และเห็นทีจะแย่ที่อีกหลายคนกู้เงินไปเพื่อความฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยของตัวเอง และจบลงที่วงเหล้าฉันเคยได้เห็นได้ยินเหมือนพูดติดตลก

?เงินทองเป็นของนอกกายก็จริง กว่าหามาได้ก็แทบตาย หนี้สินเป็นของนอกกาย ถ้าไม่ตายดอกเบี้ยทวีคูณ?

แค่ได้ยินก็รู้สึกปลงๆ ถ้าการเป็นหนี้เพื่อการอยู่ของชีวิตก็น่าเป็นอยู่หรอกนะค่ะ แต่ครื้นเครงกับการเป็นหนี้คงยากที่หลุดออกจากวังวนคนเป็นหนี้ไปได้

จ๊อดกู้ภัย เป็นทั้งผู้ทำร้ายและผู้ช่วยเหลือในร่างเดียวกัน จ๊อดกลายเป็นคนยกมือไหว้คนไม่เป็นเสียแล้ว กลางวันเป็นปีศาจล่าดอกเบี้ยให้แม่ ใครไม่มีให้ก็ด่า ข่มขู่ จนถึงมีลงมือลงไม้ โดยไม่คำนึงว่าจะหัวหงอกหัวดำ หรืออย่างน้อยก็เป็นคนในชุมชนเดียวกัน เพราะเขามีเพื่อนอาสาสมัครมากและแวะเวียนมาหาบ่อยๆ

บางครั้งจ๊อดยังเรียกวิทยุขอกำลังเหมือนตำรวจเลยทีเดียว คนที่ถูกทำร้ายไม่กล้าแจ้งความเพราะจ๊อด กู้ภัย มีสัมพันธ์กับเจ้าหน้าที่บางคนในฐานะอาสาสมัครที่ต่างฝ่ายก็พึ่งพากันในยามมีเหตุ

กลางคืนกลายเป็นนักบุญคอยช่วยเหลือสังคม บางครั้งก็แอบชื่นชมเขาเมื่อคนในชุมชนเกิดอุบัติเหตุฉุกเฉินจีอดปีศาจก็กลายเป็นจ๊อดกู้ภัยได้ในทันที มันเหมือนขาวกับดำและน้ำกับไฟ ฉันมองไม่ออกและไม่เข้าใจในตัวเขาจริงๆ

ฉันไม่ได้เข้าไปในชุมชนประมาณ 2 เดือน เพราะไม่มีคนสั่งซื้อของจากฉันเพราะเศรษฐกิจไม่ดีจริงๆ เมื่อกลับเข้าไปอีกครั้งรู้สึกถึงความเปลี่ยนไปอย่างมาก ?เจ๊ไหว ปากร้าย? ติดแอร์ที่ห้องชั้นบนเป็นบ้านแรกและบ้านเดียวในชุมชน ฉันพูดกับแกว่า มีเงินแล้วน่าขยับขยายให้ตัวเองสบายกว่านี้ แกตอบมาฉันแทบหงายเลย

?ย้ายทำไม ที่นี่เป็นทำเลทองเป็นขุมทรัพย์ในสลัม?

จ๊อดกู้ภัย สวนกระแสเศรษฐกิจออกรถกระบะใหม่ ใช้สำหรับไปซื้อของและใช้เป็นรถกู้ภัย มีสติกเกอร์ติดมีไซเรนและวิทยุสื่อสารอีกด้วย มีสมัครพรรคพวกมากขึ้น ยิ่งเขาใส่ชุดหมีเวลาออกปฏิบัติงาน ดูเป็นทางการและทะมัดทะแมง น่าเกรงขามอย่างบอกไม่ถูก

ดูเหมือนครอบครัวป้าไสวจะรุ่งเรืองขึ้นอย่างรวดเร็ว ตรงข้ามกับพวกลูกหนี้ที่นับวันจะเสื่อมลงและมีเรื่องกับจ๊อดกู้ภัยบ่อยขึ้นเรื่อยๆ รถกับชุดอาสาเหมือนเป็นเกราะบังตาเจ้าหน้าที่ไปโดยปริยาย  

เพื่อนฉันบอกว่า ป้าไสวเลิกขายข้าวแกงที่ทางเข้าชุมชนเพราะเช่าที่หน้าตลาดได้และขายเฉพาะช่วงเช้าเท่านั้นฉันยังนึกในใจว่าก็ดี ถึงมีเงินก็ไม่งอมืองอเท้า แต่ฉันยังเคยเห็นว่าขายดีแค่ไหนแต่เมื่อเห็นพฤติกรรมของแกในเช้าวันหนึ่งก็รู้สึกเสื่อมศรัทธาในตัวแกมากขึ้น

เช้าวันพระ ฉันไปซื้อกับข้าวใส่บาตรที่แผงของแก ฉันก็ใส่บาตรตามปกติแต่มองของที่ป้าไสวเตรียมนั้นจำนวนไม่ลดลงทั้งที่มีคนใส่บาตรทำบุญมากมาย และเห็นจ๊อดกู้ภัย เอาของมาเสริมอยู่เรื่อยๆ ไม่นานฉันก็รู้ว่าเป็นการขายกับข้าวใส่บาตรแบบเวียนเทียน พฤติกรรมเหมือนกับที่เห็นเป็นข่าวไม่มีผิด แม่ลูกและพระพร้อมลูกศิษย์รู้กันอย่างไม่กลัวบาปกลัวกรรม ด้วยความที่คุ้นเคยกันจึงแกล้งถามดูว่า

?ป้าแบบนี้มันบาปนะ ดูไม่ดีเลย?

?แล้วเกี่ยวอะไรกับแก!? ป้าไสวตวาดใส่ฉันจนฉันสะอึกแทบหงายเลย สรรพนามที่เคยใช้เปลี่ยนไป

?ใครๆ เขาก็ทำกันทั้งนั้น บาปเบิบอะไร ฉันไม่ได้ไปบังคับให้มาซื้อของกับฉันนี่ เมื่อมีข้อเสนอมาก็น่าจะสนองให้ รอให้พระแบบนี้ไม่มีซะก่อนฉันค่อยเลิก?

?จริงเหรอป้า? กำไรเป็นกอบเป็นกำอย่างนี้นี่น่ะ?

?จริงซิ! แกไปทำงานของแกได้แล้วฉันจะขายของ ไอ้จีอดมันไปนานจังว่ะ?

ฉันนึกในใจว่า สักวันหนึ่งบาปที่ทำจะต้องสนองแน่ทั้งผู้ขายและผู้รับ เงินทองไม่เข้า-ออกใคร บาปกรรมก็ไม่เข้าออกใครเหมือนกัน ผ่านไปหลายวันพระก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉันไม่อุดหนุนป้าไสวจึงหลบไปใส่บาตรที่หลังตลาดแทนเพราะพระท่านรับบาตรแล้วเดิน ไม่ยืนแช่คอยท่าเหมือนหน้าตลาด

เมื่อเดินกลับบ้านผ่านแผงของแก แกก็พูดเป็นเชิงกระแทกแดกดัน แต่ฉันก็ไม่โต้ตอบแกเพราะเพิ่งใส่บาตรมา ใจสงบสดชื่นก็ระงับใจตัวเองได้ ตอบโต้ไปก็เรื่องยาวเปล่าๆ ไร้ประโยชน์ จ๊อด กู้ภัย มองฉันด้วยสายตาไม่พอใจ

เวรกรรมบางครั้งก็มาช้าเกินไป เพื่อไม่ให้คนเสื่อมศรัทธาและไม่นิ่งดูดาย ฉันจึงเร่งกรรมให้เร็วขึ้นด้วยการแจ้งเรื่องนี้ไปที่กรมการศาสนาเสียเลย ส่วนเขาจะจัดการหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และฉันก็ไม่ได้ใส่บาตรไปหลายอาทิตย์ จนกระทั่งมาหาเพื่อนในชุมชนจึงได้รู้ว่าเรื่องที่แจ้งไปนั้นได้รับการสนองเรียบร้อยแล้ว ตุ๊กเพื่อนฉันบอกว่าป้าไสวบ่นเป็นหมีกินผึ้งเลยที่โดนแบบนั้น

มีเรื่องที่คนเราไม่คาดคิดเสมอ เมื่อเดือนที่แล้วป้าไสวไปทัวร์ไหว้พระที่นครสวรรค์ รถทัวร์ที่แกนั่งไปนั้นคว่ำที่ถนนสายเอเชียเพราะฝนตกถนนลื่นแกได้รับบาดเจ็บสาหัส จ๊อด กู้ภัยไปรับตัวแม่เข้า ร.พ.เอกชนกรุงเทพฯ และอยู่ใกล้บ้านอีกด้วย ฉันรู้ข่าวจึงชวนตุ๊กไปเยี่ยมแก ป้าไสวยังไม่รู้สึกตัวลูกชายแกบอกว่า หลังจากย้ายมากรุงเทพฯหัวใจแกหยุดเต้นไปพักหนึ่ง หมอต้องปั๊มหัวใจได้สำเร็จแต่ก็ยังไม่รู้สึกไม่มีการตอบสนองใดๆ

สุดท้าย จ๊อด กู้ภัย ก็ตัดสินใจเอาป้าไสวออกจาก ร.พ. เพราะเสียค่าใช้จ่ายต่อไปไม่ไหว ที่ผ่านมาก็หมดเป็นแสน คนจนอย่างเราๆ ถ้าเป็นอะไรขึ้นมาคงตายสถานเดียวถึงจะมีประกันสังคมคงช่วยอะไรไม่ได้มาก ป้าไสวกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา

ฉันเปรยกับเพื่อนว่า ?น่าเศร้าไปทำบุญไหว้พระแท้ๆ กลับต้องมาเป็นอย่างนี้?

เพื่อนพูดว่า ?บุญก็ส่วนบุญ กรรมมากแต่บุญทำน้อย เวรกรรมก็แซงบุญได้เหมือนกัน บางทีกระแสกรรมมันแรงอาจลดส่วนแบ่งของบุญลงมาก็ได้ แกโหดกับคนในชุมชนตั้งเท่าไหร่ แล้วไหนจะเรื่องที่ตลาดอีกล่ะ นี่ไอ้จ๊อดคงเดินตามดอกล่าเบี้ยขาขวิดเลย ค่าใช้จ่ายไม่ใช่น้อยๆ เงินต้นกับดอกจะซื้อความเป็นปกติให้แม่มันได้เปล่าก็ไม่รู้?

จ๊อด กู้ภัย ยังเป็นอาสาสมัครเหมือนเดิม โดยจ้างคนข้างบ้านดูแลแม่ในเวลากลางคืนโดยหักเงินต้นและดอกเบี้ยเป็นวันต่อวัน ล่าสุดจ๊อด กู้ภัยก็ไม่ได้เป็นอาสาสมัครเพราะไปมีเรื่องกับอาสาสมัครอีกพวกหนึ่ง โชคยังดีที่ไม่ถึงกับสาหัสมาก

เคยสังเกตไหมว่าเวลาที่คนเรากำลังแย่นั้น ความซวยมันก็จะเกิดขึ้นติดๆ กัน คนปล่อยกู้เงินคนเดิมที่คิดว่าเลิกผูกใจเจ็บไปแล้วกลับส่งคนมาทำร้ายจ๊อดซ้ำอีกทั้งที่บาดแผลเก่ายังไม่หายดี ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะอาฆาตมาดร้ายกันนานขนาดนี้ จ๊อดแจ้งความเอาเรื่องเป็นคดีความวุ่นวายกันไปแล้วไหนจะเรื่องแม่ตัวเองอีก

เวลานี้ เงินไม่มีค่าและความสำคัญกับป้าไสวอีกแล้ว เพราะแกได้สิ้นบุญลงในเวลาต่อมา คนเราก็เท่านี้เองไปตัวเปล่านอกจากบุยกรรมติดตัวไปเท่านั้นจริงๆ

มีคนบอกว่า เงินจะมีค่าและมีความสำคัญก็ต่อเมื่อเราต้องการใช้มันเท่านั้น! และใช้ในทางที่ถูกที่ควรมันก็จะเป็นคุณประโยชน์แก่ผู้ใช้ เงินจึงไม่ต่างจากศัสตราวุธที่อาจจะย้อนกลับมาบาดเรา ผู้มีเงินจึงต้องใช้อย่างระมัดระวัง!!

โดย : เพชรดา ขอขอบคุณ นิตยสารรวมกฎแห่งกรรม

Written by on