สูตรนี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบไดเอท เพราะกินเท่าไรก็ได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะหิวระหว่างวัน แครอทมีไฟเบอร์ทำให้อิ่มท้อง ส่วนเนื้อบริเวณอกไก่ก็แทบจะไม่มีไขมันเลย เลยมั่นใจได้ว่าอาหารที่ทำจากสองอย่างนี้จะแคลอรีต่ำมากๆ

How to : เปลี่ยนมื้อเย็นของทุกๆ วันเป็นแครอทกับอกไก่ย่างแทน โดยใช้แครอทมื้อละ 1-2 หัว จะกินสดๆ หรือเอาไปต้มก่อนก็ได้ ส่วนอกไก่เป็นเมนูส่วนตัวของคุณ จะปรุงรสแบบไหน หมักซอส หมักเกลือ ต้ม ย่าง อบ เชิญได้เลยตามชอบ แต่มีข้อแม้ว่าต้องไม่กินเนื้อไก่แบบติดหนัง และต้องดื่มน้ำเปล่าตามมากๆ ทุกมื้อ

ขอขอบคุณ ที่มา : spicy ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

ตอนนี้ผู้หญิงหลายคนนิยมพึ่งโบท็อกซ์ทำหน้าเรียวกัน หารู้ไม่ว่าคุณก็ลดแก้มป่องๆ เองได้ด้วยวิธีธรรมชาติที่ทั้งถูกเงินและไม่เจ็บตัวเลย

ท่ากระชับกล้ามเนื้อแก้ม

1. นั่งตัวตรง เอียงศีรษะไปทางซ้าย ปล่อยใบหน้าสบายๆ จากนั้นเริ่มหดแก้มขวาเข้าไปในกระพุ้งแก้ม (คล้ายๆ ดูดแก้มเข้าหาตัว) ถ้าแก้มห้อยมากก็สามารถใช้ฝ่ามือดันยกแก้มช่วยอีกแรง พร้อมกับหดแก้มไปด้วย ค้างไว้ 1-5 วินาทีแล้วค่อยๆ ปล่อยออก
2. เอียงศีรษะไปทางขวา ทำซ้ำด้วยวิธีเดียวกัน
3. บริหารทุกวัน วันละ 30-50 ครั้งถึงจะได้ผล ระหว่างที่ทำพยายามหายใจเข้า - ออกลึกๆ จะช่วยลดความปวดได้

ท่าลดคางสองชั้น สเต็ปที่ 1

1. ยืนตัวตรงหน้ากระจก ทำปากเป็นรูปตัวโอตัวโตๆ (ปากไม่ต้องย่น)
2. ค่อยๆ ยกมุมปากขึ้น งอลิ้นแล้วดุนด้านในกระพุ้งแก้มให้แน่น ค้างไว้ 5 วินาที จากนั้นแล้วค่อยๆ ปล่อยลิ้นลง ทำซ้ำอีกข้างหนึ่ง ทำท่านี้วันละ 10-20 ครั้ง

ท่าลดคางสองชั้น สเต็ปที่ 2

1. ยืนตัวตรง เงยหน้าขึ้นให้สุดจนศีรษะหงายไปด้านหลัง
2. พยายามใช้ฟันล่างงับปากบน จนรู้สึกตึงที่กล้ามเนื้อคางทำซ้ำ 10-15 ครั้ง วันละ 2-3 รอบ ไม่นานคางชั้นที่สองก็จะหายไปเอง

ขอขอบคุณ ที่มา : spicy ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

เดินเร็วๆ ดีกว่าเดินช้า การเดินเป็นการออกกำลังกายสำหรับคนที่ไม่มีเวลาอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเดินเร็วๆ จากบ้านไปถึงป้ายรถเมล์ และจากรถเมล์ไปที่โรงเรียนหรือที่ทำงานของคุณ จะช่วยเผาผลาญแคลอรี รูปร่างกระชับ พร้อมกับกระตุ้นประสาทให้ตื่นตัวขึ้นมาพร้อมรับวันใหม่

เกร็งหน้าท้องกระตุ้นระบบเผาผลาญ เทรนเนอร์ของดาราฮอลลีวู้ดมักจะบอกให้ลูกค้าเกร็งหน้าท้องตลอดเวลาไม่ว่าจะทำอะไร วิธีนี้เป็นการออกกำลังกายอีกรูปแบบหนึ่งที่จะช่วยให้ไขมันหน้าท้องสลายตัวตลอดเวลา ฉะนั้นเวลาที่นั่งหรือยืนอยู่บนรถเมล์ อย่าปล่อยเวลาผ่านไปเปล่าๆ พยายามเกร็งหน้าท้องให้แน่นที่สุดไว้สักพักแล้วค่อยๆ คลายออก จากนั้นก็เกร็งเข้าไปใหม่ ทำซ้ำๆ จนกว่าจะถึงป้าย ไม่นานไขมันที่เคยมาอุดตันอยู่กลางตัวคุณจะกลายเป็นอดีตไปเอง ที่สำคัญการออกกำลังกายแบบนี้ยังช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้นด้วย คนที่มีอาการท้องผูกพลาดไม่ได้

งดอาหารก็ไม่อ้วน ให้ถือว่าเวลาอยู่บนรถเมล์เป็นเวลาถือศีลอดของคนอยากผอม แล้วคุณจะไม่อ้วน เพราะวันหนึ่งๆ เราต้องอยู่บนรถเมล์กันเป็นชั่วโมงๆ ถ้าใช้เวลาตรงนั้นไปกับการไดเอท ก็เท่ากับคุณปิดประตูตายให้กับแคลอรีวันละอย่างน้อย 1 ชั่วโมงเต็ม ผิดกับคนที่ชอบทานจุบจิบระหว่างเดินทางที่จะน้ำหนักขึ้นง่ายมาก เพราะอาหารที่พกพาขึ้นไปนั่งกินบนรถเมล์ได้นั้นมักจะเป็นของกินง่ายแต่มากแคลอรีอย่างลูกอม ช็อกโกแลตแท่ง หรือขนมเคี้ยวเพลินต่างๆ

โหนรถเมล์เท่ากับเอ็กเซอร์ไซส์ คนที่ไม่เคยโชคดีมีคนลุกให้นั่งเลยน่าจะเข้าใจได้ดีที่สุด ว่าหลังจากห้อยโหนอยู่ยนรถเมล์ไปสักครึ่งชั่วโมงร่างกายจะอ่อนเปลี้ยเพลียแรงขนาดไหน เทคนิคเล็กๆ น้อยๆ สำหรับนักโหนมืออาชีพก็คือ ต้องไม่ลืมเกร็งหน้าท้องพร้อมกับสลับแขนเปลี่ยนข้างไปทุกๆ 5 นาที เป็นการเหยียดตึงกล้ามเนื้อ ทำให้แขนเรียวกระชับได้รูปสวยเร็วขึ้น

ขอขอบคุณ ที่มา : spicy ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

อย่าอ้างว่าไม่มีเวลาออกกำลังกาย เพราะแค่เปลี่ยนอะไรนิดๆ หน่อยๆ ในชีวิตประจำวัน คุณก็มีโอกาสได้เดินมากขึ้นแล้วละ

แทนที่จะขับรถไปซื้อของหน้าปากซอย ถ้าคุณเปลี่ยนเป็นเดินแทน จะได้เดินเพิ่มขึ้นอีกอาทิตย์ละ 2,000 ก้าว

แทนที่จะไปดูหนังกับเพื่อน ถ้าเปลี่ยนแผนชวนเพื่อนเดินช้อปปิ้งแทน ตลอด 2 ชั่วโมงคุณจะได้เดินมากกว่า 5,000 ก้าว

เวลาคุยโทรศัพท์ ถ้าเดินไปเดินมาแทนการนั่งจมปุ๊กอย่างที่เคยทำ ใน 15 นาทีคุณจะเดินประมาณ 100 ก้าว

แทนที่จะอีเมล์หาเพื่อนร่วมงาน ลุกขึ้นเดินไปบอกเขาที่โต๊ะดีกว่า ถ้าทำอย่างนี้ทั้งอาทิตย์จำนวนก้าวได้อีก 200 ก้าว

เลิกใช้รีโมททีวี แล้วลุกไปเปลี่ยนช่อง หรี่เสียง เพิ่มเสียง ปิดทีวีด้วยตัวเอง ชั่วโมงหนึ่งคุณจะขยับแข้งขยับขาได้ประมาณ 100 ก้าว

เลิกใช้บริการขนส่งมวลชนถ้าต้องเดินระยะใกล้ไม่เกินสองป้ายรถเมล์ นอกจากจะประหยัดเงินแล้ว 1 อาทิตย์คุณจะเดินเพิ่มขึ้นเกือบ 3,000 ก้าว

ขอขอบคุณ ที่มา : spicy ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

1. ควรจะเปลี่ยนออกกำลังกายอย่างน้อยเดือนละท่า เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายเคยชินกับท่าออกกำลังกายจนหยุดเผาผลาญไขมัน

2. การลดหน้าท้องด้วยการใช้เครื่องออกกำลังแบบลดหน้าท้องโดยเฉพาะ จะช่วยสลายไขมันหน้าท้องได้ในระยะสั้นๆ เท่านั้นแต่ในระยะยาวเมื่อร่างกายของเราเคยชินกับมันแล้ว เครื่องพวกนี้ก็จะไม่ได้ผลอีกต่อไป คนที่กำลังคิดจะทุ่มทุนสร้างซื้อเครื่องแพงๆ มาใช้ คิดผิดคิดใหม่ได้ค่ะ

3. อาหารเพื่อสุขภาพที่แพ็คขายในซูเปอร์มาร์เก็ตส่วนใหญ่ นอกจากรสชาติจะแย่แล้วยังมีไขมันสูง สารกันบูดเพียบ ทำให้น้ำหนักขึ้นเสียมากกว่า

4. ถ้าจะกินยาลดไขมันที่เขียนว่า "ลดหน้าท้องโดยเฉพาะ" ให้กินอาหารธรรมชาติพวกอาหารชีวจิต อาหารเจ ผักผลไม้ ธัญพืช จะได้ผลมากกว่า แถมยังไม่มีผลข้างเคียงให้ใจสั่นเห็นภาพหลอน สมองเสื่อมด้วย

ขอขอบคุณ ที่มา : spicy ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

สูตรเด็ดเคล็ดไดเอทครั้งนี้อัญเชิญมาไกลจากเดนมาร์กโน่น เป็นสูตรที่ "เจ้าหญิงแมรี่" พระชายาใน "มกุฏราชกุมารเฟรเดริกแห่งเดนมาร์ก" ทรงใช้เพื่อลดน้ำหนักและล้างพิษในร่างกายไปพร้อมๆ กัน เรียกว่าการลดน้ำหนักแบบ Detox Diet สูตรนี้มีหลักง่ายๆ ว่า

1. พยายามทานอาหารที่มีแคลอรีต่ำเท่านั้น งดอาหารที่มีน้ำตาล แอลกอฮอล์ ไขมันหรือพวกอาหารนมเนย เพราะทั้งหมดนี้แคลอรีสูงๆ ทั้งน้าน...

2. ในแต่ละวัน เศษสองส่วนสามของอาหารประจำวันต้องเป็นผัก อีกเศษหนึ่งส่วนสองจึงค่อยเป็นเนื้อสัตว์ และไม่ควรกินหนัง

3. ต้องทำอาหารด้วยน้ำมันถั่วหรือน้ำมันมะกอกเท่านั้น

4. ทานผลไม้มากๆ วันละ 2 ครั้ง ในตอนเช้ากับตอนบ่าย

5. ทานถั่วชนิดต่างๆ รวมทั้งธัญพืชด้วย

6. แบ่งอาหารออกเป็นมื้อเบาๆ วันละ 5 มื้อ ปิดท้ายด้วยการดื่มน้ำมากๆ วันละ 5-8 แก้ว และทานวิตามินรวมร่วมด้วย

อาหารสูตรนี้จะช่วยล้างพิษออกจากร่างกายได้ ยิ่งถ้าทำคู่กับการออกกำลังกายก็จะช่วยให้ผอมลงได้อย่างรวดเร็ว แถมยังไม่เพลียและไม่ต้องทรมานอดอาหารด้วย แต่ผิวพรรณกลับมีน้ำมีนวลและระบบขับถ่ายทำงานดี ไม่เหมือนการไดเอทแบบอื่น

ขอขอบคุณ ที่มา : spicy ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต