การออกกำลังกายส่งผลให้ร่างกายเราแข็งแรง มีสุขภาพที่ดี ห่างไกลจากโรคภัยได้นะคะ แต่ถ้าหากออกกำลังกายไม่ถูกต้องหรือหักโหมเกินไปแล้วล่ะก็สามารถทำให้สุขภาพเสื่อมโทรม และอาจจะเกิดโรคภัยไข้เจ็บกับตัวเราได้ ในหมวดหมู่ออกกำลังกายเพื่อสุขภาพจึงได้ศึกษาข้อมูลและนำบทความดีๆ เกี่ยวกับการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพโดยเฉพาะ มาฝากคุณผู้อ่านที่ชอบออกกำลังกายกันคะ คุณผู้อ่านจะได้เลือกรูปแบบของการออกกำลังกายได้ถูกต้องตามความต้องการของแต่ละคน เพื่อจะได้บำบัดโรคต่างๆ ได้ตรงจุด รวมทั้งหลักเกณฑ์ วิธิการปฏิบัติเพื่อให้การออกกำลังกายนั้นมีประสิทธิภาพสูงสุดค่ะ

Written by on

2 ท่า 2 นาที เอ็กเซอร์ไซส์ทุกวันให้ตาสวย

ถึงตาคุณจะไม่กลมโตมาตั้งแต่เกิดแต่คุณก็ทำให้มันสวยน่ามองขึ้นได้ ด้วยการออกกำลังกายกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตรอบๆ ดวงตาเป็นประจำ

ท่าที่ 1 นอนราบกับพื้น กดนิ้วกลางของทั้งสองมือไว้ที่หว่างคิ้ว ส่วนนิ้วชี้วางไว้บริเวณหัวตา จากนั้นขยิบตาติดต่อกัน 10 ครั้ง แต่ละครั้งต้องลืมตาจ้องไปข้างหน้าก่อนแล้วค่อยขยิบตา เมื่อครบจำนวน 10 ครั้ง จึงเปลี่ยนมาหลับตาให้แน่นที่สุดนับ 1-40 ในใจ แล้วค่อยๆ คลายออก

Tip : ท่านี้ จะลดอาการตาบวม รอยดำใต้ตา ควรทำวันละ 3 ครั้ง เริ่มจากทันทีที่ตื่นนอน 1 ครั้ง ก่อนแต่งหน้า 1 ครั้ง และตอนกลางวัน (ถ้าทำงานใช้สายตามากจนตาบวม) อีกครั้ง

ท่าที่ 2 นอนราบกับพื้น ใช้สองมือประคองต้นคอไว้ค่อยๆ ยกศีรษะขึ้นจากพื้นประมาณ 30 องศา ขยิบตาเหมือนท่าที่ 1 10 ครั้ง ครบ 10 ครั้งแล้วให้ขยิบตาเหมือนเดิม แต่เวลาหลับตาต้องหลับตาให้แน่นที่สุด ทำอีก 10 ครั้ง จากนั้นยกศีรษะให้สูงจากพื้นอีกครึ่งนิ้ว แล้วขยิบตาแบบหลับตาแน่นอีก 10 ครั้ง

Tip : การค่อยๆ ยกศีรษะให้สูงขึ้นทีละระดับจะเพิ่มความยากให้กล้ามเนื้อตาต้องทำงานหนักขึ้น อาการตาบวมก็จะหายไปเร็วขึ้นด้วย

ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสาร Spicy ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

 

Written by on

Written by on

ยืดอายุด้วย ไทชิ

การออกกำลังกายในยิมหรือเอาท์ดอร์เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับร่างกายเป็นสิ่งที่ดีค่ะแต่ปัจจุบันมีการออกกำลังกายแนวใหม่สำหรับผู้สูงอายุ หรือผู้ที่อยากมีอายุยืน อย่าง "ไทชิ" แบบจีนกำลังเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย แม้แต่ในประเทศออสเตรเลีย

"ไทชิ" เป็นการออกกำลังกายอย่างนุ่มนวล และเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งของมวยจีน เน้นการผ่อนคลายและการกำหนกลมหายใจเข้าลึก-ออกยาว มากกว่าการเคลื่อนไหวร่างกายภายนอกที่เน้นความแข็งแรงของกล้ามเนื้ออย่างเดียวเท่านั้น เพราะการออกกำลังแบบไทชิ จะเริ่มต้นการปฏิบัติตนด้วยการควบคุมจิตใจ ควบคุมการเคลื่อนไหวของร่างกาย เพื่อให้เกิดสมาธิที่ยาวขึ้น ส่งผลให้เกิดพลังในร่างกาย ที่แปรเปลี่ยนไปช่วยอวัยวะต่างๆ ให้ไม่เสื่อมเร็วและแข็งแรง ยามที่คุณเริ่มมีอายุย่างเข้าสู่วัยชรา

ทั้งนี้ชาวออสซี่กว่า 700 คนที่เข้าเรียบไทชิเพียง 4 เดือนพบว่าลดความเสี่ยงของการเกิดโรคทุกโรคได้ถึง 1 ใน 3 ของช่วงอายุ อย่างนี้ใครไม่อยากแก่ ไม่อยากออกแรงมาก น่าจะลองไปฝึกดู

ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสารเรื่องผู้หญิง ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

 

Written by on

Written by on

5 คลาสออกกำลังที่รับประกันความฟิตแอนด์เฟิร์ม

ใครที่เริ่มเบื่อกับการออกกำลังกายแบบเดิมๆ เรามีคลาสออกกำลังกายเก๋ๆ และแปลกใหม่ ที่ขอบอกว่าทั้งไม่น่าเบื่อและเผาผลาญแคลอรีได้ดีเยี่ยมมาแนะนำค่า คลาสที่ว่าจะเป็นแบบไหนบ้าง ตามมาเลยค่ะเราจะพาไปดู

SoulCycle เริ่มที่คลาสแรกกับการออกกำลังกายบนจักรยานคันจิ๋วนี้แหละ SoulCycle คือการบริหารร่างกายในห้องออกกำลังกายที่มีจักรยานปั่นไฟฟ้าแบบนี้วางเรียงรายอยู่เต็มห้อง และจะมีเทรนเนอร์มาสอนท่าต่างๆ การออกกำลังกายในคลาส SoulCycle นี้สามารถเผาผลาญพลังงานไปได้ถึง 500-700 กิโลแคลอรีภายในเวลา 45 นาทีค่ะ

TRX suspensiontraining คลาสออกกำลังกายต่อมาคงต้องใช้พลังในการลากการดึงกันนิดนึงนะคะ เพราะคลาสนี้มีอุปกรณ์หลักคือเจ้า TRX ที่มีลักษณะเป็นสายยางยืดที่สามารถดึงได้ตามแรงดึงของเราเลยค่ะ จะใช้ส่วนแขนดึงเพื่อบริหารท่อนบนหรือใช้ขาในการออกแรงดึงเพื่อบริหารส่วนล่างก็ได้ค่ะ ในคลาส 1 ชั่วโมงก็เผาผลาญพลังงานไปได้ประมาณ 500 กิโลแคลอรีเลยจ้า

Barre Classes คลาสต่อไปดูเผินๆ อาจจะคล้ายๆ การเต้นบัลเล่ต์ค่ะ เพราะอุปกรณ์ที่ใช้ออกกำลังกายนี้เหมือนกับการซ้อมเต้นบัลเล่ต์เลย นั่นคือราวจับที่ติดอยู่กับผนังนั่นเองค่ะ การออกกำลังในคลาสนี้จะไม่หักโหมมากนัก คล้ายๆ กับการเล่นโยคะด้วยท่าทางต่างๆ ที่เราสามารถเล่นกับราวจับนี้ได้ ได้ฝึกสมาธิไปด้วยในตัว และเวลาเพียง 1 ชั่วโมงก็เผาผลาญไปได้ 400-500 กิโลแคลอรีค่ะ

Barry's Bootcamp ความเก๋ของคลาสนี้อยู่ที่แสงไฟสลัวๆ และเสียงเพลงคึกคักๆ ให้แอบโยกตามได้เบาๆ แต่ขอบอกไว้ก่อนว่าคลาสนี้โหดกว่าที่คิดค่ะ เริ่มจากเทรนด์เนอร์นั้นจะเปล่งเสียงกระตุ้นเราให้แอ็คทีฟมากๆ คล้ายๆ กับการฝึกทหารยังไงยังงั้นเลยค่ะ และจะมีการแบ่งคลาสออกหลายๆ ส่วนเพื่อการบริหารเฉพาะจุด เช่น การบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้อง กล้ามเนื้อช่วงแขน เป็นต้น และคลาสโหดๆ นี้สามารถเผาผลาญแคลอรีได้ถึง 800-1,000 กิโลแคลอรีใน 1 ชั่วโมงค่ะ

CrossFit มาถึงคลาสออกกำลังกายสุดท้ายกันแล้วค่ะ คลาสนี้มี่ชื่อว่า CrossFit เป็นคลาสระยะสั้นใช้เวลาเพียงไม่นานแต่จะเข้มข้นมาก โดยกิจกรรมที่ทำในคลาสนี้เริ่มตั้งแต่การโหนเชือก, วิ่งเร็ว, วิดพื้น ไปจนถึงยกน้ำหนัก โดยจะแบ่งเป็นหลายๆ คอร์สหลายๆ วัน วันละ 20 นาที ก็สามารถเผาผลาญได้ประมาณ 200 กิโลแคลอรีเลยค่ะ เหมาะมากๆ สำหรับคนที่มีเวลาน้อยและต้องการออกกำลังกายหนักๆ ค่ะ

ใครชอบคลาสไหนก็ลองศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมได้นะคะ เพราะบางคลาสยังไม่เปิดสอนในประเทศไทย และเราก็สามารถนำมาประยุกต์เป็นการออกกำลังได้เองที่บ้าน ไม่ต้องไปลงสมัครให้เสียดายค่าคอร์สเล่นๆ แต่การเข้าเรียนในคลาสมีดีอยู่อย่างนึงค่ะ คือจะบังคับให้เรามีวินัยไปในตัว จะได้ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ไม่งั้นได้เสียเงินฟรีๆ แน่เลยค่า

ขอขอบคุณ ที่มา : Spicy ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

 

Written by on

Written by on

ท่าเอ็กเซอร์ไซส์เพื่อคนตาสวย

ถึงตาคุณจะไม่กลมโตมาตั้งแต่เกิด แต่เราก็ทำให้มันสวยน่ามองขึ้นได้ด้วยการออกกำลังกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตรอบๆ ดวงตาเป็นประจำ

ท่าที่ 1 นอนราบกับพื้น กดนิ้วกลางของทั้งสองมือไว้ที่หว่างคิ้ว ส่วนนิ้วชี้วางไว้บริเวณหัวตาจากนั้นขยิบตาติดต่อกัน 10ครั้ง แต่ละครั้งต้องลืมตาจ้องไปข้างหน้าก่อนแล้วค่อยขยิบตา เมื่อครบ 10 ครั้งจึงเปลี่ยนมาหลับตาให้แน่นที่สุด นับ 1-40 ในใจแล้วค่อยๆ คลายออก

Tip : ท่านี้จะลดอาการตาบวม รอยดำใต้ตา ควรทำวันละ 3 ครั้ง เริ่มจากทันที่ที่ตื่นนอน 1 ครั้ง ก่อนแต่งหน้า 1 ครั้ง และตอนกลางวัน (ถ้าทำงานใช้สายตามมากจนตาบวม) อีกครั้ง

ท่าที่ 2 นอนราบกับพื้น ใช้สองมือประคองต้นคอไว้ ค่อยๆ ยกศีรษะขึ้นจากพื้นประมาณ 30 องศา ขยิบตาเหมือนท่าที่ 1 จำนวน 10 ครั้ง ครบ 10 ครั้งแล้วให้หลับตาเหมือนเดิม แต่เวลาหลับตาต้องหลับตาให้แน่นที่สุด ทำอีก 10 ครั้ง จากนั้นยกศีรษะให้สูงจากพื้นอีกครึ่งนิ้ว แล้วขยิบตาแบบหลับตาแน่นอีก 10 ครั้ง

Tip : การค่อยๆ ยกศีรษะให้สูงขึ้นทีละระดับ จะเพิ่มความยากให้กล้ามเนื้อตาต้องทำงานหนักขึ้น อาการตาบวมก็จะหายไปเร็วขึ้นด้วย

ขอขอบคุณ ที่มา : Spicy ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

 

Written by on

Written by on

ข้อควรระวังในการออกกำลังกาย

สำหรับสาวๆ ที่อยากจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเองด้วยการออกกำลังกาย ไม่ว่าจะเพื่อหุ่นสวยหรือสุขภาพที่ดีขึ้น อย่าลืมอ่านข้อแนะนำที่น่าสนใจนี้เพราะนี่คือ ส่วนสำคัญที่จะทำให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นค่ะ

อย่าออกกำลังกายทันทีที่ตื่นนอน เวลาที่เราเพิ่งตื่น ร่างกายจะยังปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้ไม่เต็มที่นะคะ ถ้าออกกำลังกายเลยร่างกายอาจจะบาดเจ็บได้ค่ะ

ไม่ออกกำลังกายตอนเช้ามืด เนื่องจากก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น ต้นไม้จะยังคงขับคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ ถ้าเราไปออกกำลังกาย ร่างกายเราก็จะได้รับสารคาร์บอนไดออกไซด์ที่ไม่มีประโยชน์เข้าไปเต็มปอดนั่นเองค่ะ

ดื่มน้ำ 1 แก้วก่อนออกกำลังกาย สำหรับคนที่ชอบออกกำลังกายตอนเช้าๆ น้ำจะจำเป็นมาก เพราะ 6-8 ชั่วโมงที่เราหลับ ความเข้มของเลือดจะเพิ่มขึ้นและผิวหนังก็คายน้ำออกมาตลอดเวลา ถ้าเรารีบไปออกกำลังกายร่างกายก็จะเสียน้ำไปกับเหงื่ออีกจนอาจทำให้หน้ามืดได้

ไม่ออกกำลังกายตอนหมอกลง คนที่อยู่ท่ามกลางหมอกมักจะหายใจได้ไม่สะดวกได้นะคะ เพราะมีความดันกดอากาศต่ำ ถ้าออกกำลังกายกลางหมอก คุณจะเสี่ยงกับโรคในระบบทางเดินหายใจ ตาอักเสบ ผิวหนังอักเสบ

อย่าอาบน้ำทันที หลังออกกำลังเสร็จใหม่ๆ ห้ามอาบน้ำเพราะขณะออกกำลังกายรูขุมขนของเราจะเปิดเพื่อขับเหงื่อ ถ้าถูกน้ำราดลงมาเส้นเลือดก็จะหดตัวลงทันที ทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง สามารถเป็นหวัดได้ง่ายๆ และยังทำให้ระบบการหายใจติดขัดจนอาจช็อกได้

ไม่ดื่มน้ำเย็นจัด หลังออกกำลังกาย เนื่องจากน้ำเย็นจัดๆ ช่วยให้สดชื่น แต่ถ้าเอาไปดื่มหลังจากออกกำลังกายมาหมาดๆ จะทำให้กระเพาะหดตัวเฉียบพลันและอาจจะปวดท้องหรือท้องเสียได้

ไม่ทานอาหารทันทีหลังออกกำลัง เรื่องนี้เกี่ยวกับระบบย่อยของเราโดยตรง เนื่องจากขณะที่เราออกกำลังกาย เลือดลมจะสูบฉีดไหลเวียนไปทั่วตัว ทำให้กระเพาะและน้ำย่อยมีประสิทธิภาพต่ำอาหารที่กินเข้าไปก็จะไม่ย่อยจนท้องอืดท้องเฟ้อ

ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสารเรื่องผู้หญิง ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

 

Written by on

Written by on

5 ท่าโยคะกระชับหน้าท้อง ทำได้ง่ายๆ ที่บ้าน

ข้ออ้างในการออกกำลังกายของสาวๆ ที่ได้ยินบ๊อยบ่อยคือ ต้องตื่นแต่เช้า ออกไปทำงาน ตกเย็นรีบกลับบ้านรถก็ติด แล้วจะเอาเวลาไหนไปออกกำลังกายกระชับสัดส่วนล่ะคะ แต่ไม่ต้องห่วงค่ะ วันนี้เจ๊มี 5 ท่าโยคะง่ายๆ ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็ช่วยกระชับสัดส่วนหน้าท้องได้สมใจ พร้อมแล้วปูผ้าหรือเบาะนิ่มๆ แล้วทำตามได้เลยจ้า

ท่าที่ 1 ยืนตัวตรงเท้าชิด แขนเหยียดตรงมือปรานเหนือหัว โน้มตัวไปด้านข้าง

ท่าที่ 2 มือขวาจับฝ่าเท้าดึงเหยียดตรงไปข้างหน้า พร้อมโน้มตัวลงเล็กน้อย

ท่าที่ 3 ยืนตัวตรง ก้มตัวลงใช้สองมือจับส้นเท้า หน้าจรดหน้าขา

ท่าที่ 4 ยืนบนปลายเท้าทั้งสองข้าง แขนสองข้างเหยียดตรงไปข้างหน้าพร้อมกับย่อตัวลง

ท่าที่ 5 มือขวาจับปลายเท้าขวา มือซ้ายเหยียดขึ้นเหนือหัว พร้อมกับโน้มตัวไปข้างหน้า

บอกแล้วว่าแต่ละท่าง่ายมั่กๆ แล้วก็ไม่ได้พิสดารถึงกับต้องม้วนหน้าตีลังกาหลังอะไรมากมาย ขอเพียงแค่มีเวลาสัก 10-15 นาที ตั้งสมาธิให้แน่วแน่และทำตามท่าที่แนะนำไป นอกจากจะได้กระชับหน้าท้องแล้วการเล่นโยคะยังฝึกสมาธิไปในตัวด้วยนะคะ แบบนี้เค้าเรียกว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวเลยจ้า

ขอขอบคุณ ที่มา : Spicy ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

 

Written by on

Written by on

7 นาทีสู่การออกกำลังช่วยป้องกันโรคเบาหวาน

การออกกำลังกายนั้น แน่นอนว่าทุกคนรู้กันอยู่แล้วว่าจะทำให้ร่างกายนั้นแข็งแรง สุขภาพดี ต่อต้านโรคภัยต่างๆ ที่เข้ามาได้ เช่นเดียวกันกับโรคเบาหวาน ก็สามารถลดความเสี่ยงที่จะเป็นได้เช่นเดียวกันด้วยการออกกำลังกาย หากคุณบอกว่าไม่มีเวลา ขออย่างน้อย 7 นาที ก็เพียงพอแล้ว

การออกกำลังกายอย่างหนัก 7 นาทีต่อสัปดาห์ เพียงเวลาแค่นี้ก็ทำให้ร่างกายได้รับประโยชน์มากมายไม่แพ้การออกกำลังกายหลายๆ ชั่วโมงต่อสัปดาห์ และเพียง 7 นาที สามารถช่วยป้องกันโรคเบาหวานได้เพราะการออกกำลังกายนั้นช่วยควบคุมระดับของน้ำตาลในเลือดได้โดยช่วยควบคุมระดับของอินซูลินในเลือดได้ อินซูลินในร่างกายสามารถเปลี่ยนน้ำตาลให้เป็นพลังงานได้ วิธีง่ายๆ และยังทำให้สุขภาพดีขึ้น เรียกได้ว่าคุ้มยิ่งกว่าคุ้มค่ะ

ขอขอบคุณ ที่มา : นิตยสารเรื่องผู้หญิง ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

 

Written by on